ในระหว่างการตั้งครรภ์ ฮอร์โมนบางชนิดในร่างกายจะส่งผลต่อสุขภาพคุณแม่ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในช่วงตั้งครรภ์ ดังนั้น คุณแม่ควรรู้จักฮอร์โมนที่สำคัญสำหรับคนท้อง เพื่อให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และเพื่อสุขภาพครรภ์ที่แข็งแรงและปลอดภัย วันนี้เราจะพามาดูกันว่า ฮอร์โมนคนท้อง มีอะไรบ้าง ถ้าคนท้องฮอร์โมนต่ำจะส่งผลต่อลูกในท้องไหม ไปติดตามกันค่ะ
3 ฮอร์โมนคนท้อง มีอะไรบ้าง
ฮอร์โมนหรือสารเคมีที่ร่างกายสร้างไว้แล้วส่งไปตามกระแสเลือดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อกระตุ้นหรือยับยั้งกระบวนการต่าง ๆ ในเซลล์ ฮอร์โมนจะช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะในร่างกายให้ทำงานปกติ เมื่อแม่ตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนในร่างกายของแม่ท้องจึงเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์นี้ จะเริ่มตั้งแต่การปฏิสนธิ ตั้งท้อง จนถึงช่วงหลังคลอด
ฮอร์โมนคนท้องที่สำคัญ มีอะไรบ้าง
1. ฮอร์โมนคนท้อง hCG
ฮอร์โมนตัวแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงคือ hCG หรือ Human Chorionic Gonadotropin ฮอร์โมนตัวนี้จะถูกสร้างตั้งแต่เริ่มมีการปฏิสนธิ จากเซลล์ในไข่ที่ถูกผสมและมาฝังตัวอยู่ที่มดลูก เพื่อที่จะกลายเป็นรกต่อไป ในช่วงแรกที่ไข่เริ่มผสมและรกยังเจริญไม่เต็มที่ ฮอร์โมน hCG จึงมีหน้าที่ไปกระตุ้นให้รังไข่สร้างฮอร์โมนตัวอื่น ๆ และเมื่อรกเจริญเต็มที่แล้ว รกก็จะทำหน้าที่เป็นผู้สร้างฮอร์โมนตัวอื่นแทนรังไข่ ฮอร์โมน hCG ที่ถูกสร้างมาเพื่อกระตุ้นรังไข่ก็จะลดน้อยลงไป
คุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน ในช่วงไตรมาสแรกเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน hCG ในร่างกายนี่เอง แม่ท้องบางรายที่มีอาการแพ้ท้องมาก ๆ อาจเป็นเพราะว่ามีฮอร์โมน hCG สูง ซึ่งต้องทำการตรวจเพิ่มว่ามีสิ่งผิดปกติหรือเปล่า เช่น การตั้งครรภ์แฝด หรือรกเจริญผิดปกติ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำความรู้จักกับ ฮอร์โมนแต่ละชนิด ตลอดช่วงเวลาการตั้งครรภ์
2. ฮอร์โมนคนท้อง เอสโตรเจน (Estrogen)
เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากรังไข่ ในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะถูกกระตุ้นจากฮอร์โมน hCG เพื่อมาช่วยเสริมสร้างและเปลี่ยนแปลงเนื้อเยื่อต่าง ๆ ให้อ่อนนุ่มขึ้น ยืดขยายได้ดีขึ้นในขณะตั้งครรภ์ได้ดี และมีหน้าที่อื่น ๆ เช่น
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะไปกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้น รับการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ไข่ที่ผสมแล้วมาฝังตัวทำให้มดลูกของคุณแม่ขยายขนาดขึ้น ผนังมดลูกหนาขึ้น เสริมสร้างเนื้อเยื่อเซลล์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ในตอนท้องมดลูกจึงขยายใหญ่เป็นร้อย ๆ เท่าหรือเมื่อตั้งครรภ์ครบกำหนดมดลูกจะขายจนมีความจุถึง 3-5 ลิตร จากก่อนตั้งครรภ์ที่มีความจุเพียง 10 มิลลิลิตร และมีส่วนทำให้ผนังช่องคลอดหนาตัวและยืดขยายได้ดีขึ้นด้วยเพื่อให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ในส่วนของช่องคลอด
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีส่วนเปลี่ยนเนื้อเยื่อให้ยืดขยายได้ จะไปทำให้เอ็น ข้อต่อหลวม โดยเฉพาะที่เชิงกราน เพื่อจะได้เหมาะแก่การคลอด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แม่ท้องบางคนรู้สึกปวดเมื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนยังช่วยกระตุ้นให้เลือดในร่างกายของแม่ท้องมีการไหลเวียนมากขึ้น ไปหล่อเลี้ยงที่มดลูกเพื่อนำอาหารและออกซิเจนไปให้แก่ลูกน้อยในครรภ์ และเป็นส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นให้ทารกในครรภ์มีการพัฒนา มีการสร้าง และการเจริญเติบโตของอวัยวะต่าง ๆ อีกด้วย
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนยังทำให้ผนังหลอดเลือดมีการเปลี่ยนแปลงขยายใหญ่ขึ้น ทำให้พวกสารน้ำต่าง ๆ ในระบบไหลเวียนเลือดมีการซึมออกมาที่เนื้อเยื่อข้างนอกได้ง่าย เป็นสาเหตุให้คุณแม่มีอาการบวมได้ง่ายเมื่อต้องเดินมาก ๆ หรือยืนนาน ๆ
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนยังทำให้เนื้อเยื่อของมดลูก ปากมดลูกนุ่มยืดขยายได้ง่ายขึ้น พร้อมที่จะหดรัดตัวได้ดีเมื่อคุณแม่เจ็บท้องคลอด และยังทำให้ภายในช่องคลอดของคุณแม่มีภาวะเป็นกรดมากขึ้น ช่วยทำให้ติดเชื้อต่าง ๆได้ยากขึ้นอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์ คุณแม่อาจจะสังเกตเห็นว่าผิวหนังบริเวณหน้าท้องหรือเต้านมจะมีสีเข้มขึ้น บางคนอาจมีผื่นแดง ๆ ขึ้นได้ง่าย และมีผลทำให้ท้องอืดง่ายเนื่องจากส่งผลต่อระบบย่อยอาหารด้วย
นอกจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงตั้งครรภ์แล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้นยังส่งผลให้อารมณ์แม่ท้องแปรปรวนไม่คงที่ได้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังคลอดคือ ทำให้เต้านมขยายใหญ่ขึ้นทั้งมีการสร้างและขยายขนาดของท่อน้ำนมอีกด้วย
3. ฮอร์โมนคนท้องโปรเจสเตอโรน (Progesterone)
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนนอกจากจะมีหน้าที่แบบเดี่ยว ๆ แล้ว ยังทำงานร่วมกันหรือประสานงานเป็นทีมกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่ช่วยกันสนับสนุนหรือไปยับยั้งฤทธิ์ของฮอร์โมนตัวอื่นเพื่อไม่ให้ออกฤทธิ์ในช่วงที่ไม่จำเป็น เช่น
- ช่วยลดความตึงตัวของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในกรณีเมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนจะไปทำให้มดลูกขยายและพร้อมจะมีการหดรัดตัว แต่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะไปยับยั้งอาการทำให้มดลูกยังไม่มีการหดรัดตัวมากเพื่อให้ทารกมาฝังตัวที่มดลูกได้ไม่แท้งออกไปและจะลดต่ำลงเมื่อใกล้คลอดเพื่อให้มดลูกสามารถหดรัดตัว และคลอดทารกออกมาได้
- ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนได้ทำงานร่วมกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในการปรับเยื่อบุโพรงมดลูกให้เหมาะสมแก่การฝังตัวด้วยคือทำให้หนาขึ้น มีเส้นเลือดมาเลี้ยงดีขึ้น ฯลฯ และยังทำให้แม่ท้องมีการสะสมไขมันมากขึ้นสำหรับใช้เป็นพลังงาน เป็นแหล่งของสารอาหารให้กับทารกในช่วงตั้งครรภ์
- ถึงแม้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะช่วยทำการยับยั้งเพื่อไม่ให้เกิดการสร้างน้ำนมของเต้านมในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ แต่ก็ได้ร่วมมือกับฮอร์โมนเอสโตรเจนเตรียมเต้านมให้พร้อมสำหรับการผลิตน้ำนมให้ลูกหลังคลอด ช่วยขยายต่อมน้ำนมให้โตขึ้นและท่อน้ำนมให้มากขึ้น มีเซลล์ที่ช่วยสร้างน้ำนมได้เยอะขึ้นและให้ลูกกินได้ทันทีเมื่อแรกคลอด
- ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนยังมีส่วนที่ทำให้กล้ามเนื้อ เอ็นข้อต่อยืดขยาย เป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ท้องปวดเมื่อยได้ง่าย ไม่ค่อยมีแรง ผลจากการกระตุ้นให้ร่างกายปรับตัวและหายใจเร็วขึ้นเพื่อเอาออกซิเจนเข้าสู่ปอดเยอะ ๆ เมื่อมีการแลกเปลี่ยนบ่อย ๆ ก็จะทำให้แม่ท้องเหนื่อยง่ายด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลังคลอดฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะลดต่ำลง เพราะว่าฮอร์โมนทั้งคู่นี้สร้างจากรก หลังคลอดเมื่อรกหลุดออกไปฮอร์โมนทั้งสองตัวนี้ก็เลยหายไปด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องโปรเจสเตอโรนต่ำ เสี่ยงแท้ง! โปรเจสเตอโรนคืออะไร แม่ท้องต้องอ่าน
ถ้าฮอร์โมนคนท้องต่ำ จะกระทบต่อทารกในครรภ์หรือไม่
ปกติแล้วหน้าที่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน คือการทำให้เยื่อบุมดลูกพร้อมในการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว หรือกล่าวคือเป็นฮอร์โมนที่ทำให้คุณแม่พร้อมต่อการมีลูก ทั้งยังทำหน้าที่ส่งเสริมการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน เพิ่มการสะสมไกลโคเจน (Glycogen คือน้ำตาลที่อยู่ในกล้ามเนื้อและตับ มีหน้าที่ให้พลังงานแค่ร่างกายเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลง) อีกทั้งยังทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น ช่วยป้องกันไม่ให้มดลูกหดรัดตัวระหว่างการตั้งครรภ์ และหลังคลอดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะช่วยให้ร่างกายคุณแม่ผลิตน้ำนมอีกด้วยค่ะ
เมื่อฮอร์โมนคนท้องโปรเจสเตอโรนต่ำ
ถ้าฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมีปริมาณต่ำ ก่อนที่คุณแม่จะตั้งครรภ์ จะทำให้คุณแม่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ และถ้าคุณแม่มีปริมาณฮอร์โปรเจสเตอโรนต่ำระหว่างตั้งครรภ์ นั่นก็แสดงว่าการตั้งครรภ์ในครั้งนี้อาจจะล้มเหลวได้ เป็นการแท้งโดยธรรมชาตินั่นเอง ส่วนใหญ่แล้วจะแก้ไขได้โดยการรับประทานฮอร์โมนที่สั่งโดยคุณหมอ อาจจะเปลี่ยนเป็นการฉีดหรือเหน็บยาได้ โดยส่วนใหญ่แล้ววิธีที่จะทำให้รู้ว่าคุณแม่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนต่ำลง สังเกตได้ง่าย ๆ จากการที่อุณหภูมิร่างกายของคุณแม่ต่ำลงตัวเย็นขึ้นนั่นเอง เพื่อความปลอดภัย หากแม่ท้องสังเกตว่าตัวเองมีความผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์จะดีที่สุดค่ะ
รู้กันแล้วว่าฮอร์โมนคนท้อง มีอะไรบ้าง มาโหวตกันหน่อยว่า การตั้งครรภ์ของคุณเกิดขึ้นเมื่อใด ถ้ากดโหวตไม่ได้ คลิกที่นี่
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
วิธีในการเพิ่ม Oxytocin ฮอร์โมนความรักและความผูกพันธ์ 12 ประการ
12 วิธีธรรมชาติในการปรับสมดุลฮอร์โมนของคุณ ฮอร์โมนไข่เพื่อสุขภาพคืออะไร
ฮอร์โมนแปรปรวน มีผลต่อการตั้งครรภ์ ทำให้ตั้งครรภ์ยาก อยากท้องต้องระวังให้ดี
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!