สำหรับคู่รักที่วางแผนที่จะมีลูก หากพบว่าประจำเดือนขาด หรือมีอาการทางร่างกายอื่น ๆ ให้สงสัยได้ว่า เราจะตั้งครรภ์หรือไม่ การไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจเองในเบื้องต้น จึงเป็นทางเลือกอันดับแรก ๆ ที่จะต้องทำใช่ไหมคะ แต่ที่ตรวจการตั้งครรภ์ ก็มีมากมายหลายแบบเหลือเกิน วันนี้เราจะมาแนะนำว่า ที่ตรวจครรภ์แบบหยดใช้อย่างไร แล้วที่ตรวจครรภ์ชนิดนี้ต่างกับแบบอื่นแค่ไหน ให้ผลได้แม่นยำเหมือนกันหรือไม่
เครื่องตรวจครรภ์มีมากมายหลายประเภท ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปเช่นกัน แต่ผลที่ได้ต้องการนั้นเหมือนกันคือ สามารถบอกความเป็นไปได้ของการตั้งครรภ์ หรือไม่ ในขั้นต้นได้ และมีความแม่นยำมากถึง 90% เลยทีเดียว และ ที่ตรวจครรภ์แบบหยดก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ที่หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ และร้านขายยา และราคาถูก แล้ว ที่ตรวจครรภ์แบบหยดใช้อย่างไร และแตกต่างจากแบบอื่นอย่างไรบ้าง
เมื่อไหร่ที่ควรตรวจครรภ์
หากคุณเริ่มสงสัยว่าตนเองอาจจะตั้งครรภ์ สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นก่อนได้ โดยยังไม่ต้องไปพบแพทย์ อาการที่สามารถพบได้มีดังนี้
- ประจำเดือนขาด ถือได้ว่าเป็นสัญญาณเบื้องต้น หากปกติแล้วประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอ แต่จู่ ๆ ขาดหายไปอาจบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์
- คลื่นไส้และอาเจียน มักจะเกิดขึ้นหลังจากการปฏิสนธิประมาณ 1 เดือน แต่บางคนอาจจะตั้งครรภ์โดยไม่มีอาการแพ้ท้องเลยก็ได้
- คัดเต้านม เกิดจากเลือดไปเลี้ยงบริเวณเต้านมมากขึ้นจนทำให้มีอาการบวม ตึง และยังมีความไวต่อความรู้สึกคล้ายช่วงมีประจำเดือน
- ปัสสาวะบ่อย เพราะร่างกายผลิตเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ มากขึ้นจึงทำให้ไตขับของเสียออกจากร่างกายมากขึ้นด้วย
- ท้องผูก เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง รวมถึงเกิดจากการขยายตัวของมดลูกทำให้ไปกดทับลำไส้
- อารมณ์แปรปรวน จะมีอาการโกรธ หรือหงุดหงิดง่าย เนื่องจากร่างกายกำลังปรับตัวเข้าสู่สมดุล
เมื่อสังเกตแล้วว่า มีอาการเข้าข่ายตามนี้ โดยเฉพาะประจำเดือนไม่มาเหมือนปกติ สิ่งต่อไปที่ควรจะต้องทำ ก็คือ ซื้อที่ตรวจครรภ์มาทำการตรวจด้วยตนเอง สำหรับการตรวจด้วยที่ตรวจครรภ์ โดยปกติแล้ว ควรจะรอให้เลยวันที่รอบเดือนมาเสียก่อน อย่างน้อยต้องทิ้งช่วงประมาณ 7 วัน
เพราะบางครั้ง การที่ประจำเดือนมาเลทจากปกติ อาจจะเกิดจากความเครียด ความวิตกกังวล ที่เกิดขึ้นจากการทำงาน หรือชีวิตประจำวัน จนส่งผลให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติได้ แต่ถ้าหากรอจนครบ 7 วันแล้ว ประจำเดือนก็ยังไม่มา ก็ให้รีบไปซื้อเครื่องตรวจครรภ์มาเช็คได้เลยจ้า
หากผลตรวจออกมาเป็น 2 ขีด นั่นแสดงว่า คุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ถ้าตรวจแล้วเครื่องตรวจขึ้นเพียงขีดเดียว ก็ให้รอดูอีก 1 สัปดาห์ ว่าประจำเดือนจะมาหรือไม่ หากยังไม่มา ให้ตรวจซ้ำอีกรอบหนึ่ง หากผลยังคงเป็นลบอยู่ นั่นอาจจะหมายถึง มีความผิดปกติในร่างกาย คุณควรจะไปปรึกษาแพทย์แล้วล่ะค่ะ
เครื่องตรวจครรภ์ มีแบบไหนบ้าง
-
แบบตลับ หรือแบบหยด (Pregnacy Test Cassette)
จะประกอบไปด้วย ตลับทดสอบการตั้งครรภ์ ถ้วยตวงปัสสาวะ และหลอดหยดสำหรับดูดน้ำปัสสาวะ
วิธีใช้
- ให้เก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำหลอดสำหรับหยด มาดูดน้ำปัสสาวะเข้าไปในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วจึงหยดน้ำปัสสาวะ ลงบนตลับทดสอบ
- ควรที่จะวางตลับ หรือเจ้าเครื่องนั้นลงบนพื้นราบ แล้วจึงหยดน้ำปัสสาวะลงไป ประมาณ 3 – 4 หยด (ไม่ควรจะหยดมากจนเกินไป)
- ให้วางชุดทดสอบทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที หลังจากหยดปัสสาวะลงไป แล้วจึงค่อยอ่านผลทดสอบ
ข้อดีของเครื่องตรวจแบบตลับ หรือ แบบหยด
- สามารถช่วยลดโอกาสที่แผ่นทดสอบจะเสื่อมสภาพ
- ประหยัดค่าใช้จ่าย
- ให้ผลทดสอบที่แม่นยำ
ในชุดจะประกอบไปด้วย แผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ และถ้วยตวงปัสสาวะ โดยวิธีการตรวจก็จะไม่ยุ่งยากซับซ้อนมากนัก
วิธีใช้
- ให้เก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวงที่มีมากับผลิตภัณฑ์
- นำแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ โดยใช้ด้านที่มีลูกศรชี้ลง จุ่มลงไปในน้ำปัสสาวะ
- รอผลประมาณ 3 – 5 วินาที โดยควรจะระวัง ไม่ให้จุ่มน้ำปัสสาวะในถ้วยตวงจนเลยขีดที่กำหนด หรือสูงเกินขีดลูกศรในแผ่นทดสอบ
- นำแผ่นทดสอบออกจากน้ำปัสสาวะ แล้วรอผลประมาณ 3 – 5 นาที (ซึ่งในความเป็นจริง ควรรอให้ครบ 5 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าชุดทดสอบจะแสดงผลออกมาได้อย่างถูกต้อง
ข้อดีของที่ทดสอบการตั้งครรภ์แบบจุ่ม คือ
- อุปกรณ์ในการตรวจมีน้อย ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน
- เครื่องตรวจประเภทนี้ จะมีราคาถูก กว่าแบบอื่น ๆ
ข้อควรระวัง
- ไม่ควรจุ่มแผ่นทดสอบลงในปัสสาวะเกินขีดที่กำหนดเอาไว้ เพราะจะทำให้แผ่นทดสอบเกินการเสื่อมสภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ผลที่ได้ไม่เที่ยงตรง
-
แบบปัสสาวะผ่าน (Pregnancy Midstream Tests) หรือปากกา
ในชุดจะมีแค่แท่งทดสอบการตั้งครรภ์ โดยแท่งทดสอบจะมีฝาปิดเพื่อรักษาสภาพเครื่องตรวจ
วิธีใช้
- เริ่มจากการถอดฝาครอบออก
- ถือแท่งทดสอบให้หัวลูกศรลง
- ปัสสาวะให้ไหลผ่านบริเวณที่ดูดซับน้ำปัสสาวะ ให้อยู่บริเวณต่ำกว่าลูกศรให้ชุ่มประมาณ 5 วินาที
- ถือแท่งทอสอบการตั้งครรภ์ไว้ในแนวราบ
- รออ่านผลได้ตั้งแต่ 30 วินาทีเป็นต้นไป
ข้อดี
- ที่ตรวจครรภ์ชนิดนี้ใช้งานได้สะดวกมากกว่าชนิดอื่น เพราะไม่ต้องเก็บน้ำปัสสาวะในถ้วย
- ช่วยลดขั้นตอนในการทดสอบได้
ข้อเสีย
- ราคาสูงว่าชุดทดสอบการตั้งครรภ์ประเภทอื่น
-
แบบดิจิตอล (Digital Pregnancy Tests)
ในชุดการตรวจแบบดิจิตอล จะมีแท่งตรวจการตั้งครรภ์มาให้ เหมือนกันกับเครื่องตรวจแบบปัสสาวะผ่าน แต่แสดงผลออกมาในลักษณะของตัวเลข
วิธีใช้
- เริ่มจากการถอดฝาครอบออก
- ถือแท่งทดสอบให้หัวลูกศรลง
- ปัสสาวะให้ไหลผ่านบริเวณที่ดูดซับน้ำปัสสาวะ ให้อยู่บริเวณต่ำกว่าลูกศรให้ชุ่มประมาณ 5 วินาที
- ถือแท่งทอสอบการตั้งครรภ์ไว้ในแนวราบ
- รออ่านผลได้ตั้งแต่ 3 วินาทีเป็นต้นไป
ข้อดี
- สามารถทราบผลได้เร็ว และแม่นยำมากกว่าชนิดอื่น
- แสดงผลแบบจอดิจิตอล
ข้อเสีย
- มีราคาสูงกว่าเครื่องทดสอบการตั้งครรภ์ประเภทอื่น ๆ ค่อนข้างมาก
วิธีอ่านผลที่ตรวจครรภ์
โดยปกติแล้ว ในกล่องของชุดทดสอบการตั้งครรภ์ จะมีวิธีการใช้งาน และวิธีการอ่านค่า พร้อมกับแนบรูปภาพตัวอย่างมาให้ ซึ่งส่วนมากการอ่านผลที่ให้ความแม่นยำจะต้องอ่านภายใน 5 นาที หากทิ้งไว้นานกว่านั้นอาจทำให้มีอีกขีดเกิดขึ้นมาได้ และอาจจะไม่ใช้การตั้งครรภ์ หรือเป็นค่าที่เชื่อถือไม่ได้แล้ว ขีด C คือ Control Line ส่วนขีด T คือ Test Line สำหรับรายละเอียดของการตรวจจะมีดังนี้
- ตรวจแล้วขึ้น 1 ขีด โดยขีดจะขึ้นที่ C เพียงอย่างเดียว ได้ผลแปลว่า น่าจะไม่ตั้งครรภ์ หมายความว่า ไม่ตั้งครรภ์ หรืออาจจะตั้งครรภ์แต่ยังตรวจไม่พบ
- ตรวจแล้วขึ้น 2 ขีด หรือขึ้นเป็น 2 ขีดจางๆ โดยขีดจะขึ้นที่ C และ T คือ ได้ผลบวก แปลว่า น่าจะมีการตั้งครรภ์ หากขีดขึ้นที่ T จางๆ แนะนำว่าให้รออีกสักประมาณ 2 – 3 วันแล้วตรวจใหม่ และใช้เป็นชุดตรวจของยี่ห้อใหม่ก็น่าจะดีมาก
- ตรวจแล้วไม่ขึ้นแถบสี หรือไม่ขึ้นสักขีด หรือขึ้น 1 ขีดบนตัว T คือ อ่านค่าไม่ได้ แปลว่า ‘ชุดทดสอบการตั้งครรภ์เสีย’ อาจเกิดความผิดพลาดในขั้นตอนของการผลิต , การเก็บไม่ถูกวิธี , การใช้ปัสสาวะเก่า หรือชุดทดสอบหมดอายุ ถ้าตรวจแล้วผลที่แสดงไม่ขึ้นสักขีดก็เท่ากับว่าการตรวจในครั้งนั้นใช้ไม่ได้ จะต้องทำการตรวจใหม่อีกครั้ง
คำแนะนำในการตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง
- ก่อนใช้อุปกรณ์ตรวจครรภ์ควรรอให้เลยรอบเดือนประมาณ 7 วัน เพราะที่ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติอาจจะเกิดจากความเครียด และความวิตกกังวล
- ควรอ่านรายละเอียดขั้นตอนการใช้อย่างละเอียด และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อผลทดสอบที่ถูกต้อง
- ควรตรวจอย่างน้อย 2 ครั้งเพราะปริมาณฮอร์โมน HCG จะมีระดับที่แตกต่างกัน หากตรวจหลายครั้งจะได้ผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่า โดยเว้นระยะทดสอบประมาณ 2 – 3 วัน
- ควรตรวจหลังตื่นนอนตอนเช้า หรือก่อนรับประทานอาหารเพราะจะไม่มีสารเจือปนในปัสสาวะซึ่งอาจจะส่งผลให้ผลการตรวจคลาดเคลื่อนได้
- เมื่อฉีกซองแล้วควรรีบตรวจภายใน 1 ชั่วโมงทันทีเพราะหากทิ้งไว้นานจะทำให้ประสิทธิภาพในการตรวจลดลง
อย่างไรก็ตามการตรวจครรภ์ด้วยวิธีนี้จะไม่สามารถให้ผลได้ 100 % และควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจการตั้งครรภ์ที่แม่นยำกว่า โดยนอกจากวิธีดังกล่าวแล้วยังมีรูปแบบการตรวจครรภ์ด้วยวิธีอื่นด้วย คือการรับการตรวจครรภ์จากแพทย์ด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่แม่นยำมากขึ้น
ที่มา : medthai , petcharavejhospital
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ที่ตรวจครรภ์แบบจุ่ม ควรใช้อย่างไร ต่างกับแบบอื่นอย่างไร
อาการก่อนรู้ว่าท้องเป็นอย่างไร
เช็คอาการคนท้อง ก่อนตรวจตั้งครรภ์ อาการก่อนตั้งครรภ์เป็นยังไงมาดูกัน!
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!