อาการ ท้องแข็งเป็นก้อน หรือ ท้องแข็ง เป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อยที่สุดสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่สองและสาม (หลัง 28 สัปดาห์) คุณแม่จะรู้สึกว่าท้องตึง แข็งเกร็งเป็นก้อน ไปทั่วทั้งท้องคล้ายกับตอนปวดประจำเดือน อาการนี้อาจทำให้คุณแม่หลายคนกังวล แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นอาการปกติที่เรียกว่า “การเจ็บครรภ์เตือน” (Braxton Hicks Contractions)
สิ่งสำคัญคือการแยกแยะระหว่างอาการ ท้องแข็งเป็นก้อน แบบปกติ กับอาการท้องแข็งที่เป็นสัญญาณอันตรายของ “การคลอดก่อนกำหนด”
ท้องแข็ง (เจ็บเตือน) ต่างจาก “ลูกดิ้น” หรือ “ท้องอืด” อย่างไร?
- ลูกดิ้น: มักจะรู้สึกแข็งเป็นจุด ๆ หรือเป็นก้อนแข็งที่เคลื่อนที่ได้ ไม่ได้แข็งเกร็งไปทั่วท้อง
- ท้องอืด/อาหารไม่ย่อย: อาจรู้สึกแน่นท้อง แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามดลูกบีบตัวเป็นก้อนแข็งอย่างชัดเจน (แม้ว่าการรับประทานอาหารอิ่มเกินไป หรือการกลั้นปัสสาวะจนกระเพาะปัสสาวะโป่ง อาจไปเบียดมดลูกและกระตุ้นให้เกิดอาการ ท้องแข็งเป็นก้อน ได้)
- ท้องแข็งเป็นก้อน (มดลูกบีบตัว): จะรู้สึกว่ามดลูก แข็งเกร็งเป็นก้อน ไปทั่วทั้งท้อง (คลำแล้วแข็งเหมือนลูกบอล) เป็นอยู่สักพัก (30 วินาที – 2 นาที) แล้วก็คลายตัว
สาเหตุของอาการท้องแข็งเป็นก้อน (เจ็บครรภ์เตือน)
อาการเจ็บครรภ์เตือน หรือ Braxton Hicks Contractions คือการที่มดลูกซ้อมบีบตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดจริง อาการ ท้องแข็งเป็นก้อน แบบนี้ มักถูกกระตุ้นได้ง่ายจากปัจจัยเหล่านี้:
- การเคลื่อนไหว: การที่คุณแม่เปลี่ยนอิริยาบถเร็วเกินไป เช่น ลุก นั่ง หรือเดิน
- กิจกรรมที่มากเกินไป: การทำงานหนัก ออกกำลังกาย หรือเดินมาก ๆ
- การขาดน้ำ: เมื่อร่างกายขาดน้ำ มดลูกอาจเกิดการหดเกร็งได้ง่ายขึ้น
- กระเพาะปัสสาวะเต็ม: การกลั้นปัสสาวะ ทำให้กระเพาะปัสสาวะไปเบียดมดลูก
- การกระตุ้น: การสัมผัสหรือลูบท้องบ่อย ๆ การกระตุ้นหัวนม หรือการมีเพศสัมพันธ์ (ซึ่งอาจทำให้มดลูกบีบตัวและเกิดอาการ ท้องแข็งเป็นก้อน ได้)
- ความเครียด: ความวิตกกังวลและความเครียดสามารถกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวได้
- ทารกดิ้นแรง: ในบางครั้ง การที่ทารกดิ้นแรง ๆ ก็สามารถกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวตามได้
ท้องแข็งเป็นก้อนเกิดจากอะไร
สัญญาณอันตราย: “เจ็บเตือน” (ปกติ) vs “เจ็บจริง” (ต้องพบแพทย์)
นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด คุณแม่ต้องสังเกตว่าอาการ ท้องแข็งเป็นก้อน ของตนเองเข้าข่าย ‘เจ็บครรภ์จริง‘ หรือไม่ โดยเฉพาะหากอายุครรภ์ยังไม่ถึง 37 สัปดาห์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะคลอดก่อนกำหนด
|
ลักษณะอาการ
|
เจ็บครรภ์เตือน
(ไม่อันตราย)
|
เจ็บครรภ์จริง
(ต้องรีบพบแพทย์)
|
| ความสม่ำเสมอ |
ไม่สม่ำเสมอ เป็น ๆ หาย ๆ |
สม่ำเสมอ และถี่ขึ้นเรื่อย ๆ
|
| ความถี่ |
ห่าง ๆ กัน ไม่ถี่ขึ้น |
ถี่ขึ้น (เช่น จากทุก 15 นาที เป็นทุก 10 นาที และทุก 5 นาที)
|
| ความแรง |
ความแรงไม่คงที่ หรือไม่แรงขึ้น |
แรงขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกเจ็บทนไม่ไหว
|
| ระยะเวลา |
มักจะสั้น ๆ (ไม่เกิน 30 วินาที – 2 นาที) |
นานขึ้นเรื่อย ๆ (เช่น จาก 30 วินาที เป็น 40-50 วินาที)
|
| การบรรเทา |
มักจะหายไปเมื่อนอนพัก หรือเปลี่ยนท่าทาง |
นอนพักหรือเปลี่ยนท่าก็ไม่หายปวด
|
| ตำแหน่งที่ปวด |
มักปวดแค่บริเวณท้องน้อยด้านหน้า |
อาจปวดร้าวไปที่หลังส่วนล่าง หรือหน่วงลงก้นกบ
|
| อาการร่วม |
ไม่มี |
อาจมีมูกเลือดออกทางช่องคลอด หรือมีน้ำเดิน (น้ำใส ๆ ไหลออกมา)
|

สรุปสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที
หากคุณแม่มีอาการเหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่ออายุครรภ์ยังไม่ครบ 37 สัปดาห์ ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
- อาการ ท้องแข็งเป็นก้อน ที่ถี่และสม่ำเสมอ (เช่น แข็งทุก 4-5 นาที หรือมากกว่า 4-5 ครั้งใน 1 ชั่วโมง)
- อาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และนานขึ้นเรื่อย ๆ
- นอนพักแล้วอาการ ท้องแข็งเป็นก้อน ไม่ดีขึ้น
- มีเลือดออกทางช่องคลอด (ไม่ว่าจะมีอาการท้องแข็งหรือไม่)
- มีน้ำเดิน (ถุงน้ำคร่ำแตก)
- ลูกดิ้นน้อยลง
คลายข้อสงสัย ท้องแข็งมาก เสี่ยงแท้งไหม
วิธีรับมือและลดอาการท้องแข็งเป็นก้อน
หากคุณแม่มั่นใจว่าเป็นเพียงอาการเจ็บเตือน สามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นเพื่อลดอาการท้องแข็งเป็นก้อน ได้ดังนี้:
- นอนพักและเปลี่ยนท่า: หากกำลังเดินหรือยืน ให้ลองนอนพักตะแคงซ้าย หากนอนอยู่ ให้ลองลุกขึ้นเดินช้า ๆ การเปลี่ยนท่าทางมักช่วยให้อาการท้องแข็งเป็นก้อน ที่เป็นเจ็บเตือนหายไป
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การขาดน้ำเป็นสาเหตุยอดนิยมของอาการท้องแข็ง การจิบน้ำเปล่าบ่อย ๆ ตลอดวันจึงสำคัญมาก
- ไม่กลั้นปัสสาวะ: ควรเข้าห้องน้ำทันทีที่รู้สึกปวด เพื่อไม่ให้กระเพาะปัสสาวะไปเบียดมดลูก
- พักผ่อนให้เพียงพอ: หลีกเลี่ยงการทำงานหนักเกินไป หรือยืนนาน ๆ และจัดการกับความเครียด
- หลีกเลี่ยงการกระตุ้น: ลดการลูบท้องหรือคลำท้องบ่อย ๆ หากพบว่าการกระตุ้นหัวนมทำให้เกิดอาการท้องแข็งเป็นก้อน ควรงดเว้น
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ (ชั่วคราว): หากคุณแม่มีอาการท้องแข็งเป็นก้อนบ่อย หรือมีความเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการมีเพศสัมพันธ์
- รับประทานอาหารย่อยง่าย: หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อใหญ่จนอิ่มแน่นเกินไป เพราะอาจทำให้ไม่สบายตัวและกระตุ้นมดลูกได้
อาการท้องแข็งเป็นก้อน เป็นเรื่องปกติของการตั้งครรภ์ แต่คุณแม่ต้องหมั่นสังเกตตัวเองเสมอ หากอาการท้องแข็งนั้น “สม่ำเสมอ ถี่ขึ้น แรงขึ้น” หรือมีอาการอันตรายอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เลือดออก หรือน้ำเดิน ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หากคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ
_________________________________________________________________________________________
ลงทะเบียนรับการดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ กับ theAsianparent Thailand ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรก มาติดตามพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิด ว่าลูกโตขึ้นแค่ไหนกันนะ ไตรมาสที่ 2 มาฟังเสียงลูกน้อย นับว่าหนึ่งวันลูกดิ้นไหมนะ และ ลูกดิ้นวันละกี่ครั้งด้วยแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand นี่เป็นแค่ตัวอย่างกิจกรรมบนแอพพลิเคชั่นในส่วนแรก เพราะคุณแม่จะได้รับการดูแล ทั้งอาหารการกิน โดยการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญว่าควรทานอะไรบ้างในแต่ช่วงอายุครรภ์ ยาที่เป็นอันตรายชนิดไหนบ้าง ที่ไม่ควรทาน กิจกรรมใดบ้างที่ทำได้ หรือทำไม่ได้ เคล็ดลับการตั้งชื่อลูกอย่างไรให้เป็นมงคล ทั้งเด็กหญิง และเด็กชาย รวมถึงเตรียมแผนการล่วงหน้าถึงอนาคต การเตรียมคลอด การดูแลตนเองหลังคลอด ที่ครอบคลุมทุกช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องการ
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.lamaze.org , โรงพยาบาลพญาไท , โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต , โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี , โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
อัปเดต ณ วันท่ี 28 ตุลาคม 2568
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ตารางน้ำหนัก และขนาดของทารกในครรภ์ ที่จะบอกว่าลูกในท้องแข็งแรงดีแค่ไหน
การเพิ่มน้ำหนักตัวระหว่างตั้งครรภ์ ทำอย่างไรไม่ให้อ้วนไปทั้งแม่ ทั้งลูก
ลูกไม่ดิ้นกี่ชั่วโมงต้องไปหาหมอ ลูกดิ้นกี่ครั้งต่อวัน ลูกไม่ดิ้น อันตรายแค่ไหน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!