คุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว เกี่ยวกับภาวะหลังคลอด ซึ่งจะมีอาการหลาย ๆ อย่าง เกิดขึ้นกับคุณแม่ ทั้งทางอารมณ์ และร่างกาย ข้อห้ามอีกนับสิบ นับร้อย ที่จะต้องระวัง บ้างก็เป็นความเชื่อ บ้างก็ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ เช่นเดียวกันกับข้อห้ามที่ว่า คุณแม่หลังคลอด ห้ามสระผมหลังคลอด 1 เดือน จริงหรือไม่ เพราะอะไร แล้วอย่างนี้ คุณแม่มือใหม่จะทำอย่างไรดี ?
แม่ที่เพิ่งคลอดลูก ห้ามสระผมหลังคลอด 1 เดือน จริงหรือ ?
ข้อห้ามนี้เป็นความเชื่อตั้งแต่โบราณ มาพร้อม ๆ กับการอยู่ไฟหลังคลอด คนเฒ่าคนแก่บางครอบครัว ก็ถือเรื่องไม่ให้แม่หลังคลอดสระผม เพราะจะทำให้เกิดอาการผิดสำแดง หรือผิดเดือน ป่วยไข้ไม่สบาย ร่างกายไม่แข็งแรง และเชื่อว่าอาจมีผลในระยะยาวด้วย
ความเชื่อเรื่องการห้ามสระผมหลังคลอด
ในสมัยก่อน พัฒนาการทางการแพทย์ยังไม่อาจเทียบได้กับปัจจุบัน การห้ามสระผมหลังคลอด ก็อาจเป็นไปได้ว่า จะเป็นกุศโลบายเพื่อลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยของแม่ เนื่องจากหลังคลอดใหม่ ๆ ร่างกายของคุณแม่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ภูมิต้านทานต่ำ หากเจอกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว ก็อาจทำให้ป่วย เป็นหวัดได้ง่าย ในสมัยก่อน แม่หลังคลอดที่ไม่ได้สระผม จะใช้วิธีนำแป้งมาโรยที่ศีรษะ ขยี้ให้ทั่ว และใช้แปรงขนถี่ หวีให้แป้งหลุดออกไป เพื่อช่วยลดความมัน และขจัดสิ่งสกปรก
แต่สำหรับในปัจจุบัน ข้อห้ามนี้ ก็ขึ้นอยู่ที่ความเชื่อของแต่ละครอบครัว คุณแม่หลังคลอดจำนวนมาก ก็สามารถสระผมด้วยน้ำอุ่น เช็ดผม หรือใช้ความร้อนจากไดร์เป่าผม เป่าให้แห้ง เพื่อรักษาความอบอุ่นให้ร่างกายตามปกติ ก็ไม่ทำให้เกิดอาการผิดปกติแต่อย่างใด
คุณแม่ที่ไม่อยากฝ่าฝืนธรรมเนียมห้ามสระผมหลังคลอด ในปัจจุบันก็มียาสระผมแบบแห้ง (Dry Shampoo) ไม่ต้องใช้น้ำ สำหรับทำความสะอาดเส้นผม การตัดผมให้สั้นก่อนคลอด เพื่อเหมาะกับการดูแลรักษาผมได้ง่าย หรือสามารถใช้วิธีโรยแป้งฝุ่นสำหรับเด็ก บริเวณโคนเส้นผม เพื่อช่วยดูดซับน้ำมันตามแบบโบราณ ที่ถึงแม้จะไม่ได้สระผม แต่ก็ช่วยให้ผม และหนังศีรษะรู้สึกเบาสบายขึ้นได้เช่นกัน
หลังคลอดใหม่ ๆ ร่างกายของคุณแม่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ภูมิต้านทานต่ำ หากเจอกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว ก็อาจทำให้ป่วย เป็นหวัดได้ง่าย
การดูแลเส้นผมสำหรับแม่หลังคลอด และสาเหตุของผมร่วง
ในทุก ๆ วัน เส้นผมของเราจะหลุดออกจากหนังศีรษะไม่ต่ำกว่า 100 เส้น เป็นเรื่องปกติ แม้แต่ตอนตั้งครรภ์เองก็เช่นกัน คุณแม่อาจจะไม่ทันได้สังเกตว่า ระหว่างตั้งท้องนั้น เส้นผมที่ร่วงในทุก ๆ วัน น้อยลงกว่าปกติ เพราะการเพิ่มพูนของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen)ในขณะนั้น และการไหลเวียนโลหิตในร่างกายที่เพิ่มขึ้น มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผมของแม่ท้อง ไม่ค่อยร่วง อย่างไรก็ตาม เมื่อลูกคลอดออกมาแล้ว เส้นผมที่เคยหลุดร่วงลงมาแค่เล็กน้อย ก็จะเกิดการรวบยอด ร่วงหล่นลงมาทีเดียว จนน่าตกใจ
ระดับฮอร์โมนที่ลดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากการให้กำเนิด เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้แม่ท้องผมร่วงลงมาเป็นกระจุก ติดต่อกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรืออาจะเป็นปี และจะร่วงมากที่สุด ประมาณเดือนที่ 4 หลังการคลอด จำนวนเส้นผมที่หลุดร่วงในแต่ะวัน อาจจะดูเยอะจนน่าตกใจ แต่หากดูกันจริง ๆ แล้ว นั่นคือปริมาณเส้นผม ที่ได้รับการปกป้องจากฮอร์โมนระหว่างการตั้งครรภ์ และไม่ได้หลุดร่วงมาเป็นเวลา 9 เดือนนั่นเอง
วิธีดูแลเส้นผมให้ดูหนา สำหรับแม่หลังคลอดผมร่วง ผมบาง
แม่หลาย ๆ คน ตัดผมสั้น หลังจากคลอดลูก เพื่อไม่ให้หนังศีรษะดูบางเกินไป ก็เป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับคุณแม่ ซึ่งกำลังประสบกับภาวะผมร่วงหลังคลอด ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ อาการผมร่วงหลังคลอดนี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจสักเท่าไหร่ แต่อาจจะทำให้แม่รู้สึกหงุดหงิด และรำคาญใจได้อาการผมร่วงหลังคลอด อาจไม่สามารถป้องกันได้ แต่ก็มีหลาย ๆ วิธี ที่จะช่วยทำให้ผมของคุณแม่ดูหนา และมีสุขภาพดี ดังนี้
การเพิ่มพูนของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen)ในขณะนั้น และการไหลเวียนโลหิตในร่างกายที่เพิ่มขึ้น มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผมของแม่ท้องไม่ค่อยร่วง
1. ปล่อยทรงผมให้เป็นไปตามธรรมชาติ
การจัดแต่งทรงผมด้วยไดร์ หรือเครื่องหนีบผมอาจจะทำให้ทรงผมของคุณแม่ดูบางกว่าเดิม ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีที่สุด ค่อยใช้หวีที่มีซี่ห่าง ๆ แปรงผมวันละ 1 ครั้ง เพื่อลดปริมาณผมที่หลุดร่วงลงมาเป็นกระจุก หลังจากสระผม คุณแม่ก็ไม่ควรใช้ไดร์เป่าลมร้อน แต่ควรปล่อยให้เส้นผมแห้งเอง
2. เลือกยางมัดผมให้ดี
คุณแม่ที่ผมยาวไม่ควรใช้หนังยางรัดผม ควรจะเลือกใช้ยางรัดผมแบบผ้า กิ๊บติดผม หรือปิ่นปักผม จะดีกว่า คุณแม่ควรจะอ่อนโยนกับเส้นผมมาก ๆ ระวังอย่าดึง หรือมัดตึงเกินไป จะยิ่งทำให่ผมร่วงมากขึ้นได้
3. รับประทานอาหารที่ดี และมีประโยชน์
แน่นอนว่าหากสุขภาพภายในดี ก็จะส่งผลต่อภายนอกด้วยเช่นกัน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จึงไม่เพียงแต่ช่วยให้แม่หลังคลอดสามารถฟื้นฟูตัวเองกลับมาได้โดยเร็วแล้ว ก็ยังบำรุงเส้นผมของคุณแม่ ให้มีสุขภาพดีได้ด้วย
คุณแม่ควรจะหมั่นรับประทานผัก ผลไม้ หลาย ๆ ชนิด อาหารที่มีโปรตีนสูง เพื่อสารอาหารที่ครบครันสำหรับร่างกาย ผักใบเขียว อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และวิตามินซี มันหวาน และแครอท ซึ่งเต็มไปด้วยเบต้าแคโรทีน ไข่ ซึ่งมีวิตามิน ดี รวมถึงปลา ซึ่งมีโอเมก้า 3 และแมกนีเซียม จะช่วยบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดีได้
4. รับประทานวิตามินเสริม
สิ่งที่สำคัญไปการรับประทานอาหารเสริม ก็คือสารอาหาร และโภชนาการที่เหมาะสมจากอาหารในแต่ละมื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่ต้องปรับตัว และให้นมบุตร คุณแม่อาจจะรับประทานวิตามิน เป็นส่วนเสริมเพิ่มเติม เพื่อให้ร่างกายมีความสมดุลมากขึ้น หากสุขภาพร่างกายดี เส้นผมก็จะแข็งแรงตามไปด้วย
5. ใช้แชมพูที่ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับเส้นผม
การใช้ครีมนวดผมช่วยทำให้ผมมีน้ำหนัก แต่สำหรับคุณแม่ที่มีปัญหาผมร่วง เพราะจะทำให้ศีรษะดูลีบ มัน และดูผมบางมากขึ้น การใช้แชมพูที่ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับเส้นผม อาจจะช่วยทำให้เส้นผมดูหนาขึ้นได้
ทรงผมแม่หลังคลอด ตัดผมสั้นดีไหม ?
แม่ ๆ หลังคลอดหลายคน อาจเคยมีความคิดที่จะตัดผมสั้น เพื่อลดอาการผมหลุดร่วง บางคนก็อยากจะเปลี่ยนลุค เปลี่ยนสไตล์ใหม่ ๆ ให้รู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นบ้าง ทรงผมยอดฮิตของแม่หลังคลอด เห็นจะเป็นผมบ๊อบสั้น บ๊อบประบ่า บางคนก็ซอยสั้นเป็นทรงพิกซี่คัท (pixie cut) ไปเลย ก็มี
ทรงผมของคุณแม่หลังคลอด ไม่มีกฎตายตัวว่า ควรจะตัดทรงไหน สิ่งสำคัญคือ ความสบายใจของตัวคุณแม่เอง อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้ผ่านพ้นช่วง 3 – 9 เดือนหลังคลอดไปก่อน เพราะเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ยังประสบกับวิกฤติการณ์หลังคลอดมากมาย ฟังดูอาจจะนาน แต่ตารางงานของแม่ ที่ยุ่งอยู่กับการดูแลลูกน้อยทารก วิตกกังวลกับอาการต่าง ๆ ของลูก พาลูกไปพบแพทย์ตามนัด ก็ทำให้ช่วงเวลาเหล่านี้ผ่านไปเร็วมาก
อีกทั้งสภาวะอารมณ์ที่แปรปรวน หากทรงผมออกมาไม่ถูกใจ ก็อาจจะทำให้แม่รู้สึกเสียใจ และไม่ชอบเอามาก ๆ ก็ได้
อย่างไรก็ดี ทรงผมสั้นก็ช่วยทำให้คุณแม่คล่องตัวมาขึ้นในการดูแลลูก ไม่ต้องจัดทรงบ่อย และยังทำให้ลูกน้อยไม่ดึงผมของแม่หลุดติดมืออกไปเป็นกระจุกอีกด้วย
เปลี่ยนทรงผมดีไหม ? ทรงผมของแม่หลังคลอด ไม่มีกฎตายตัวว่า ควรจะตัดทรงไหน สิ่งสำคัญคือ ความสบายใจของตัวคุณแม่เอง
ที่มา : healthline , prettypassive
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ไขข้อสงสัย! ทำไมโบราณห้ามคนท้องตอกตะปู?
คนท้องโดนทัก ห้ามกินน้ำเย็นจริงหรือ?
ผมร่วง 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 87
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!