TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ความลับของการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็ก เฉลียวฉลาด อยู่ตรงนี้!

บทความ 5 นาที
ความลับของการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็ก เฉลียวฉลาด อยู่ตรงนี้!

การเลี้ยงดูลูกให้เติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่ เฉลียวฉลาดนั้น จะสามารถเป็นเครื่องรับประกันได้ว่าเด็ก ๆ จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากขึ้น และพวกเขายังสามารถปรับตัวได้ดีกับสิ่งท้าทายต่าง ๆ ที่จะได้พบเจอในอนาคต

หัวใจสำคัญของการเลี้ยงดูลูกให้เป็นเด็กที่ เฉลียวฉลาด ไม่ใช่แค่การบอกว่าลูกฉลาด และความสามารถในการเรียนรู้หรือพรสวรรค์ที่ติดตัวมาก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คน ๆ หนึ่งฉลาดเฉลียวหรือประสบความสำเร็จซะทีเดียว

ความลับของการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็ก เฉลียวฉลาด อยู่ตรงนี้!

via GIPHY

ทั้งหมดทั้งมวลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความ “ฉลาด” มันเกี่ยวกับการมี “ความรู้สึกนึกคิด” ในการที่จะเปิดรับเพื่อเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และความคิดที่ว่าความบกพร่องต่าง ๆ นั้นเป็นสิ่งที่สามารถแก้ไขได้  ซึ่งการเจริญเติบโต และการมีความรู้สึกนึกคิดในการตั้งใจที่จะเรียนรู้นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากมันจะทำให้เด็กสามารถรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และทำให้พวกเขารู้จักปรับตัวได้ดีขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ

จะเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดได้อย่างไร

  • สอนให้ลูกมีความรู้สึกนึกคิดในเรื่องของการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เพียงความสามารถที่ติดตัวมา ให้ลูกได้เข้าใจถึงว่าความสนใจในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว จะกลายเป็นประสบการณ์และสร้างความฉลาดให้เกิดขึ้นได้
  • การมุ่งเน้นอยู่แค่ความสามารถหรือสติปัญญาที่ติดตัวมาที่เพียงอย่างเดียวนั้น อาจเป็นสาเหตุให้เด็ก ๆ ประสบกับความล้มเหลว เด็กที่ถูกพ่อแม่เชียร์ว่าฉลาดอยู่เสมอ อาจจะพบกับเรื่องยากเมื่อพวกเขาต้องเจอกับสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น ต้องเผชิญกับปัญหาที่ยากลำบากและไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะพวกเขาคุ้นชินอยู่กับความที่ไม่ต้องพยายาม ในทางตรงข้ามสำหรับเด็กที่หมั่นหาความรู้สม่ำเสมอ จะรู้จักกับวิธีจัดการปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น การสอนให้ลูกรู้ว่าความล้มเหลวนั้นเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขและไม่มีอุปสรรคใดที่จะเอาชนะไม่ได้ ความคิดแบบนี้จะช่วยส่งเสริมให้ลูกประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องเรียนและชีวิตประจำวัน
  • แน่นอนว่าการเรียนหนักเพียงอย่างเดียวก็ไม่อาจทำให้ลูกประสบความสำเร็จได้ดี แต่หัวใจคือการเปิดโอกาสให้ลูกได้รู้จักคิดด้วยตัวเอง สอนลูกให้เรียนรู้สิ่งอื่นรอบตัวนอกจากหนังสือเรียน ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้ใช้ความคิดอยู่ตลอด และเป็นนิสัยที่ลูกจะนำติดตัวไปได้จนโต ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะเริ่มต้นตั้งแต่ลูกยังเป็นเด็ก ๆ

เฉลียวฉลาด

 

การเลี้ยงดูลูกให้เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะสร้างให้ลูกได้เพียงชั่วข้ามคืนนะคะ แต่การเรียนรู้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีวันหยุดและเกิดขึ้นได้เสมอ ๆ ตลอดเวลา ดังนั้นอยากให้ลูกเติบโตมาอย่างเฉลียวฉลาด การเริ่มต้นที่จะเลี้ยงดูลูกให้เป็นเด็กที่รักในการเรียนรู้ มีความนึกคิด และความพยายามที่จะเรียนรู้ในทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ ตัวให้มากเท่าที่ลูกจะทำได้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะปูทางลูกในเรื่องนี้ได้.

เทคนิคเลี้ยงลูกให้ฉลาดตั้งแต่แรกเกิด พ่อแม่ต้องสอนลูกด้วยวิธีเหล่านี้

เทคนิคเลี้ยงลูกให้ฉลาดตั้งแต่แรกเกิด ถ้าให้ดีพ่อแม่ควรเริ่มตั้งแต่ลูกอยู่ในวัยแรกเกิดจนถึง 3 ปี เนื่องจาากเป็นช่วงที่สมองของลูกน้อยมีการพัฒนาได้ดีที่สุด มีการเรียนรู้จดจำได้ดี อยากรู้อยากลอง และสนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงนาทีทองของพ่อแม่ ลองมาดูกันว่ามีทักษะอะไรบ้างที่พ่อแม่ควรฝึกเพื่อกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อย

อยากให้ลูกฉลาด พ่อแม่ต้องฝึก 6 ทักษะนี้

1. การสัมผัสวัตถุต่างๆ

เวลาที่พ่อแม่ให้ลูกน้อยได้ฝึกการจับสัมผัสวัตถุต่างๆ พ่อแม่ไม่จำเป็นให้ลูกจับที่เป็นของแข็งเสมอไป อาจจะให้ลองของจำพวกของเหลวบ้าง เช่น เวลาอาบน้ำ พ่อแม่อาจลองให้ลูกได้สัมผัสทั้งน้ำอุ่น น้ำเย็น ให้เด็กได้รู้จักแยกแยะด้วยการสัมผัส ให้เขาได้รู้สึกถึงความแตกต่าง ถึงแม้ว่าสิ่งที่ตาเห็นจะเหมือนกัน แต่พอสัมผัสแล้วมันต่างกัน

กิจกรรมอย่างหนึ่งที่ทำให้ลูกได้ฝึกสัมผัสของที่หลากหลาย คือการพาออกไปเดินเล่นนอกบ้าน ให้ลูกได้จับ ดิน หิน ทราย ใบไม้ ต้นไม้ โดยเฉพาะหินที่มีหลายรูปทรง เด็กๆ จะได้รู้ว่าสิ่งของที่แม้จะเป็นชนิดเดียวกัน ก็ไม่จำเป็นที่ต้องมีรูปร่างหรือรูปทรงที่เหมือนกันได้

ถ้าพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกได้สนุกกับการสัมผัส ก็ลองให้เขาวาดรูปสิ่งของที่สัมผัสลงในกระดาษ ว่าเด็กๆ ไปเจออะไรบ้างนอกบ้าน เพื่อให้น้องๆ ได้ฝึกคิดและสนุกกับการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ หรือจะเป็นการปั้นดินนน้ำมัน แป้งโดว์ ซึ่งจะทำให้น้องๆ ได้ใช้จินตนาการอย่างสร้างสรรค์ด้วยค่ะ

2. ฝึกการมองเห็น

หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมต้องฝึกเรื่องการมองให้ลูกล่ะ? คำตองก็คือ ทารกหลังจากคลอดออกมา เริ่มแรกจะมองเห็นไม่ชัด ระยะการมองเห็นก็จะใกล้ๆ สีที่เห็นชัดที่สุดจะเป็นสีขาวกับดำ และจะเริ่มเห็นได้ไกลมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการมองเห็นที่ดีต้องเป็นของที่มีสีสันสดใส เพื่อดึงดูดความสนใจลูกน้อย โดยเฉพาะอย่างสีแดง เหลือง น้ำเงิน

ตัวช่วยในการฝึกคงนี้ไม่พ้นของเล่น ตุ๊กตา หนังสือที่สีสันสดใส พ่อแม่อาจจะใช้สิ่งนี้เป็นกิจกรรมเล่นกับลูกได้ เช่น การอ่านหนังสือนิทาน หนังสือผ้าที่ให้ลูกได้จับแบบไม่ต้องกลัวกระดาษบาดมือ หรือปาก เนื่องจากหนูๆ วัยนี้ชอบหยิบของใส่ปาก พ่อแม่ระวังไว้หน่อยก็ดีนะคะ ถ้าลูกโตขึ้นมาหน่อยก็ควรให้ได้สนุกกับการวาดภาาพ ระบายสี หรือเป็นการต่อจิ๊กซอว์ก็ได้ค่ะ

ความลับของการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็ก เฉลียวฉลาด อยู่ตรงนี้!

3. ด้านการฟัง

วิธีฝึกที่ง่ายที่สุด คือการคุบกับลูกบ่อยๆ เพราะลูกน้อยจะเกิดการจดจำของโทนเสียงสูง-ต่ำ คำศัพท์ใหม่ๆ โดยเฉพาะถ้าอยากให้ลูกพูดได้ห่ยๆ ภาษาก็ต้องเริ่มตั้งแต่เล็กๆ นี้แหละดีที่สุด แน่นอนว่าการสอนลูกหลายๆ ภาษาพร้อมกัน คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ลูกเกิดความสับสน เด็กพูดช้าไปบ้าง แต่พอโตขึ้นหน่อย เด็กจะเริ่มแยกแยะได้ และจะพูดโต้ตอบกับเราได้เองค่ะ

ไม่เพียงแค่นั้น การใช้เสียงเพลงก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ลูกน้อยได้ฝึกการฟังที่ดีด้วย การร้องเพลง เล่นดนตรี ก็เช่นกัน เพราะจะทำให้เขาได้เข้าใจจังหวะเพลง การเคลื่อนไหวร่างกายให้เข้ากับจังหวะ แรกๆ เด็กๆ อาจมีคร่อมจังหวะบ้างก็ไม่แปลก พอได้ยินบ่อยๆ สิ่งเหล่านี้ก็จะหายไป ไม่แนน่อาจจะกลายเป็นกิจกรรมที่น้องๆ ชอบมากก็ได้จริงไหมค่ะ

4. การรับรสต่างๆ

พ่อแม่ส่วนใหญ่จะเลือกอาหารที่ไม่ปรุงรสให้ลูกทาน ทำให้ลูกๆ ชินกับรสชาติอาหารจืดๆ บ้าง หรือรสตามธรรมมชาติบ้างๆ จริงๆ แล้วอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงรสเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย แต่พ่อแม่ก็ควรฝึกให้ลูกได้ลองกินอาหารในรสชาติอื่น ให้รู้ว่าแบบนี้เรียกว่าหวาน เค็ม เปรี้ยว ขมน่ะ หรือจะลองให้ลูกลองปรุงรสชาติอาหารที่ตนเองชอบดู ถ้าใส่น้ำตาลเท่านี้จจะหวานไปไหม ใส่น้ำปลาเท่านี้จะเค็มหรือเปล่า อีกทั้งน้ำปลาแต่ละยี่ห้อก็มีความเค็มไม่เท่ากันอีก ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ลูกได้มีประสาทสัมผัสที่ดีอย่างแน่นอน

5. การรับรู้กลิ่น

เด็กๆ เมื่อยังเล็กๆ คงแยกแยะไม่ออกว่ากลิ่นนั้นกลิ่นนี้คืออะไร เหม็นหรือไม่เหม็น คงจะมีแต่ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น บางทีการที่ให้ลูกได้รับรู้กลิ่นก็จะทำให้เขาได้รู้จักการระวังตัว เช่น กลิ่นไหม้ ถ้าลูกได้กลิ่นแบบนี้เมื่อไหร่ในบ้าน แสดงว่าเป็นสัญญาณไม่ดีแล้ว หรือกลิ่นอาหารที่เหม็นเน่า แสดงว่าลูกไม่ควรกินมันน่ะ เดี๋ยวจะป่วย กลิ่นสารเคมีในบ้านจากน้ำยาล้างห้องน้ำ หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่จะบอกให้ลูกรู้ว่าอย่าสูดดมมันมากเกิดไป

นอกจากนี้ การให้ลูกได้ลองดมกิ่นคือ ดอกไม้ และผลไม้ชนิดต่างๆ จะทำให้เขาแยกแยะสิ่งเหล่านั้นได้ดี ซึ่งพ่อแม่อาจใช้การดมกลิ่นเป็นเกมก็ได้ เช่น เวลาที่คุณแม่ไปเลือกซื้ออาหารหรือของเข้าบ้าน ก็ลองหยิบจับผักหรือผลไม้บางชนิดให้ดม หรือจะนำมาเล่นเกมปิดตาทายชนิดผักและผลไม้กับลูกก็ได้ ซึ่งเป็นเกมที่สนุก แถมไม่ต้องเสียเงินเยอะ เนื่องจากคุณแม่ต้องซื้อมาทำอาหารอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ

6. ฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง

กล้อมเนื้อเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เด็กทรงตัวได้ แถมยังหยิบจับอะไรก็สะดวกไปหมด กิจกรรมการเคลื่อนไหวต่างๆ ของร่างกายจะช่วยให้ลูกน้อยได้พัฒนาทักษะการทรงตัวที่ดี เช่น การคลาน วิ่ง เดินเร็ว การกระโดด ห้อยโหน ทั้งมีจะเป็นตัวช่วยให้ลูกน้อยมีการเคลื่อนไหนร่างกายที่คล่องแคล่ว ว่องไว โดยพ่อแม่อาจใช้กีฬาเข้ามาช่วย เช่น ยิมนาสติก ว่ายน้ำ บัลเล่ต์ หรือเทควันโด เป็นต้น ไม่แน่เด็กๆ อาจกลายเป็นนักกีฬาคนเก่งมากความสามารถก็นะคะ

คุณพ่อคุณแม่สามารถพัฒนาศักยภาพทางด้านนี้ของลูกได้โดยการให้ลูกทำกิจกรรมการเคลื่อนไหวที่ช่วยพัฒนาในด้านการทรงตัว ได้แก่ การคลาน การนอนกลิ้งตัว การวิ่งกระต่ายขาเดียว การกระโดด การยืนบนกระดานทรงตัว ซึ่งการฝึกให้เด็กๆ มีการทรงตัวที่ดีนั้นเป็นการช่วยพัฒนากล้ามเนื้อทุกส่วนของเด็กให้ทำงานประสานกันอย่างดี ซึ่งจะทำให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีบุคลิกที่คล่องแคล่วว่องไว อีกทั้งเป็นการพัฒนาศักยภาพให้ลูกเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถ เป็นนักบัลเล่ต์ หรือ แดนเซอร์ ที่เก่งกาจในอนาคต

ถึงแม้ว่า ประสาทสัมผัสทั้ง 6 ด้านจะติดตัวมากับลูกอยู่แล้ว และเด็กๆ สามารถพัฒนาเองได้ แต่การที่ให้ลูกฝึกทัหษะเหลล่านี้เพิ่มเติม จะช่วยให้พวกเขาพัฒนาทักษะเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้นจนกลายเป็นนความสามารถพิเศษก็ว่า บางคนชอบขีดเขียนตั้งแต่เล็กๆ พอโตขึ้นก็รู้ว่าตัวเองชอบและมีพรสวรรค์ด้านนี้ ก็จะสามารถไปได้ไกลกว่าคนอื่น ทั้งยังสามารถฝึกการเรียนรู้ จดจำได้ดีอีกด้วย

อยากจะเน้นย้ำกับคุณพ่อคุณแม่อีกที ควรจะให้ลูกได้เรียนรู้กับสิ่งของรอบตัวมากกว่าการให้ลูกได้สัมผัสแต่กับจอมือถือ แน่นอนว่าลูกๆ มักจะอยู่นิ่งๆ และอยู่นานกว่าเมื่อได้เล่นมือถือ แต่สิ่งนี้มันกลับทำให้ลูกไม่ได้พัฒนาทักษะอื่นๆ ที่ควรจะเป็นไปตามวัย แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ พ่อแม่ต้องบอกลูกว่าควรทำกิจกรรมอื่นก่อนแล้วค่อยให้เล่น พร้อมทั้งตั้งกติกากับลูกว่าเล่นได้กี่นาที เพื่อไม่ให้ลูกๆ งองแงเวลาที่พ่อแม่บอกให้ลูกเลิกเล่นมือถือคค่่ะ


ที่มาจาก : sg.theasianparent.com

บทความอื่นที่น่าสนใจ :

บทความจากพันธมิตร
เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้
เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้
รีวิวเจาะลึกนมผง เด่นเรื่องสมอง เสริม DHA และพัฒนาการรอบด้านของเด็ก แถมมีสารอาหารแน่น มาดูกันชัดๆ ว่ากล่องไหน ตอบโจทย์แม่ที่สุด
รีวิวเจาะลึกนมผง เด่นเรื่องสมอง เสริม DHA และพัฒนาการรอบด้านของเด็ก แถมมีสารอาหารแน่น มาดูกันชัดๆ ว่ากล่องไหน ตอบโจทย์แม่ที่สุด
อาหารมื้อแรก สำหรับลูกรัก กินอะไรดี? เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
อาหารมื้อแรก สำหรับลูกรัก กินอะไรดี? เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
Dadi International Kindergarten เรียนรู้สนุก เล่นอย่างสร้างสรรค์ ด้วย 3 ภาษา พร้อมเสริมสร้างทักษะ EF
Dadi International Kindergarten เรียนรู้สนุก เล่นอย่างสร้างสรรค์ ด้วย 3 ภาษา พร้อมเสริมสร้างทักษะ EF

5 สัมผัสมหัศจรรย์ช่วยกระตุ้นความฉลาด สร้างให้ลูกได้ผ่านพุงแม่

กินนมแม่ยิ่งนานยิ่งดี มีผลต่อความฉลาด ทำอย่างไรถึงจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ยาวนาน

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Napatsakorn .R

  • หน้าแรก
  • /
  • พัฒนาการลูก
  • /
  • ความลับของการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็ก เฉลียวฉลาด อยู่ตรงนี้!
แชร์ :
  • 20 กิจกรรมเสริม IQ EQ ให้ลูกวัย 3-6 ปี ฉลาด สมาธิดี ควบคุมอารมณ์ได้

    20 กิจกรรมเสริม IQ EQ ให้ลูกวัย 3-6 ปี ฉลาด สมาธิดี ควบคุมอารมณ์ได้

  • เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้
    บทความจากพันธมิตร

    เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้

  • วิทยาศาสตร์ยืนยัน! แค่ได้ยินเสียงลูกร้อง สมองของแม่ ก็เปลี่ยนแปลงทันที

    วิทยาศาสตร์ยืนยัน! แค่ได้ยินเสียงลูกร้อง สมองของแม่ ก็เปลี่ยนแปลงทันที

  • 20 กิจกรรมเสริม IQ EQ ให้ลูกวัย 3-6 ปี ฉลาด สมาธิดี ควบคุมอารมณ์ได้

    20 กิจกรรมเสริม IQ EQ ให้ลูกวัย 3-6 ปี ฉลาด สมาธิดี ควบคุมอารมณ์ได้

  • เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้
    บทความจากพันธมิตร

    เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้

  • วิทยาศาสตร์ยืนยัน! แค่ได้ยินเสียงลูกร้อง สมองของแม่ ก็เปลี่ยนแปลงทันที

    วิทยาศาสตร์ยืนยัน! แค่ได้ยินเสียงลูกร้อง สมองของแม่ ก็เปลี่ยนแปลงทันที

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว