รู้ไหมว่าทำไม ทารกบางคนมีเลือดไหลเหมือนมีประจำเดือน?
รู้ไหมว่าทำไม ทารกบางคนมีเลือดไหลเหมือนมีประจำเดือน?
อาการเลือดออกเหมือนมีประจำเดือนหรือมีตกขาวในเด็กทารกแรกเกิดหรือช่วง 2 เดือนแรกนั้น เกิดจากการที่ฮอร์โมนของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน ฮอร์โมนเอสโตรเจนจากคุณแม่ สามารถผ่านทางรก ไปสู่ตัวลูกได้ โดยที่ในเด็กแรกเกิดนั้นตับยังทำการสลายฮอร์โมนได้ไม่ดีพอ ทำให้ในช่วงแรกคลอดเด็กบางคนที่ได้รับฮอร์โมนมาก หรือร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมน จะมีร่างกายเหมือนวัยสาว กล่าวคือ ช่องคลอดอาจจะมีสีคล้ำขึ้น มีตกขาว หรือมีเลือดออกได้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปใน 1- 2 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายของเด็กจะกำจัดฮอร์โมนที่ได้จากคุณแม่เมื่อไหร่ โดยเฉลี่ยคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการลูกประมาณ 2 เดือน เด็กบางคนที่ได้รับฮอร์โมนเยอะ ๆ อาจมีเต้านมโต เต้านมมีก้อน มีเต้านมนิ่ม ๆ แนะนำคุณพ่อคุณแม่ว่าไม่ต้องไปทำอะไร เพราะประมาณหนึ่งเดือนก็จะยุบตามปกติ
เด็กเลือดออกจากท้อง น่าสงสารมาก แม่ลูกอ่อนต้องระวัง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เป็นการแชร์ประสบการณ์ของคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่ต้องนำลูกเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ด้วยโรคเกี่ยวกับลำไส้ จึงทำให้ เด็กเลือดออกจากท้อง และแม่ต้องคอยดูแลเช็คทำความสะอาด เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มเติม อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้?
เด็กเลือดออกจากท้อง น่าสงสารมาก แม่ลูกอ่อนต้องระวัง
สาเหตุเพราะอะไร
แม่คนนี้มีชื่อว่า แม่ติง และได้คลอดน้องอาตี้ที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดค่ะ ในวันที่ 5 ตุลาคม 2557 ตอนนั้นอายุครรภ์ได้ 39 สัปดาห์ 5 วัน น้ำหนักแรกคลอด 2,730 กรัม ร่างกายสมบูรณ์ดี พอคลอดเสร็จคุณหมอให้คุณแม่พักฟื้น 1 ชั่วโมง ก็ให้น้องมากินนมแม่ค่ะ พอกินนมได้ไม่นานเท่าไรน้องก็หลับไป หลังจากนั้นคุณพยาบาลเดินมาวัดอุณภูมิร่างกายน้อง และถามทุกๆ 4 ชั่วโมงว่าน้องอึฉี่ไหมคะ กี่รอบคะ ดิฉันเลยตอบไปว่า “น้องไม่อึเลยค่ะ ฉี่อย่างเดียว”
เช้าวันต่อมา (วันที่ 6 ตุลาคม 2557) คุณหมอเด็กมาตรวจน้องอาตี้ ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินะคะ แต่น้องก็ยังไม่ค่อยกินนมแม่ พอกินไปได้หน่อยนึง ก็อาเจียนออกมาหมด อุณภูมิร่างกายต่ำลง และยังไม่ถ่ายอุจจาระเลยตั้งแต่เมื่อวาน พยาบาลจึงช่วยสวนทวารน้องให้ อึออกมาเป็นขึ้เทาค่ะ คุณหมอมาดู ขอเจาะเลือดและ x –ray อย่างละเอียด ผลปรากฏว่า น้องติดเชื้อในกระแสเลือดเม็ดเลือดขาวและลำไส้อักเสบค่ะ
น้องต้องรักษาตัวในห้อง ICU ให้น้ำเกลือและยาฆ่าเชื้อ 7 วัน หลังจากนั้นก็มาพักที่ห้องสามัญค่ะ ถึงตอนนี้น้องก็ยังไม่อึนะคะ แต่เริ่มทานได้ปกติ คุณหมอเด็กมาตรวจก็บอกว่าน้องปกติดี พยาบาลมาสวนรูทวารก็มีอึออกมาทีละนิดๆ และวันรุ่งขึ้น คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ค่ะ
อาการของโรค คือ ลูกน้อยจะมีอาการท้องผูก ไม่ถ่ายหลายวัน มีอาการท้องโตผิดปกติ
เข้าพบหมออีกครั้ง
วันที่ 27 ตุลาคม 2557 แม่ติงเห็นความผิดปกติคือ อาตี้ท้องใหญ่มาก จึงตัดสินใจพาน้องไปพบคุณหมอ ผลปรากฏว่าน้องลำไส้อักเสบอีกแล้วค่ะ
แม่ติงเล่าอาการของน้องตั้งแต่คลอดให้คุณหมอฟัง คราวนี้คุณหมอจึงขอตรวจอย่างละเอียดทั้ง X-ray เจาะเลือดไปเพาะเชื้อและเจาะกระดูกไขสันหลัง น้องอาตี้ต้องนอนรักษาตัว ให้ยาฆ่าเชื้ออีก 7 วัน และนัดรักษาด้วยการสวนแป้งทางรูทวาร แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจแม่ติงแทบหล่นไปกองที่พื้น คือตอนที่คุณหมอบอกว่า “น้องต้องผ่าตัดนะคะคุณแม่ น้องเป็นโรคไม่มีปมประสาทในลำใส้ใหญ่ช่วงปลาย ”
หลังจากนั้น เราแม่ลูกเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นค่ะ น้องมีอาการอึไม่ออก อึแข็งเป็นก้อน คุณหมอทำการรักษาด้วยวิธีสวนทวาร ฉีดน้ำเกลือล้างลำไส้ที่อึไม่ออก อึอุดตันมีแป้ง และกลิ่นเหม็นมากค่ะ ในท้องอาตี้มีอึเป็นจำนวนมากค้างคาอยู่ ทุกครั้งที่สวนทวาร ก็มีเลือดออกปะปนมากับอึด้วย คุณหมอนัดอาทิตย์ละ 1 ครั้งเพื่อไปสวนเอาอึที่ค้างอยู่ออกให้หมด ก่อนที่จะผ่าตัดรักษาน้องต่อไป
ทำไมทารกบางคนมีเลือดไหลเหมือนมีประจำเดือน
เข้ารับการผ่าตัด
น้องอาตี้เข้ารักการผ่าตัดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2558 การผ่าตัดสำเร็จไปด้วยดี แต่สิ่งที่ทำให้แม่ติงตกใจและรู้สึกเป็นกังวลมาก เพราะลำไส้ของลูกออกมาอยู่นอกท้องค่ะ ที่ไม่สามารถผ่าปิดลำไส้ให้เรียบร้อยเพราะว่าอาจจะทำให้ติดเชื้อ ดังนั้นน้องจะมีส่วนของลำไส้ออกจากพุงจนกว่าอาการจะดีขึ้น ถึงจะนัดผ่าตัดอีกครั้งเพื่อเก็บลำไส้ได้ค่ะ
อาตี้ต้องนอนที่โรงพยาบาล 4 วัน ก็กลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน คุณหมอนัดมาดูแผลเรื่อยๆ หลังจากผ่าตัดน้องก็อึปกติค่ะ แต่จะมีเลือดออกบ้าง บางทีก็เยอะจนอดสงสารลูกไม่ได้จริงๆ ถ้าน้องเลือดออกเมื่อไหร่ แม่ติงต้องคอยเอาผ้าก็อตชุบน้ำเกลือซับและเช็ดแผลให้น้องค่ะ
แม่ติงต้องดูแลน้องอาตี้เรื่องความสะอาดส่วนของลำไส้ที่ออกมาจากท้องอย่างมากเพราะกลัวน้องจะติดเชื้อ และเฝ้ารอวันที่จะได้รับการผ่าตัดอีกครั้ง ตอนนี้มีข่าวดีค่ะ น้องน้ำหนักถึงเกณฑ์และแข็งแรงพอที่จะเข้ารับการผ่าตัดแล้ว คุณหมอนัดผ่าตัดวันที่ 17 สิงหาคม 2558 นี้ค่ะ
โรคลำไส้ไม่มีปมประสาท ส่วนใหญ่จะเป็นกันในเด็กทารกจนถึงเด็กเล็ก
โรคลำไส้ไม่มีปมประสาท
โรคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกันในเด็กทารกจนถึงเด็กเล็ก วิธีการสังเกตอาการง่ายๆ คือ ลูกน้อยจะมีอาการท้องผูก ไม่ถ่ายหลายวัน มีอาการท้องโตผิดปกติ อาจมีการอาเจียน ทานอาหารได้น้อยลง หรือไม่ยอมทาน โดยโรคนี้คุณหมอบอกกว่าสามารถรักษาได้ 2 แบบ คือ เจาะทวารหนักที่หน้าท้อง และการผ่าตัดลำไส้ส่วนที่ไม่มีปมประสาท แล้วทำการต่อลำไส้ใหม่
แพทย์หญิงกฤษณี เทพประเทืองทิพย์
บทสัมภาษณ์จากแพทย์หญิงกฤษณี เทพประเทืองทิพย์
สูตินารีแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลวิภาวดี
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และในเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการของทารก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความที่เกี่ยวข้อง :
โรงพยาบาลพญาไท – ที่ลูกน้อยร้องไห้จ้า…อาจเป็นเพราะ 5 โรคลำไส้ในเด็กเล็กนี้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เมนูอาหารลูกน้อยวัย 4 – 12 เดือน รวมตัวอย่าง เมนูอาหารทารก พร้อมวิธีทำง่าย ๆ
10 วิธี ดูแลทารกแรกเกิด พ่อแม่ควร ทำอะไร ไม่ควรทำ อะไรบ้าง
ป้อนอาหารทารก ต่ำกว่า 6 เดือน ความเชื่อโบราณ ที่แม่ไม่ควรเสี่ยง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!