ผู้ปกครองหลายคนอาจเคยได้ยินอาการที่ทารกร้องงอแงตอนกลางคืนอย่างไม่ทราบสาเหตุ โดยทั่วไปในทางการแพทย์เชื่อว่าเป็นเพราะอาการป่วย หรืออาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ไปจนถึงสภาพแวดล้อมในการนอน กรดไหลย้อนในทารก ทำให้ทารกเป็นโคลิค เพราะนอกจากจะทำให้ทารกมีอาการโคลิคแล้ว ยังทำให้ทารกกินนมได้น้อย เสี่ยงต่อพัฒนาการที่ไม่ดีอีกด้วย
กรดไหลย้อนในทารก ทำให้ทารกเป็นโคลิค
กรดไหลย้อนในเด็กเล็ก (Gastoesophageal reflux disease) หรือ “โรคเกิร์ด (GERD)” อาการเหมือนกรดไหลย้อนในผู้ใหญ่ นั่นคือกรดที่อยู่ในกระเพาะอาหาร ไหลย้อนกลับเข้าไปในหลอดอาหาร ซึ่งทำให้อาเจียน มีปัญหาด้านการหายใจ และน้ำหนักลดลง สาเหตุของปัญหาคือ ระบบย่อยอาหารของเด็ก ๆ ยังไม่สมบูรณ์ดี การทำงานจึงยังทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาการนี้เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในทารกอายุ 3 – 4 เดือน เป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการโคลิค ซึ่งโดยส่วนใหญ่อาการนี้ของทารกจะดีขึ้นเมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไปจนถึงอายุ 1 ปี
การเกิดกรดไหลย้อนในทารก ถือเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าที่คิด เนื่องจากทำให้ทารกไม่สบายตัว มีปัญหาต่อการกินนม ซึ่งช่วงอายุ 6 เดือนแรก หากทารกเป็นกรดไหลย้อน จะยิ่งกินนมแม่ได้น้อย ส่งผลต่อพัฒนาการได้โดยตรง ดังนั้นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องให้ความสำคัญ คือ การคอยเฝ้าสังเกตอาการผิดปกติของทารกน้อย ว่ามีอาการที่สุ่มเสี่ยงหรือไม่
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 ที่นอนกันกรดไหลย้อน สำหรับทารกน้อย ช่วยให้ลูกน้อยไม่สะดุ้งตื่นหรือแหวะนม
วิดีโอจาก : พี่กัลนมแม่ Pekannommae mother and child care
สาเหตุที่ทำให้ทารกเสี่ยงต่อกรดไหลย้อน
อาการกรดไหลย้อนเป็นอาการที่มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งความผิดปกติ หรือโรคร้ายที่ทารกกำลังเป็น ไปจนถึงปัจจัยพื้นฐานอย่างท่านอน หรือการให้นมมาก ดังนี้
- ทารกถูกจับให้อยู่ในท่านอนแทบจะตลอดเวลา มีโอกาสได้นั่ง หรือเคลื่อนไหวร่างกายได้น้อยมาก
- เกิดจากการที่ทารกกินอาหารชนิดเหลวมากเกินไป ซึ่งก็เลี่ยงได้ยากในทารกที่กินนมแม่ ดังนั้นต้องสังเกตให้เป็นว่าทารกอิ่มนมตอนไหน แสดงท่าทีอย่างไรเมื่ออิ่มนม
- เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด โดยเฉพาะควันจากบุหรี่จากคนใกล้ตัว หรือจากบุคคลอื่น เป็นต้น
- เป็นผลกระทบจากการคลอดก่อนกำหนด หรือทารกอาจเป็นโรคร้ายบางชนิด เช่น โรคสมองพิการ (Cerebral Palsy) หรือดาวน์ซินโดรม (Down Syndrome) เป็นต้น
![กรดไหลย้อนในทารก ทำให้ทารกเป็นโคลิค](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2016/12/gred-baby-and-colic.jpg?width=700&quality=10)
อาการที่บ่งบอกว่าลูกอาจเป็นโรคกรดไหลย้อน
ทารกที่มีความเสี่ยงนี้ อยู่ในช่วงอายุที่ไม่สามารถสื่อสารได้โดยตรง ผู้ปกครองจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าทารกกำลังเป็นอะไร เพราะทุกอย่างจะออกมาผ่านการร้องงอแงแทบทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องสังเกตอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยเพื่อความชัดเจน นอกจากลูกมีการร้องโคลิคบ่อย ๆ แล้ว หากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย แสดงว่าลูกเป็นกรดไหลย้อนแล้วละ
- มีสีหน้าและท่าทางที่เจ็บปวด ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงกลางดึก
- มีการแหวะ สำรอก หรืออาเจียน หลังมื้อนม
- ทารกจะกินนมมากแค่ไหนก็ตาม แต่น้ำหนักตัวของทารกจะไม่เพิ่มขึ้นเลย
- ทารกมีอาการเรอ ร่วมกับอาการอาเจียน
- มีการงอ หรือขดตัวหลังจากมื้อนม
- เป็นหวัดบ่อย มีการติดเชื้อบริเวณหน้าอก หรือทางเดินหายใจ
- เมื่อทารกหายใจ จะมีเสียงดังหวีดออกมา
หากผู้ปกครองพบความเสี่ยงของอาการตามที่เราได้กล่าวมา ควรรีบพาทารกไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยด่วน เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยสาเหตุที่ทำให้มีอาการ และรับการรักษา การดูแลที่ถูกต้อง เพื่อให้ทารกสามารถกลับมามีอาการปกติ สามารถกินนมแม่ได้อย่างสะดวกอีกครั้ง
การรักษากรดไหลย้อนในทารก
ก่อนอื่นคือควรพาลูกไปตรวจวินิจฉัยว่าเป็นกรดไหลย้อนหรือไม่ กุมารแพทย์อาจจะจ่ายยา Zantac หรือยาที่ใกล้เคียงกันมาให้ โดยยาเหล่านี้จะไปเคลือบกระเพาะจากความเสียหายจากกรด และลดการระคายเคืองลง แต่โดยธรรมชาติแล้วอาจจะหายเองได้โดยไม่จำเป็นต้องยารักษาใด ๆ
การจ่ายยาจะเกิดขึ้นในกรณีที่ทารกมีอาการหนักรุนแรง เช่น อาเจียนเป็นเลือด, โรคหอบหืดกำเริบ, ปอดบวม หรือน้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นต้น ตัวยาที่ห้ามใช้คือ Mylanta หรือ Maalox เนื่องจากมีอะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งสามารถซึมเข้าสู่ร่างกายได้ เมื่อใช้มากกว่าหนึ่งเดือนขึ้นไป
![กรดไหลย้อนในทารก ทำให้ทารกเป็นโคลิค 2](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2016/12/gred-baby-and-colic-2.jpg?width=700&quality=10)
ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นกรดไหลย้อน
สิ่งที่ต้องรู้เป็นอันดับแรก คือ การปรับเปลี่ยนท่าทางของทารก ที่ไม่ควรให้นอนตลอดเวลา โดยให้ผู้ปกครองอุ้มประคอง หรือให้ลูกนอนเอนเป็นมุม 30 องศา เป็นเวลา 30 นาที ห้ามไม่ให้นอนราบ ควรทำหลังจากทารกกินนมทุกมื้อ และเวลานอนหลับปกติก็เช่นกัน นอกจากวิธีนี้แล้ว ยังมีวิธีรับมือกรดไหลย้อนในทารกอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น
- อาจจะใช้หมอนธรรมดา หรือที่นอนกันกรดไหลย้อนสำหรับจัดท่าให้ลูกนอนราบเอียง 30 องศาก็ได้เหมือนกัน
- แบ่งมื้อนมเป็นมื้อย่อย ๆ ป้อนนมทีละน้อย ๆ มากกว่าให้กินนมทีละมาก ๆ จะดีต่อกระเพาะทารกมากกว่า
- พยายามให้ทารกกินนมแม่เป็นปกติ เนื่องจากมีผลงานวิจัยว่าเด็กที่กินนมแม่จะเป็นกรดไหลย้อนน้อยกว่าเด็กที่กินนมผง หากมีปัญหาด้านการให้นม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ
- จับลูกเรอทั้งก่อน และหลังกินนม โดยให้จับลูกนั่งท่าตัวตรง และลูบหลังของลูกเบา ๆ
- พยายามคอยดูแลไม่ให้ลูกร้องไห้บ่อย ๆ เนื่องจากกรดจะไหลย้อนมากขึ้นหากร้องไห้
- ดูแลสภาพแวดล้อมให้สะอาดปลอดภัย โดยเฉพาะควันบุหรี่ ไม่ควรมีคนสูบบุหรี่ในพื้นที่ใกล้เคียงทารก
แม้อาการโดยทั่วไป หากดูแลทารกได้อย่างถูกวิธีจะสามารถหายไปได้เอง เพราะอาการนี้อาจพบเจอได้บ่อย แต่ก็ไม่ควรปล่อยไว้โดยไม่พบแพทย์ เพราะยังมีกลุ่มอาการหนักที่น่าเป็นห่วง หากทารกมีอาการผิดปกติก็ควรพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะปลอดภัยที่สุด
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ขวดนม ช่วยแก้อาการโคลิคของลูกน้อยได้หรือไม่ เลือกอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด ?
10 ขวดนมป้องกันโคลิคที่ดีที่สุด เพื่อการดูแลลูกน้อย หลับสบายไม่งอแง
สิ่งที่พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยง และไม่ควรทำเมื่อ เด็กมีอาการโคลิค
ที่มา : nationwidechildrens, rama.mahidol, samitivejhospitals
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!