วิธีป้องกันอุบัติเหตุตอนท้อง
วิธีป้องกันอุบัติเหตุตอนท้อง หากเกิดอุบัติเหตุระหว่างตั้งครรภ์ และวิธีปฐมพยาบาลคนท้องตกเลือด
เกิดอุบัติเหตุระหว่างตั้งครรภ์ อันตรายแค่ไหน
นพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์ สูตินรีแพทย์ อธิบายถึงร่างกายคนท้องไว้ว่า เมื่อตั้งครรภ์รูปร่างของผู้หญิงก็จะเปลี่ยนไป ท้องที่โตขึ้นจะทำให้น้ำหนักทิ้งถ่วงไปทางด้านหน้า ยิ่งท้องโตก็ยิ่งอุ้ยอ้าย ยิ่งท้องแก่ก็ยิ่งเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ก็ยิ่งต้องระวัง
“แต่ก็เหมือนกับว่าธรรมชาติจะรู้ใจว่าคนท้องจะเป็นโน่นเป็นนี่ได้ง่าย ก็เลยออกแบบให้มีโครงสร้างในการปกป้องไม่ให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ง่าย ๆ กว่าจะมีอะไรไปกระทบกระเทือนกับลูกในท้องก็ต้องฝ่าด่านระบบป้องกันภัยถึง 5 ชั้น”
- เมื่อท้องร่างกายของคุณแม่ก็จะมีการสะสมไขมันมากขึ้น โดยเฉพาะที่ก้นกับที่สะโพก ยิ่งท้องโตก้นก็ยิ่งใหญ่ ตรงนี้เขาเรียกว่า กันชน หรือ Bumper ก้นที่ใหญ่หนานุ่มของคุณแม่ก็จะรับแรงกระแทกกระเทือนได้มากขึ้น แรงกระแทกกระเทือนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะได้ไม่กระเทือนไปสู่ลูกในท้องได้มากนัก
- ช่วงท้องอ่อน ๆ ซึ่งจะมีอัตราการแท้งได้สูง มดลูกก็จะจมอยู่ในอุ้งเชิงกราน มีกระดูกเชิงกรานใหญ่แข็งแรงโอบอุ้มเป็นเกราะป้องกัน หากโชคไม่ดีมีอุบัติเหตุหนัก ๆ มดลูกก็ไม่ค่อยได่รับอันตรายเท่าไหร่เพราะมีกระดูกเชิงกรานคอยป้องกันไว้ กระดูกเชิงกรานของผู้หญิงก็จะเป็นปีกโอบไปทางด้านหลัง ด้านหน้าเปิดโล่ง ๆ ให้มดลูกขยายออกไปทางด้านหน้าได้ ดังนั้น กระดูกเชิงกรานก็จะปกป้องทางด้านหลังได้ดีกว่าทางด้านหน้า เพราะคนเราถ้าล้มไปข้างหลังก็ไม่ค่อยได้เอามือเอาเข่าช่วยยันไว้ได้ ส่วนท้องที่ยื่นไปข้างหน้าก็จะถูกปกป้องด้วยสัญชาติญาณ ดังนั้น ก็มีโอกาสน้อยมากที่หกล้มไปข้างหน้าแล้วท้องจะกระแทกพื้น
- มดลูกของผู้หญิงจะมีปากมดลูกติดอยู่กับส่วนปลายของช่องคลอด ส่วนตัวมดลูกเองก็จะลอยขึ้นไปในช่องท้อง โดยจะมีปีกมดลูกสองข้างคอยดึงรั้งมดลูกให้ตั้งตรงอยู่ตรงกลาง ดังนั้น มดลูกก็เหมือนลูกตุ้มที่แกว่งไปมาในช่องท้องได้ มันจะแกว่งตัวโยกไปเยกมาเพื่อดูดซับแรงสะเทือนได้
- มดลูกของผู้หญิงก็จะอยู่ลึกลงไปในท้องน้อย แต่ก็ไม่ได้ลอยแคว้งคว้าง รอบ ๆ ตัวมันก็ยังมีอวัยวะต่างๆอยู่ใกล้เยอะแยะ ที่สำคัญก็คือมีลำไส้ขดเล็กขดน้อยอยู่ล้อมรอบเต็มไปหมด ในลำไส้ก็จะมีน้ำ มีอาหารเละ ๆ มีแก๊สอยู่ข้างใน เวลาโดนอะไรกระแทกที่ท้อง แรงกระแทกนั้นก็จะไม่สะเทือนไปถึงมดลูกตรง ๆ แต่จะไปเจอลำไส้เล็กลำไส้น้อยรอบ ๆ ก่อน แก๊สกับน้ำในลำใส้ก็จะทำหน้าที่เหมือนถุงลมนิรภัยคอยดูดซับแรงกระแทกไปได้เยอะทีเดียว
- ถุงน้ำคร่ำในมดลูกที่ห่อหุ้มลูกนั้น เด็กในครรภ์จะลอยอยู่ในน้ำอย่างอิสระ เวลามีการสั่นสะเทือนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะทำให้เด็กไม่ค่อยรู้สึกอะไรมาก การที่เด็กลอยอยู่ในน้ำก็ดีในแง่ลดการสั่นสะเทือนเล็ก ๆ ได้ดี แต่ก็ไม่เหมาะกับการสะเทือนเยอะ ๆ จะไปกระโดดโลดเต้นไม่ได้นะ ถุงน้ำคร่ำนอกจากช่วยดูดซับการสั่นสะเทือนได้แล้ว ยังช่วยป้องกันการกดทับโดนตัวเด็กด้วย น้ำในถุงน้ำคร่ำจะช่วยให้มดลูกทรงรูปอยู่ได้ นอนทับด้านนี้ น้ำคร่ำก็จะโป่งออกไปทางด้านโน้น ปริมาตร หรือพื้นที่ภายในมดลูกก็จะคงที่ตลอด ไม่ต้องกลัวว่า แม่จะนอนทับแขนขาลูก
อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุตอนท้อง
- เจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด
- รกลอกตัวก่อนเวลา ทำให้เด็กเสียชีวิตในครรภ์
- มดลูกแตก
วิธีป้องกันอุบัติเหตุตอนท้องต้องเริ่มตั้งแต่เลือกรองเท้า
ของสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างแรกในระหว่างที่ตั้งครรภ์ก็คือ รองเท้า รองเท้าที่ดีของคนท้องต้อง เตี้ย+แบน+นิ่ม รองเท้าต้องส้นเตี้ย ๆ ส้นยิ่งสูงเท่าไหร่ ตัวเราก็ยิ่งแอ่นไปข้างหน้าเท่านั้น นอกจากยิ่งทำให้ปวดหลังแล้วก็ยิ่งทำให้หกล้มหน้าคว่ำได้ง่าย นอกจากส้นเตี้ยแล้วก็ยังต้องแบนด้วยนะ ยิ่งแบนยิ่งดี ตอนท้อง ยิ่งท้องโตตัวก็ยิ่งหนัก น้ำหนักก็จะไปกดที่บริเวณฝ่าเท้ามาก รองเท้านิ่ม ๆ ก็จะทำให้รู้สึกสบายฝ่าเท้ามากกว่า หากพื้นแข็งนาน ๆ เข้าก็จะเจ็บฝ่าเท้าได้ นอกจากนี้ รองเท้าที่ดีก็ต้องยึดเกาะ ควรมีพื้นเหมือนรองเท้ากีฬา มีร่องมีลายที่กันลื่นได้ดี รองเท้าที่พื้นเรียบ ๆ ลื่น ๆ ก็อย่าไปเสี่ยงดีกว่า
วิธีป้องกันอุบัติเหตุตอนท้องต้องระวังตัวเองให้มากขึ้น
พยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นทุกอย่าง โดยเฉพาะในห้องน้ำ ก็ต้องหาแผ่นยางกันลื่นมาปูกันไว้ หรือพยายามอย่าให้พื้นเปียกน้ำ ถ้าไปว่ายน้ำก็ควรต้องใช้คาวามระมัดระวังเป็นพิเศษ ขึ้นลงบันไดก็ไม่ต้องรีบร้อน ช้าแต่ชัวร์เป็นดีที่สุด
วิธีปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุตอนท้องเล็ก ๆ น้อย ๆ
เมื่อคนท้องลุกขึ้นได้ก็ให้สำรวจตัวเองดูอาการ ดังนี้
- หลังคนท้องเกิดอุบัติเหตุ หากเจ็บท้องขึ้นมา ถ้าเจ็บแข็งตลอดเวลา แปลว่ารกอาจจะลอกตัว หรือถ้ามดลูกแตกก็อาจเจ็บตลอดเวลา ถ้าเดี๋ยวเจ็บ เดี๋ยวหายก็แปลว่ามีการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด ต้องรีบไปหาคุณหมอ
- ถ้าล้มแล้วมีเลือดไหลออกมาก็อาจเป็นได้ว่ารกอาจมีการลอกตัว ถ้าเลือดออกนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยังพอทน แต่ก็มีแนวโน้มว่าอาจจะคลอดก่อนกำหนด แต่ถ้าเลือดออกมากจนคิดว่าจะทำให้แม่เสียเลือดจนถึงขั้นอันตรายได้ ก็จะให้คลอดทันทีโดยไม่ต้องคำนึงถึงอายุครรภ์
- ลูกดิ้นดีก็เป็นตัวบอกว่าลูกยังสบายดี ถ้าลูกไม่ดิ้นให้ไปให้คุณหมอตรวจดูให้แน่ใจ
ที่มา : https://www.facebook.com/notes
วิธีปฐมพยาบาลแม่ท้องตกเลือด
การตกเลือดหรืออาจเรียกว่า “เลือดตกใน” คือจะมีเลือดออกจากเส้นเลือดภายในร่างกาย แต่ไม่ไหลออกมาภายนอกให้เห็นชัดเจน ซึ่งสาเหตุเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การฉีกขาดของอวัยวะและเส้นเลือดภายใน หรือความดันในเส้นเลือดสูง ความดันเลือดในร่างกายสูงกว่าปกติ อาจทำให้เส้นเลือดบางแห่งแตก จะมีอาการ คือ
- ซึม ซีด
- เหงื่อออก
- ตัวเย็น
- ชีพจรเบาและเร็ว หายใจเร็ว
ส่วนวิธีปฐมพยาบาลคนท้องตกเลือด หรือการปฐมพยาบาลผู้ที่มีภาวะตกเลือด ต้องให้ผู้ป่วยนอนนิ่ง ๆ ให้ศีรษะต่ำกว่า โดยยกปลายเท้าให้สูงเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองและป้องกันอาการช็อค ห่มผ้าให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย คอยสังเกตชีพจร การหายใจตลอดเวลา ถ้าหยุดหายใจ ต้องรีบทำการช่วยหายใจทันที วิธีปฐมพยาบาลคนท้องตกเลือดหรือผู้ที่มีภาวะตกเลือด ต้องทำระหว่างที่รอนำส่งโรงพยาบาล โดยโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล เพราะคนท้องตกเลือดต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีโดยเร็วที่สุด
วิธีป้องกันอุบัติเหตุตอนท้องเริ่มจากทิ้งส้นสูง เลือกใส่รองเท้าเตี้ย แบน นุ่ม ๆ พร้อมกับระมัดระวังตัวในทุกย่างก้าว ไม่ว่าจะเดิน ขึ้นหรือลงบันได ไม่เหยียบพื้นลื่น ๆ ใส่ชุดคลุมท้องที่สบาย พอดีตัว ไม่ยาวรุ่มร่ามจนเดินยาก และต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เมื่อต้องขับรถและคาดเข็มขัดนิรภัย หรือขับขี่ ซ้อน มอเตอร์ไซค์ยิ่งต้องระวัง แต่ถ้าเกิดแม่ตกบันไดตอนท้อง ลื่นล้มระหว่างตั้งครรภ์ โดนกระแทกท้อง และรีบเช็คร่างกายตัวเองตามที่คุณหมอแนะนำไว้ ถ้ารู้สึกผิดปกติ อย่านิ่งนอนใจ ไปโรงพยาบาลเลยนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ธาลัสซีเมีย พ่อแม่เป็นพาหะธาลัสซีเมีย ผลกระทบของธาลัสซีเมียในหญิงตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์เสี่ยงแค่ไหน
คนท้องไตรมาสที่สาม มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ควรดูแลตัวเองอย่างไรในช่วงนี้
ปวดหลังระหว่างตั้งครรภ์ มีสาเหตุมาจากอะไร บรรเทาอาการปวดหลังได้อย่างไร