จริงไม่จริง ไม่รู้ละ ผู้ใหญ่เค้าว่ามางี้ มาดู 10 ความเชื่อทารกแรกเกิด ถ้าไม่อยากขัดใจ ปู่ ย่า ตา ยาย ลองไว้ก็น่าจะดี ไม่มีอะไรเสียหาย
10 ความเชื่อทารกแรกเกิด มีดังนี้
1.โกนผมไฟผมจะได้ดกดำ
ความจริง: สมัยโบราณนิยมโกนผมไฟให้แก่เด็ก เพราะเชื่อกันว่าผมของเด็กที่ติดมาตั้งอยู่ในท้องแม่นั้นเป็นผมที่ไม่สะอาด และยังบอบบางมากอีกด้วยทำให้หลุดร่วงง่ายจึงต้องโกนทิ้ง ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีแชมพูสำหรับเด็กเช่นสมัยนี้จะใช้น้ำอุ่นสระผมให้เด็ก ดังนั้น การโกนผมไฟจึงมุ้งเน้นไปที่สะดวกในการทำความสะอาดมากกว่าที่จะให้ผมขึ้นมาดกดำ เพราะความจริงแล้วการโกนผมไม่ได้ทำให้ผมดกดำขึ้นแต่อย่างใด เพียงแต่ผมเดิมตอนที่คลอดออกมาจะดูบอบบาง และจะหลุดร่วงไปเองประมาณ 2-3 เดือน ที่คนโบราณมักพูดว่า ช่วงไหนที่ลูกผมร่วงแปลว่าลูกจำหน้าแม่ได้แล้ว ผมจะดกดำหรือไม่นั้นแท้ที่จริงขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ หากคุณพ่อคุณแม่ผมบางลูกก็มักจะผมบาง หากมีผมดกดำลูกก็จะมีแน้วโน้มผมดกดำเช่นกัน ดังนั้นโกนหรือไม่โกนก็ไม่มีผลทำให้ดกดำหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์
2.ดอกอัญชัน น้ำนมแม่ กานพลู ทำให้ผมและคิ้วดกดำ
ความจริง : จากผลการทดสอบของนักวิจัย พบว่า ดอกอัญชันมีสารกลุ่มแอนโธไซยานินซี่งหากนำมาหมักผมจะช่วยกระตุ้นหนังศีรษะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมทำให้ผมดกดำ ส่วนกานพลู น้ำนมแม่นั้น ยังไม่มีผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงหากคุณแม่คิดจะใช้อัญชัน หรือกานพลู ต้องดูว่ามีการเกิดอาการผื่นแพ้หรือไม่เพราะผิวทารกบอบบางอาจเกิดการระคายเคืองได้
3.ใช้ปัสสาวะทารกกวาดลิ้นป้องกันฝ้าขาว
ความจริง : ปัสสาวะเป็นของเสียที่ร่างกายขับออกมาหากนำไปกวาดลิ้นจะทำให้ทารกได้รับเชื้อโรค ฝ้าขาวที่ลิ้นนั้นเมื่อทารกดูดนมเข้าไปแน่นอนว่าลิ้นจะต้องเป็นฝ้าขาวแน่นอน ทางที่ดีควรใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดลิ้นเบา ๆ จะดีกว่าค่ะ ปลอดภัยกว่าการใช้ปัสสาวะแน่นอน ไม่ต้องกังวลเรื่องการติดเชื้อในช่องปากอีกด้วย
ความเชื่อทารกแรกเกิด
แลกเปลี่ยนความเชื่อ และเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพต่าง ๆ ของลูกน้อย กับกลุ่มคุณแม่ครอบครัวอื่น ๆ ผ่านแชทแบบกลุ่ม ที่จะคอยมีคุณหมอ และพยาบาลคอยมาตอบคำถาม และให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลลูกรักอย่างถูกวิธี ได้ใน ALive Powered by AIA แอปพลิเคชันสำหรับคุณแม่มือใหม่ ดาวน์โหลดฟรี!
4.บีบจมูกทารกเพื่อดั้งจมูกโด่ง
ความจริง : กระดูกตรงสันจมูกของลูกน้อยจะเป็นกระดูกอ่อน ๆ ทารกที่เกิดมาใหม่แทบจะทุกคนจมูกจะดูแบน ๆ แต่พอโตขึ้นแล้วถึงจะรู้ว่าจมูกโด่งหรือไม่โด่ง การบีบจมูกลูกน้อยบอกได้เลยค่ะว่าไม่มีผล คุณแม่ไม่จำเป็นต้องบีบ นวด คลึงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะการที่เด็กมีจมูกโด่งหรือไม่โด่งนั้นขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ การไปบีบจมูกในขณะที่ยังเป็นทารกอยู่นั้นด้วยผิดที่บอบบางอาจทำให้จมูกเกิดการอักเสบได้
5.ห้ามตัดเล็บจนกว่าจะ 1 เดือน
ความจริง : การตัดเล็บของทารกที่เกิดใหม่ โบราณท่านว่าห้ามตัดก่อน 1 เดือน เพราะอาจทำให้เด็กทารกไม่สบายได้ ในความเป็นจริงแล้วการตัดเล็บของทารกก่อน 1 เดือนไม่มีผลทำให้ไม่สบายแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าเล็บของทารกจะอ่อนและบางมาก คุณแม่มือใหม่อาจจะเผลอตัดเล็บลูกแล้วเข้าเนื้อต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวกันไป น่าจะเป็นเพียงกุศโลบายเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นมากกว่าค่ะ คุณแม่ควรดูแลเล็บไม่ให้ข่วนหน้าข่วนตาและมีการเล็มเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อความปลอดภัยดีที่สุด หรือป้องกันโยการใส่ถุงมือ แต่อย่างไรก็ตามการใส่ถุงมือไม่ควรใส่เป็นเวลานาน ๆ เพราะจะทำให้เด็กมีพัฒนาการในการหยิบจับช้าได้นะคะ
ความเชื่อทารกแรกเกิด
6.นอนคว่ำหัวจะสวยและนอนได้นาน
ความจริง : ตามหลักวิชาการแล้ว ไม่แนะนำให้ทารกนอนคว่ำเลยค่ะ แม้ว่าอาจะทำให้หัวสวยก็จริง แต่เป็นอันตรายมาก เพราะมีกรณีที่เด็กทารกนอนคว่ำแล้วหยุดหายใจและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เพราะเด็กไม่สามารถยกศีรษะเพื่อช่วยเหลือตนเองได้หน้าคว่ำอยู่กับที่นอน หมอน ทำให้ขาดอากาศหายใจนั่นเอง อีกอย่างคุณแม่บางคนให้ลูกกินนมอิ่ม ๆ เมื่อลูกหลับ แล้วจับนอนคว่ำเพราะคิดว่าจะได้หลับนาน อาจทำให้ลูกสำลักนมได้ ทางที่ดีให้เด็กนอนตะแคงจะปลอดภัยกว่าค่ะ
7.ปากและรอยตำหนิ
ความจริง : คนโบราณเชื่อกันว่า เด็กทารกที่เกิดมามีปาน ไม่ว่าจะเป็นปานแดงหรือปานดำ นั่นเป็นเพราะ เจ้าหนูได้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง แล้วถูกป้ายด้วยของเพื่อทำตำหนิไว้ ของนั้นอาจจะเป็นปูนแดงหรือถ่าน เป็นต้น เพื่อที่ว่าเกิดมาใหม่ญาติพี่น้องจะได้จำได้ อันนี้ก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ใด ๆ นะคะ แต่ที่แน่ ๆ ตำหนิ กระ หรือปาน ที่ขึ้นตามที่ต่าง ๆ ในร่างกาย สามารถเกิดขึ้นได้ตามกรรมพันธุ์ เป็นเพราะเซลล์ผิวหนังส่วนนั้นผิดปกติ ซึ่งเป็นเรื่องของผิวหนังเฉพาะบุคคล แต่บางคนเมื่อโตขึ้นมักจะจางลงขึ้นอยู่กับชนิดของปานบางชนิดก็เป็นถาวร แต่หากพบว่ามีความผิดปกติ เช่น เข้มขึ้น หรือโตขึ้นเช่นนี้แล้วควรปรึกษาแพทย์ดีกว่าค่ะ
8.เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หลัง 6 เดือนไปแล้ว ควรเลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นด้วย
ความจริง : นมแม่เป็นอาหารที่วิเศษที่สุดสำหรับทารกเพราะเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและคุณค่าทางสารอาหาร ทารกที่ดื่มนมแม่มากกว่า 2-3 ครั้ง/วันนั้น ไม่จำเป็นต้องเสริมนมผงหรือนมชนิดอื่นใด แต่อาจจะเสริมเป็นอาหารเสริม แต่ให้นมแม่เป็นอาหารหลัก อย่างไรก็ตามทารกที่มีอายุมากกว่า 6 เดือนและไม่เคยดื่มนมผสมมาก่อน มักจะไม่ยอมดื่มเพราะไม่คุ้นเคยและไม่อร่อยเหมือนนมแม่ กรณีเช่นนี้เสริมเป็นอาหารเสริมจะดีกว่าค่ะ
9.น้ำนมแม่รักษาตาแดง
ความจริง : คุณหมอยืนยันว่า น้ำนมไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้หรือจะนำมารักษาโรคตาแดงได้ เพราะน้ำนมแม่มีเชื้อฝ่ายดีที่เกี่ยวข้องกับลำไส้ คือ ช่วยป้องกันการท้องเสียให้กับทารกน้อย หากนำมาหยอดตาอาจเกิดการอักเสบได้ ดังนั้นเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องและอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ค่ะ
10.ดัดขาตั้งแต่เล็กขาจะได้ไม่โก่ง
ความจริง : ความเชื่อเรื่องการดัดขาทารกมีมาทุกยุคทุกสมัย เด็กแรกเกิดจะดูขาโก่ง ๆ โค้ง ๆอยู่แล้วค่ะ แท้ที่จริงแล้ว ขาเด็กจะเริ่มตรงเข้าที่เข้าทางเมื่อมีอายุประมาณ 2 ขวบ แต่ถ้าไปดัดขามาก ๆ เมื่อถึงเวลาที่จะควรจะตรงมันก็อาจจะไม่ตรงก็ได้นะคะ แต่ถ้ากรณี 2 ขวบแล้วถึงวัยที่ขาจะตรงแต่ขายังโก่งแบะอยู่อันนี้น่าจะผิดปกติควรปรึกษาคุณหมอดีกว่าเพื่อให้ได้คำแนะนำที่ดีและตรวจแต่เนิ่น ๆ ดังนั้น คุณแม่ไม่ต้องไปดัดขาลูกน้อยแต่เป็นการนวดขาให้ทารกเกิดความสบายเท่านั้นก็เพียงพอแล้วค่ะ
จากที่อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อหลังคลอดของทารก แม้ว่าบางสิ่งไม่มีอันตรายแต่ก็ไม่ควรอยู่ในความประมาทนะคะ เพราะผิวหนังของทารกอ่อนโยนและบอบบางมาก หากมีข้อสงสัยควรปรึกษากุมารแพทย์โดยตรงจะดีที่สุดค่ะ จะได้รับคำแนะนำดีและและปลอดภัยหายห่วงอีกด้วย
ตำนานเรื่อง แม่ซื้อ (ความเชื่อเรื่องผีนางฟ้า หรือ ผีปีศาจ)
ตามพจนานุกรมไทยฉบับราชัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 ระบุว่า แม่ซื้อ คือเทวดาหรือผี เชื่อกันว่า เป็นผู้ดูแลรักษาทารก
ในจารึกว่าด้วยโองการแม่ซื้อ ที่ผนึกอยู่บนผนังศาลาแม่ซื้อ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร หรือที่รู้จักกันในนาม วัดโพธ์ ได้อธิบายถึงแม่ซื้อไว้ทั้งหมด 9 ตอน สรุปได้ดังนี้
เด็กที่เกิดในแต่ละวันจะมีแม่ซื้อประจำตัวเด็ก และ แม่ซื้อจะมีอิทธิฤทธิ์แต่ต่างกันไปในเเต่ละวัน ซึ่งจะมีผลทำให้เด็กมีความเจ็บป่วยที่เเตกต่างกันออกไปตามเเม่ซื้อที่ประจำวันเกิด หรือตัวของเด็ก โดยเชื่อว่าจะคอยหยอกล้อ แกล้ง แต่การหยอกล้อ แหย่มากจนเกินไปก็จะทำให้เด็กต้องพบกัยความเจ็บป่วยได้ เช่น ทำให้เด็กท้องอืด อาเจียน หรือร้องไห้ ฯลฯ (ที่มาของอาการโคลิก)
อย่างไรก็ตามข้อมความในจารึกยังบอกวิธีการรักษา และยาที่เพื่อใช้รักษาเด็กในเเต่ละเเม่ซื้อด้วยนะ ตำรับชาก็จะขึ้นกับอาการของโรคในเเต่ละวันเกิดของเด็กนั่นเอง เเตกต่างไปตามอิทธิฤทธิ์ของเเม่ซื้อประจำวันเกิด ซึ่งถือเป็นเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งในการให้พ่อเเม่ได้เลี้ยงดูเด็กให้ดี
ที่มา : ktb และ cheewajit
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
9+ GOLD MOM CLINIC EP.1 สารอาหารสำคัญ & เพื่อ 1,000 วันแรก ที่สมบูรณ์ โดย พญ.นพรัตน์ ไชยบูรณะพันธ์กุล สูตินรีแพทย์ประจำ รพ. พญาไท 3
ชี้เป้า ของตัวแม่ต้องมี (10 MUST HAVE ITEMS FOR WOMAN & MOM) ช้อปสนุก หยุดไม่อยู่ ในเดือนแห่งแม่ กับ JD CENTRAL ตลอดเดือนสิงหาคม
พีแอนด์จี ร่วมกับ เทสโก้ โลตัส ส่งแคมเปญพิเศษ “Mom to Mom” ชวนเหล่าคุณแม่ ร่วมใจกันช่วยเหลือแม่ ที่ได้รับผลกระทบจาก วิกฤต โควิด-19
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!