- เริ่มที่ตัวคุณพ่อคุณแม่ อันดับแรกที่สำคัญที่สุดคือตัวคุณพ่อคุณแม่เองต้องตั้งสติอยู่บนความไม่ประมาท ไม่ควรทิ้งให้ลูกเล็กอยู่ตามลำพัง หรือคาดสายตาเป็นอันขาดโดยเฉพาะเมื่อออกไปนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นในบริเวณหมู่บ้านที่พักอาศัย สนามเด็กเล่นเด็กก็อาจมีภัยได้ระวังไว้ก่อนดีกว่าเสียใจภายหลัง แต่ก็ต้องมีความพอดีด้วยอย่าหวาดระแวง กลัวคนอื่นไปทั้งหมดจนกลายเป็นเสียมารยาทแสดงความเป็นอริชัดเจนจนเพื่อนบ้านไม่อยากคบ
- สอนให้ลูกรู้ว่าคนที่พูดเพราะ แต่งตัวดี หน้าตาดี ไม่จำป็นต้องเป็นคนดีเสมอไป คนเป็นเภทนี้ควรสอนให้เด็กยิ่งต้องระวังตัวให้มากขึ้นไปอีกด้วย
- ห้ามไม่ให้ลูกรับของจากคนแปลกหน้าเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นขนม ของเล่น ของมีค่า เครื่องประดับ หรือแม้แต่เงิน
- ห้ามลูกไม่ให้ออกไปนอกบ้าน หรือตามใครไปโดยไม่ขอนุญาติหรือคุณพ่อคุณแม่ไม่รู้ก่อนเด็ดขาด ทั้งคนแปลกหน้า หรือแม้แต่คนใกล้ชิด อย่างเพื่อนบ้าน เพื่อนคุณพ่อคุณแม่ คนงานในบ้าน หรือแม้แต่ญาติของตัวเอง ไม่ว่าลูกจะไปไหนคุณจะต้องรู้ทุกความเคลื่อนไหวของลูกชนิดไม่ให้คลาดสายตา ไม่ปล่อยลูกให้ไปกับคนอื่นตามลำพัง
- ฝึกให้ลูกกล้าแสดงออก ส่งเสริมให้ลูกมีความมั่นใจในตัวเอง และบอกปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดหนักแน่น ฝึกให้ลูกเชื่อสัญชาติญาณของตัวเองห้ามไว้ใจผู้อื่นมากเกินไป สอนให้ลูกรีบพาตัวเองออกจากสถานการณ์ที่อึดอัดจากการถูกผู้อื่นบีบบังคับ ฝืนใจ ฝึกให้ลูกปฏิเสธไม่ให้คนแปลกหน้าสัมผัสเนื้อตัว ห่วงแหนความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นลูบหัว จับแก้ม จับแขน อุ้ม หรือกอด หากรู้สึกอัดอัดให้ลูกร้องโวยวายขอความช่วยเหลือเสียงดังๆทันทีและพยายามหนีกลับมาหาพ่อแม่หรือคุณครูให้เร็วที่สุด
- หมั่นจำลองสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นชวนลูกเล่นสมมุติเพื่อให้ลูกรู้ว่าสถานการณ์อย่างไรเรียกว่าปรกติ หรือเมื่อไรที่ควรขอความช่วยเหลือจากคนอื่น พูดปฏิเสธผู้อื่นให้เด็ดขาดหนักแน่นต้องทำอย่างไร หรือเล่านิทานยกตัวอย่างให้ลูกดูเพื่อเป็นการพัฒนาทักษะการเข้าสังคมให้ลูกและใช้ไหวพริบให้เป็นเมื่อมีภัยมาถึงตัว
- หากมีคนแปลกหน้าหรือแม้แต่คนรู้จักมาขอความช่วยเหลือจากเด็ก คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกปฏิเสธทันที และรีบมาบอกพ่อแม่หรือคุณครูให้ไปพูดคุยแทน ฝึกใช้รหัสลับกับลูก เมื่อมีคนแปลกหน้าหรือแม้แต่คนรู้จักมาอ้างว่าพ่อแม่ให้มารับกลับบ้าน ต้องฝึกให้ลูกใช้ไหวพริบของตัวเองขอรหัสลับ หากให้รหัสไม่ถูกต้องกับที่ตกลงกันไว้กับพ่อแม่ ให้ลูกรีบเอาตัวเองออกห่างจากคนคนนั้นแล้วรีบติดต่อพ่อแม่หรือไปหาคุณครูเพื่อขอความช่วยเหลือให้เร็วที่สุด ห้ามตามเขาไปเป็นอันขาด
- สอนให้ลูกจดจำชื่อ นามสกุลตัวเอง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ที่ถูกต้องของทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ก่อนออกจากบ้านควรจดชื่อ ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่ชัดเจนใส่กระดาษให้ลูกนำติดตัวไปทุกครั้ง เมื่อเกิดการพลัดหลง หรือหนีจากอันตรายจะได้ขอความช่วยเหลือจากพลเมือดีได้
- สอนให้ลูกรู้จักความแตกต่างของคนโดยเฉพาะคนดีที่ลูกสามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินทั้ง ตำรวจ ทหาร พนักงานรักษาความปลอดภัย
- บางครั้งภัยจากคนแปลกหน้าก็อาจมาในรูปแบบรอคอยและอดทนอาศัยเวลาพูดคุยสม่ำเสมอ หลอกล่อให้เด็กตายใจ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามชวนลูกคุย ให้ลูกเล่าเรื่องราวต่างๆไม่ว่าจะเป็นวันนี้ไปทำอะไร ที่ไหน อย่างไร กับใคร เจอใครบ้าง หมั่นสังเกตและใส่ใจในคำพูดและพฤติกรรมของลูกเพื่อมองหาจุดผิดสังเกต (ไม่ใช่จับผิดลูกหรือคุณครูนะคะ)ว่าลูกพูดถึงเพื่อนใหม่หรือใครบ่อยเกินไปรึเปล่า เพื่อจะได้ตามต้นตอทำความรู้จักเพื่อให้ทราบจุดประสงค์ที่ชัดเจนในการเข้ามาตีสนิทกับลูกเราด้วย
อย่างไรก็ตามการระวังไว้แต่เนินๆก็เป็นการป้องกันเหตุร้ายๆที่อาจเกิดขึ้นกับลูกของเราได้ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรหวาดระแวงจนเกินไป จนกลายเป็นความทุกข์ใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับไปเสียเปล่าๆที่สำคัญการสอนให้ลูกปฏิเสธนั้นจำเป็นต้องมีขอบเขต ควรระหวังอย่าให้ลูกมั่นใจในตัวเองมากเกินไป หรือปฏิเสธบ่อยจนกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ไม่มีมารยาทและไม่รู้จักกาลเทศะ จนไม่เป็นที่รัก กลายเป็นตัวประหลาดในสังคมเข้ากับผู้อื่นได้ยาก แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากลำบาก และจะต้องเหนื่อยแน่นอน แต่ก็ขอให้คุณพ่อคุณแม่อย่าท้อขอให้สอนลูกด้วยความใส่ใจและอดทน รับรองว่าผลจากการทุ่มเทของคุณพ่อคุณแม่ต้องให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา ลูกปลอดภัยเอาตัวรอดในสังคมได้แน่นอนค่ะ
แหล่งข้อมูล
https://www.thelovelyair.com/teaching-stranger-danger/
https://kruwantida.blogspot.com/2012/04/blog-post_10.html
กิจกรรมเสริมพัฒนาการเด็ก 3 ขวบ เคล็ดลับเลี้ยงลูกให้ฉลาดตามวัย ที่พ่อแม่ควรรู้!
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!