คลอดแล้วโทรม คลอดแล้วย้วย ไม่สวย ไม่ตึง ไม่เปล่งปลั่ง! ทำไงดี เอาความสวยเซ็กซี่ของฉันคืนมา คุณแม่หลังคลอดอย่ากังวลไป ลองทำตามนี้ค่ะ อยากกลับมาสวยปิ๊ง 5 วิธีดูแล ความสวยความงามหลังคลอด ที่จะทำให้คุณแม่กลับมาสวยปิ๊ง เจิดจรัสเหมือนเดิม
5 วิธีดูแล ความสวยความงามหลังคลอด
1. ความสะอาดต้องมาก่อน
ที่โรงพยาบาลมักจะแนะนำให้ทำความสะอาดร่างกายได้ สามารถอาบน้ำ และสระผมได้ โดยวิธีการตักอาบหรือการใช้ฝักบัวไม่ควรอาบน้ำแบบแช่ตัวลงในอ่างอาบน้ำ เพราะจะทำให้น้ำเข้าไปในโพรงมดลูก อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ห้ามลงสระหรือทะเลจนกว่าร่างกายจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หรือน้ำคาวปลาหยุดไหล และหายแล้ว การอาบน้ำอุ่น อาจทำให้คุณแม่รู้สึกสบายตัวกกว่าการอาบน้ำเย็นธรรมดาและจะช่วยกระตุ้นน้ำนมให้ไหลดีขึ้น เหมาะสำหรับแม่ที่ให้นมลูกในช่วงที่มีน้ำคาวปลาควรหมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยอย่าปล่อยให้อับชื้นเพราะอาจเกิดการติดเชื้อที่ช่องคลอดได้ง่าย
2. การดูแลเต้านม
การดูแลเต้านมเต้านมหลังคลอดของคุณแม่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น และหนักขึ้นกว่าเดิม ต้องสวมเสื้อชั้นในที่กระชับเพื่อช่วยกระชับเต้านม คุณแม่ควรให้ลูกดูดกระตุ้นน้ำนมให้ไหลเร็วขึ้น ภายใน 2 – 3 วันแรก จะมีน้ำนมเป็นหัวน้ำนม เรียกว่าโคลอสตรัมซึ่งมีคุณค่าทางอาหาร และมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคสำหรับลูก น้ำนมนมแท้ จะออกมาประมาณวันที่ 3 หลังคลอด สีของน้ำนมจะไม่เหมือนกับนมวัวที่มีสีขาวแต่จะมีสีขาวอมเหลือง คุณแม่จะรู้สึกเจ็บเต้านมคัดเต้านมในวันที่ 2 – 3 หลังคลอด สามารถบรรเทาอาการปวดได้ด้วยการประคบน้ำเย็นทั้งสองข้าง หากจะให้นมลูกควรประคบอุ่น และนวดเบา ๆ ให้เต้าทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้น้ำนมไหลสะดวก เมื่อโคลอสตรัมเปลี่ยนเป็นน้ำนมแท้ คุณแม่สามารถบรรเทาการปวดด้วยการให้ลูกดูดนมบ่อยขึ้นหรือการปั๊มนมออก หลังการดูดนมทั้งสองข้างแล้ว ถ้ามีน้ำนมเหลือใช้การปั๊มหรือบีบออกให้หมดเต้าเก็บใส่ถุงเก็บน้ำนม เพื่อให้มีน้ำนมใหม่มาทดแทนน้ำนมที่ออกไปก่อนให้ลูกดูดนมทุกครั้งคุณแม่ต้องทำความสะอาด ล้างมือ แลทำความสะอาดบริเวณหัวนม และเต้านม เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายลูกทุกครั้งนะคะ
3. การดูแลแผลฝีเย็บ
แผลฝีเย็บจะอยู่ระหว่างปากช่องคลอดกับทวารหนัก ดังนั้น ต้องรักษาความสะอาดให้ดีนะคะ โดยทำความสะอาดทุกครั้งหลังปัสสาวะ และอุจจาระ โดยใช้น้ำเปล่าจากก๊อกน้ำไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาใด ๆ และหมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยอยู่เสมอ ที่สำคัญการเช็ดทำความสะอาด ไม่เช็ดย้อนจากทวารหนักมายังฝีเย็บนะคะ เพราะจะนำเชื้อโรคมาสู่แผลได้ ถ้ามีอาการเจ็บ บวม แดง หรือมีหนองบริเวณฝีเย็บต้องรีบพบคุณหมอโดยเร็ว
4. การดูแลแผลผ่าตัดหน้าท้อง
โดยปกติแผลผ่าตัด หลังผ่าตัดแผลจะหายประมาณ 7 วัน แผลจะสามารถถูกน้ำได้ แต่ต้องซับแผลให้แห้งด้วยผ้าสะอาดทุกครั้ง และไม่ต้องทาแป้งบริเวณแผล ปัจจุบันทางโรงพยาบาลจะใช้พลาสเตอร์กันน้ำได้ ทำให้แม่สามารถอาบน้ำได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยที่น้ำไม่เข้าแผล เมื่อกลับบ้านไปคุณหมอจะนัดเปิดแผลที่โรงพยาบาลซึ่งแล้วแต่คุณหมอแต่ละท่าน หากพบว่าแผลอักเสบ บวม แดง เป็นหนอง ต้องรีบพบคุณหมอโดยเร็ว
5. ปัสสาวะบ่อยหลังคลอด
ตั้งแต่ช่วงที่ท้องแก่ใกล้คลอด คุณแม่มักจะปัสสาวะบ่อย เนื่องจากการกดทับของมดลูกบริเวณกระเพาะปัสสาวะ ในวันที่คลอดทางโรงพยาบาลจะทำการใส่สายยางเพื่อสวนปัสสาวะให้ไหลออกมาอย่างสะดวก แต่ใช่ว่าปัสสาวะของคุณแม่จะไหลออกมาหมด เหมือนตอนที่ปัสสาวะเองนะคะ เป็นธรรมดาที่เกิดการสะสมน้ำในตัวของคุณแม่ เพราะฉะนั้น แม้หลังคลอดในสัปดาห์แรก ๆ คุณแม่จะปวดปัสสาวะ และจะปัสสาวะบ่อย และถี่ ซึ่งเกิดการสะสม ตั้งแต่การใช้สายยางสวนปัสสาวะที่โรงพยาบาล ตลอดจนเป็นการขับน้ำออกจากร่างกายที่สะสมไว้ในช่วงตั้งครรภ์ ถือเป็นอาการปกติค่ะ
ช่วงให้นมลูกเสริมสวยอะไรได้บ้าง
บทความ : ปัญหาคาใจแม่ลูกอ่อน ช่วงให้นมลูกเสริมสวยอะไรได้บ้าง
- ย้อมสีผมได้ไหม การย้อมสีผมนั้นอาจมีสารเคมีดูดซึมผ่านผิวหนัง เข้าไปในกระแสเลือด และผ่านน้ำนมได้แต่ก็มีปริมาณที่เล็กน้อย แม่ลูกอ่อนสามารถที่จะย้อมสีผมระหว่างให้นมลูกได้ แต่ควรระมัดระวังระเหยที่เป็นตัวทำละลายสีที่ได้สูดดมสารเข้าไปในขณะที่หมักหรือย้อมสีผมเป็นเวลานานจนทำให้เกิดอันตรายต่อตัวแม่เอง ดังนั้นระหว่างทำควรนั่งในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวกนะคะ
- ทาครีมบำรุงผิว หรือใช้เครื่องสำอาง สามารถใช้ได้คะ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการทาบริเวณหน้าอก หรือส่วนที่ลูกน้อยจะสัมผัสได้โดยตรง เพราะคุณแม่ไม่แพ้แต่ลูกอาจแพ้ได้
- ทาเล็บได้ไหม แม่ลูกอ่อนสามารถทาเล็บในช่วงให้นมลูกอยู่ได้นะคะ ถึงแม้ว่าในยาทาเล็บจะมีสารเคมีที่ดูดซึมผ่านผิวหนังได้ ในปริมาณที่น้อย แต่ก็ควรระวังการสูดดมสารระเหยในยาทาเล็บ ซึ่งควรทำในบริเวณที่มีอาการถ่ายเท หรือคุณแม่ลูกอ่อนที่มีอาชีพเป็นช่างทำเล็บ ทำงานอยู่ในร้านเสริมสวยเป็นเวลานาน ก็ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัยการสูดดม หรือจัดสถานที่ร้านให้มีอากาศถ่ายเท
- ฉีดโบท็อกซ์ได้ไหม ? ถึงแม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาวิจัยอย่างจริงจัง และยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่สามารถยืนยันได้ถึงความปลอดภัยในการฉีดโบท็อกซ์ระหว่างให้นมลูก ซึ่งสารโบท็อกซ์เป็นสารโมเลกุลใหญ่ที่จะอยู่ในกล้ามเนื้อที่ฉีดเข้าไปไม่ควรจะผ่านไปที่น้ำนม อย่างไรก็ตาม หลังจากการฉีดโบท็อกซ์ควรเว้นการให้นมลูกประมาณ 4-6 ชั่วโมง และสำหรับคุณแม่ที่มีประวัติแพ้สารโบทูลินัมอยู่ หรือเคยมีประวัติเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมาก่อน ก็ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์นะคะเพราะอาจเกิดอันตรายได้
- ลดน้ำหนักในช่วงให้นมลูกเป็นไรไหม ในช่วงให้นมลูกอยู่นั้น คุณแม่ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 500 กิโลแคลอรี่ และการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จะมีส่วนช่วยเรื่องการเผาผลาญน้ำหนักตัวอยู่แล้ว ดังนั้นการที่คุณแม่เลือกกินอาหารตามโภชนาการที่ดีในปริมาณที่พอเหมาะ และมีการออกกำลังกาย ก็จะช่วยทำให้น้ำหนักคุณแม่คืนตัวกลับมาเหมือนช่วงแรก ๆ ได้ดี และไม่แนะนำการกินยาเพื่อลดน้ำหนักในช่วงที่ให้นมลูกนะคะ การลดน้ำหนักในขณะที่ให้นมลูก อาจจะส่งผลที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักต่อสุขภาพของคุณแม่ คุณภาพของน้ำนม และการที่น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วเกินไป อาจจะส่งผลต่อท้องถัดไปด้วยค่ะ อันที่จริงแล้วคุณหมอแผนกสูตินารีเวชได้มีคำแนะนำว่า แม่ท้องควรมีน้ำหนักหลังคลอดมากกว่าน้ำหนักก่อนตั้งท้อง ประมาณ +5 กิโลกรัม เช่น หากคุณแม่มีน้ำหนักก่อนท้อง 48 กก. หลังคลอดควรจะหนักประมาณ 53 กก. หรือถ้ามากกว่านั้นค่ะ
Read : เหตุผลที่แม่ลูกอ่อนไม่ควรรีบร้อนลดน้ำหนักหลังคลอด
- ออกกำลังกายได้ไหม แม่ลูกอ่อนในช่วงให้นมลูกสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติค่ะ แต่ให้อยู่ในขนาดที่เหมาะสม เพราะหากแม่หักโหมออกกำลังกายมากเกิน จนรู้สึกเหนื่อยล้า จะทำให้ร่างกายจะผลิตกรดแลคติกเพิ่มขึ้น อาจทำให้รสชาติในนมแม่เปลี่ยนไป ถึงไม่มีผลเสียโดยตรงต่อทารก แต่ก็อาจทำให้ลูกปฏิเสธที่จะกินนมแม่ได้
- กินยาบำรุงได้หรือเปล่า สามารถทานได้นะคะ แต่คุณแม่ที่ปัญหาเรื่องท่อน้ำนมอุดตันบ่อย ๆ การกินของจำพวกนี้ก็อาจส่งผลทำให้ท่อน้ำนมตันขึ้นได้
- ทำฟันได้ไหม เข้าคลินิกทำฟัน ฉีดยาชา ถอนฟัน ถอนฟันคุด ขูดหินปูน ทานยาแก้ปวด-ยาปฏิชีวนะได้ (ถ้าจำเป็น) ได้ค่ะ ไม่กระทบน้ำนมแต่อย่างใด
_________________________________________________________________________________________
theAsianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพ และสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก theAsianparent Thailand เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้ และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
ที่มา : nrdc.org
บทความที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
แม่หลังคลอดจากโรงพบาบาลถึงบ้านแล้วไงต่อ !!?
24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด สิ่งที่ไม่มีใครเคยบอก เกิดอะไรขึ้นกับแม่บ้าง
ยาทาเล็บที่ปลอดภัยกับแม่และเด็ก แชร์ไอเดียทาเล็บสีสันแบบช่วงคริสต์มาส
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!