ปัญหาผมร่วง ผมเสีย ระหว่างตั้งครรภ์ เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่คนท้องหลายคนต้องเจอ เพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์ล้วนส่งผลต่อสุขภาพเส้นผมของคุณแม่ ทำให้รู้สึกคุณแม่ไม่มั่นใจในเส้นผมของตัวเอง โดยเฉพาะการสระผมและดูแลเส้นผม อาจต้องใส่ใจเป็นพิเศษ วันนี้เราจะพามาดูกันว่า คนท้องสระผม ได้บ่อยแค่ไหน และมีวิธีรักษาสุขภาพผมระหว่างตั้งครรภ์อย่างไร มาดูกัน
ปัญหาผมระหว่างตั้งครรภ์ ที่แม่ต้องเผชิญ
ในช่วงการตั้งครรภ์นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ อย่าง รวมถึงยอดเส้นผมของคุณแม่ด้วย เพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และปัจจัยอื่น ๆ นำไปสู่ปัญหาของเส้นผมที่คุณแม่หลายคนต้องเผชิญ เรามาดูกันว่าปัญหาผมทั่วไปที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างตั้งครรภ์มีอะไรบ้าง
- ผมร่วง แม่ท้องหลายคนมีปัญหาผมร่วงมากขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ เพราะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และมักเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงหลังคลอด อาจมีอาการผมร่วงมากกว่าปกติ แต่เมื่อคลอดลูกแล้วผมก็จะหลุดร่วงน้อยลง
- ผมหนาขึ้น คุณแม่หลายคนอาจโชคดีที่มีผมหนา และเงางามขึ้นในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้เส้นผมของคุณแม่ หนาและดกดำมากยิ่งขึ้น
- หนังศีรษะมันหรือแห้ง เพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อาจเพิ่มการผลิตน้ำมันบนหนังศีรษะมากขึ้น คุณแม่หลายคนอาจพบว่าตัวเองหนังศีรษะมัน ขณะที่บางคนก็พบว่าหนังศีรษะแห้ง
- ผมหงอก แม้ว่าผมหงอกจะเกิดได้ยาก แต่คุณแม่ท้องบางคนกลับมีผมหงอกขึ้นในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งนักวิจัยเองก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุของการเกิดผมหงอกระหว่างตั้งครรภ์ได้ หากคุณแม่รู้สึกเครียด อาจปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- มีอาการไวต่อหนังศีรษะ คุณแม่ท้องบางคนอาจมีหนังศีรษะที่ไวต่อความรู้สึกมากขึ้น เพราะอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือการไหลเวียนของเลือดไปยังไงจะมากขึ้น โดยคุณแม่สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่อ่อนโยนเพื่อช่วยบรรเทาอาการนี้ได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องผมร่วง แก้ไขยังไง วิธีรับมือกับผมร่วงในช่วงตั้งครรภ์อย่างถูกวิธี
คนท้องสระผม ได้บ่อยแค่ไหน
โดยทั่วไปแล้ว การสระผมระหว่างตั้งครรภ์อาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน และไม่มีคำตอบที่ถูกต้องว่าคุณแม่ควรสระผมได้บ่อยแค่ไหน เพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจส่งผลให้เกิดการผลิตน้ำมันบนหนังศีรษะมากขึ้น ส่งผลให้ผมของคุณแม่มันหรือแห้งมากกว่าปกติ
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว คุณแม่ควรสระผมเท่าที่จำเป็นก็พอเพื่อให้ผมสะอาดและสุขภาพดี โดยอาจสระผมวันเว้นวัน และเลือกใช้แชมพูหรือครีมนวดผมสูตรอ่อนโยน ที่ปลอดภัยสำหรับแม่ท้อง หากคุณแม่มีผมร่วงผิดปกติ อาจปรึกษากับแพทย์ผู้ดูแลเพื่อขอคำแนะนำในการดูแลเส้นผม
วิธีดูแลเส้นผมระหว่างตั้งครรภ์
เมื่อพูดถึงการดูแลเส้นผมระหว่างตั้งครรภ์ อาจมีหลักเกณฑ์ในการดูแลเส้นผมที่แตกต่างกันไป วันนี้เรามีวิธีดูแลเส้นผมสำหรับแม่ท้องมาฝาก มาดูกันว่ามีวิธีดูแลเส้นผมอย่างไรให้สุขภาพดีและแข็งแรง รวมถึงปลอดภัยต่อลูกในครรภ์
1. เลือกใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน
ปกติแล้วแชมพูที่ขายทั่วไปในท้องตลาด เต็มไปด้วยสารเคมีและน้ำหอมที่รุนแรง ซึ่งอาจส่งผลต่อเส้นผมและหนังศีรษะของแม่ท้องได้ โดยอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและหนังศีรษะแห้ง รวมถึงอ่านรู้สึกไม่สบายหัว ดังนั้นคุณแม่ควรมองหาแชมพูที่ออกแบบมาสำหรับคนท้องโดยเฉพาะ หรือมีป้ายเขียนว่าสูตรอ่อนโยน เพราะแชมพูประเภทนี้ จะใช้สารที่อ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะของแม่ท้อง อีกทั้งยังช่วยดูแลสุขภาพผมให้เกิดความชุ่มชื้นมากขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : แชมพูคนท้อง เลือกอย่างไร? คนท้องควรใช้แชมพูแบบไหนถึงจะดี?
2. อย่าเกาหนังศีรษะแรงเกินไป
ในระหว่างสระผม คุณแม่ไม่ควรเกาหนังศีรษะแรงเกินไป คุณแม่หลายคนมีอาการคันหนังศีรษะบ่อย ๆ หากเกาหนังศีรษะแรงเกินไป อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง และยังทำให้เกิดอาการคันเพิ่ม จนอาจถึงขั้นติดเชื้อได้ แนะนำให้คุณแม่หลีกเลี่ยงการเกาหัว และถูหนังศีรษะเบา ๆ เวลาสระผมจะดีกว่า
3. ใช้ครีมนวดผมสูตรอ่อนโยน
นอกจากการเลือกแชมพูสระผมสูตรอ่อนโยนแล้ว การเลือกครีมนวดผมก็ควรเลือกสูตรอ่อนโยนเหมือนกัน เพราะสารเคมีในครีมนวดผมบางชนิด สามารถซึมผ่านหนังศีรษะและอาจเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ได้ ทางที่ดีควรเลือกใช้ครีมนวดผมจากสารสกัดธรรมชาติ หรือออร์แกนิกที่ปราศจากสารเคมีรุนแรง รวมถึงควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีซัลเฟต พาราเบน หรือสารเคมีที่อาจระคายเคืองอื่น ๆ
4. งดใช้ผลิตภัณฑ์ทำผมที่มีสารเคมีรุนแรง
เมื่อต้องสระผมระหว่างตั้งครรภ์ สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงผลิตภัณฑ์ที่คุณแม่ใช้ เพราะผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจมีสารเคมีและส่วนผสมที่รุนแรง ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะระคายเคือง และยังนำไปสู่ปัญหาผิวหนังและความเสี่ยงด้านสุขภาพอื่น ๆ เพื่อความปลอดภัยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากซัลเฟต พาราเบน พทาเลท และสารเคมีรุนแรงอื่น ๆ และหันไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและออร์แกนิกจะดีกว่า เพราะมีความอ่อนโยนและช่วยบำรุงทั้งหนังศีรษะและเส้นผมของคุณแม่
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องทำสีผมได้ไหม ฟอกสีผมตอนท้องอันตรายต่อทารกหรือไม่
5. ใช้แชมพูที่มีความชุ่มชื้น
ในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องรักษาดูแลเส้นผมให้แข็งแรง การเลือกแชมพูที่มีความอ่อนโยนและชุ่มชื้น รวมถึงปราศจากสารเคมีที่รุนแรง จะช่วยรักษาน้ำมันในหนังศีรษะและเส้นผมได้ คุณแม่ควรเลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ นอกจากนี้ อย่าลืมเลือกแชมพูที่ปราศจากซัลเฟต พาราเบน และส่วนผสมที่อาจเป็นอันตรายอื่น ๆ ด้วยนะคะ
6. อย่าใช้น้ำร้อนในการสระผม
การใช้น้ำร้อนสระผม อาจทำให้ผมแห้ง คันหนังศีรษะ และเกิดรังแคได้ อีกทั้งยังอาจทำลายน้ำมันธรรมชาติบนเส้นผม ส่งผลให้ผมแตกปลายง่ายขึ้น ดังนั้น ควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นสระผมระหว่างตั้งครรภ์จะดีกว่า นอกจากนี้ หากคุณแม่สระผมด้วยน้ำอุ่นแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น ก็จะช่วยปิดหนังกำพร้าของเส้นผม ซึ่งจะทำให้เส้นผมดูเงางามยิ่งขึ้น
7. ล้างผมให้สะอาด
ขั้นตอนนี้ไม่ได้สำคัญแค่ในการชำระล้างผลิตภัณฑ์ที่ตกค้างบนเส้นผมเท่านั้น แต่ยังเป็นการล้างสารเคมีที่อาจเข้าไปในเส้นผมของคุณด้วย เพราะฉะนั้น คุณแม่อย่าล้างผมให้สะอาดตั้งแต่โคนจรดปลาย และอาจสระผมด้วยน้ำเย็น ซึ่งจะช่วยปิดหนังกำพร้าของเส้นผม และช่วยปกป้องผมจากความเสียหายและการชี้ฟูได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : โดนใจแม่ ! 10 แชมพูสระผมสำหรับคนท้อง ปลอดภัย ลดการหลุดร่วงของเส้นผม
8. อย่าลืมใช้ครีมนวดผมเป็นประจำ
คนท้องควรใช้ครีมนวดผมเป็นประจำ เพื่อให้เส้นผมแข็งแรงและชุ่มชื้น สิ่งสำคัญคือควรเลือกใช้ครีมนวดที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเส้นผมของคุณแม่โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น แม่ท้องที่มีผมหยิกควรใช้ครีมนวดผมที่ออกแบบมาสำหรับคนผมหยิกโดยเฉพาะ เพื่อให้แน่ใจว่าเส้นผมแข็งแรงและชุ่มชื้นตลอดช่วงตั้งครรภ์
คนท้องสระผม เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่คุณแม่สามารถทำได้ สิ่งสำคัญคือการเลือกผลิตภัณฑ์ในการดูแลเส้นผมมากกว่า คุณแม่ควรเลือกแชมพูหรือครีมนวดที่ปราศจากสารเคมีต่าง ๆ และเลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมสูตรอ่อนโยนหรือสูตรธรรมชาติจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยต่อหนังศีรษะและเส้นผม รวมถึงลูกในครรภ์ด้วย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
แม่เครียด! จะทำผมทรงไหนดีนะสำหรับคนท้อง ทรงผมสำหรับคนท้อง
แนะนำ ครีมนวดผม คนท้อง สูตรธรรมชาติ ลดผมร่วง ปราศจากสารเคมี!
อาหารลดผมร่วง ที่จะช่วยบำรุงผมให้สวยสุขภาพดี ลดการหลุดร่วงมีอะไรบ้าง?
ที่มา : sg.theasianparent.com