คนท้องทำสีผมได้ไหม คำถามของคุณแม่อยากทำสวยระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีค่ะ การดูแลตัวเองภายนอกให้ตัวเองสวยอยู่ตลอดเวลา เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณแม่คลายเครียด สนุกกับการแต่งตัวตอนท้อง แต่การเสริมความงามอย่างทำเล็บ ทำผมนั้น หากต้องเผชิญกับสารเคมี ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสโดยตรงหรือ กลิ่นที่สูดเข้าไปในร่างกาย จะเป็นอันตรายหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณแม่ท้องควรกังวลมาก ๆ
คนท้องทำสีผมได้ไหม หากทำได้ควรทำช่วงไหนดี
คนท้องทำสีผม ได้ต้องอยู่ในระยะปลอดภัยค่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วผู้หญิงที่ชอบเปลี่ยนสีผม มักจะเติมสีโคนผมใหม่หรือทำสีใหม่ทุก ๆ 3-6 เดือน แต่สำหรับแม่ช่วงแรก ต้องระวังสักนิด หากทราบว่าตนเองเริ่มตั้งท้อง ก็ควรงดทำกิจกรรมเสริมสวยก่อน เพราะช่วง 3 เดือนแรกหรือไตรมาสแรกนั้น เป็นระยะที่ร่างกายของคุณแม่บอบบางมาก ยิ่งในส่วนของการตั้งครรภ์ ทารกน้อยจะค่อย ๆ สร้างอวัยวะที่สำคัญของตนเอง คุณแม่จำเป็นต้องเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี และทำสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์ แต่ไม่ใช่ว่าต้องปล่อยตัวโทรม เพียงทำเนื้อตัวให้สะอาด สวมเสื้อผ้าใหม่ ๆ ส่วนเรื่องที่ คนท้องทำสีผมได้ไหม พอผ่านไปสัก 5 เดือน เมื่อร่างกายคุณแม่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนของโรคใด ๆ ก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัยค่ะ
คนท้องทำสีผม ไม่ควรเสี่ยงฟอกสีผม ในช่วงตั้งครรภ์อ่อน ๆ
โดยปกติตอนที่คุณแม่ยังไม่ท้อง ก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นฉุนของสารเคมี หรือถ้าเป็นสารเคมีกลิ่นอ่อน ๆ แล้วผู้ผลิตพยายามดัดแปลงผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมให้หอมนั้นก็ยังเป็นอันตรายอยู่ เพราะอย่างไรก็ตาม สารเคมีที่เราสูดดมและสัมผัสได้ทางผิวหนัง อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ตามมาได้ เช่น
- สารเคมีในน้ำยาฟอกสีผมบางชนิดสามารถไปกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบ เกิดผื่นแพ้จนลุกลามทั่วผิวหนัง
- หากคุณแม่มีปัญหาหนังศีรษะ เช่น มีแผลอยู่แล้ว หรือเป็นคนมีรังแคบ่อย ๆ ควรงดทำสีผมก่อน เพราะสารที่อยู่ในยาย้อมผมจะยิ่งทำให้เกิดความระคายเคือง บางคนเป็นแผลลุกลาม อาจกัดกินหนังศีรษะจนอักเสบได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : ไขข้อข้องใจ คนท้องย้อมสีผมได้ไหม อันตรายอย่างไรต่อลูกในครรภ์
คนท้องทำสีผมได้ ขึ้นอยู่กับสารเคมีในยาย้อมผมด้วย
ผู้ที่แพ้สารชนิดนี้ในน้ำยาย้อมผม ส่งผลให้เปลือกตาบวม แก้มบวม ริมฝีปากบวม บางคนมีตุ่มใส ๆ ขึ้นบริเวณหนังศีรษะ มีอาการคันและน้ำเหลืองไหล บางคนแพ้มากจนทำให้หายใจไม่ออกเลยก็มี ยิ่งไปกว่านั้น หากขณะย้อมแล้วสารชนิดนี้ ไปโดนเยื่อบุนัยน์ตา อาจทำให้ตาอักเสบหรือตาบอดได้ อีกทั้งกลิ่นของพาราฟินิลีนค่อนข้างแรง หากสูดดมมาก ๆ จะทำให้วิงเวียนศีรษะ เกิดการสะสมในร่างกายจนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง
-
สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ในผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม
เราได้ยินสารนี้ค่อนข้างบ่อย เพราะผสมอยู่ในน้ำยากัดสีผม เพื่อทำลายเม็ดสีธรรมชาติที่เข้มจัดแบบชาวเอเชียให้อ่อนลง ดังนั้น สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์จึงมีส่วนก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อหนังศีรษะได้ง่ายมาก เกิดอาการแสบคัน ทำลายเซลล์ผมให้แข็งกระด้าง หากกัดบ่อย ๆ เซลล์เม็ดสีผมจะถูกทำลายจนหมดและทำให้ผมหงอกเร็วขึ้นกว่าเดิม
-
สารแอมโมเนียในน้ำยาฟอกสีผม
เป็นสารอีกชนิดหนึ่งที่ควรระวังอย่างมาก อาจจะมีกลิ่นไม่รุนแรงมากนัก แต่สามารถทำลายระบบทางเดินหายใจ เพราะคนที่ทำสีผม โกรกผม อาจเผลอสูดดมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ซึ่งอาการแพ้ จะสังเกตได้จาก มีน้ำมูก น้ำตาไหล แสบตา ไอ หายใจไม่ออก หากทำสีบ่อย ๆ สารชนิดนี้ก็จะไปทำลายรากผมให้ศีรษะล้านก่อนวัยอันควรได้ค่ะ
-
สารตะกั่วในผลิตภัณฑ์ทำสีผม
สารที่มีส่วนผสมของเกลือและโลหะ หรือตะกั่วอะซิเตดและซิลเวอร์ไนเตรด จะทำให้เกิดความระคายเคืองต่อหนังศีรษะ หากเข้าตาก็จะไปทำลายเยื่อบุนัยน์ตา ทำให้ตาบอดได้ เมื่อเข้าไปสะสมในร่างกายมาก ๆ จะไปทำลายระบบประสาทและสมอง มือเท้าชา ไม่สามารถควบคุมอวัยวะได้บางส่วน อีกทั้งยังเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องทำสีผมได้ไหม จะอันตรายต่อลูกในครรภ์หรือไม่?
สารเคมีในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะเข้าไปทำร้ายทารกน้อยหรือไม่
ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันทางการแพทย์ที่ชัดเจนว่ามีทารกถูกสารเคมีจากการที่คนท้องทำสีผม หรือมีคุณแม่ท่านไหนที่ได้รับอันตรายจากการทำสีผม หรือสารฟอกสี ซึ่งโดยปกติแล้ว การที่สารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายคุณแม่ท้อง มักจะถูกขับออกมาในรูปปัสสาวะ จึงยังไม่ส่งผลอันตรายต่อทารก แม้แต่น้ำยาทาเล็บ ที่คุณแม่สงสัยว่าทำเล็บได้หรือไม่นั้น ก็มีสารบางชนิดที่คล้ายกันผสมอยู่ แต่ยังไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อคุณแม่ตั้งครรภ์แต่อย่างใด
ชวนคุณแม่ท้อง มาสร้างความปลอดภัยขณะทำสีผมกัน
เพื่อปกป้องคุณแม่จากสารเคมีในด่านแรกของการทำสีผม คุณแม่ต้องสวมหน้ากาก ปิดปาก ปิดจมูกให้มิดชิด เก็บไรผมให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันน้ำยาต่าง ๆ เข้าตา เข้าจมูก รวมไปถึงควรเช็คดูว่า ได้กลิ่นแรงไปหรือไม่ คุณแม่ท้องควรแจ้งพนักงานที่ดูแลเส้นผมก่อนทำสีผมว่าต้องการอะไรบ้าง
- น้ำยาที่ปลอดภัยจากสารอันตราย ใช้อุปกรณ์ที่สะอาด หน้ากากที่ต้องสวมทั้งช่างผมและคุณแม่เอง
- ย้ำว่าต้องทำสีผมในช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ หลัง 3-4 เดือนหรือ 12 สัปดาห์เป็นต้นไป
- คุณแม่ต้องไม่มีแผลใด ๆ บนหนังศีรษะ ไม่มีประวัติการแพ้สารเคมีในการฟอกหรือกัดสีผม
- ควรใช้บริการร้านที่ไว้ใจได้ เช่น ร้านทำผมที่ใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก
คุณแม่สามารถทำสีผมธรรมชาติได้
หากคุณแม่ท้องไม่ต้องการสัมผัสกับสารเคมี ใด ๆ ก็สามารถทำสีผมได้เองตามธรรมชาติ เพียงเตรียม กาแฟ ชาคาโมมายล์ และแครอท จากนั้นทำตามขั้นตอนด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้
1. กาแฟ
เตรียมกาแฟคั่วบดเข้ม ๆ 1 ถ้วย ซึ่งกาแฟคั่วนั้น คุณแม่สามารถไปขอซื้อตามร้านกาแฟทั่วไป จากนั้น นำกากกาแฟเข้มมาผสมกับครีมนวด ให้เข้ากัน แล้วชโลมให้ทั่วเส้นผมที่เปียกหมาด ๆ ทิ้งไว้สัก 1 ชั่วโมง สูตรนี้จะช่วยให้ผมมีสีเข้มขึ้น และปิดผมขาวได้อย่างดี
2. แครอท
หั่นแครอท 1 ถ้วย ผสมกับน้ำมันมะพร้าว 1 ถ้วย นำไปปั่นจนเข้ากัน คุณแม่สามารถเปลี่ยนจากน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันมะกอกสำหรับเส้นผมได้ (ไม่ใช่น้ำมันมะกอกทำอาหารนะคะ) จากนั้นนำส่วนผสมที่เข้ากัน ไปหมักผมทิ้งไว้สัก 1 ชั่วโมง หากอยากผมแดงกว่านั้นก็ทิ้งไว้ในนานขึ้น
3. ชาคาโมมายล์
สามารถหาซื้อชาคาโมมายล์ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป นำมาต้มให้เข้มข้นดี ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วกรองน้ำชาออก จากนั้น ชโลมน้ำชาไปที่ผม หมักไว้สัก 1 ชั่วโมงแล้วล้างออก สีผมของคุณแม่จะอ่อนลง
คุณแม่ท้องทำอะไรกับเส้นผมได้บ้าง
ไม่ว่าจะทำสีผมที่ต้องผ่านการกัดและฟอกสี คุณแม่ทำได้ค่ะ นอกจากนี้ ยังสามารถยืดผมได้อีกด้วย แต่ควรระวังเรื่องกลิ่นของสารเคมีระหว่างทำ เพราะคุณแม่ท้องบางท่านที่แพ้ท้องมาก ๆ อาจมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนได้ ส่วนการอบไอน้ำ ซึ่งเป็นการนำความร้อนชื้นเข้าสู่หนังศีรษะ หากอบความร้อนนาน ๆ ก็อาจทำให้คุณแม่หน้ามืดเป็นลมได้เช่นกัน
แม่ท้องควรดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างไร
ไม่ว่าคุณแม่ท้องจะทำสีผมหรือไม่ก็ตาม ความสะอาดของหนังศีรษะนั้นสำคัญต่อสุขภาพคุณแม่มาก ๆ ดังนั้น ในชีวิตประจำวัน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมและหนังศีรษะที่ดี อ่อนโยน ปลอดภัยจากสารเคมี หลีกเลี่ยงการเกาหนังศีรษะแรง ๆ จากนั้น เช็ดผมด้วยผ้าขนหนูสะอาดอย่างเบามือ อย่าใช้ความร้อนจ่อเข้าไปที่หนังศีรษะโดยตรง ที่สำคัญ อย่าดึงเส้นผมแรงจนเกินไป ขณะไดร์ผม เพราะตอนผมเปียกนั้น รูขุมขนเปิดและหนังศีรษะกำลังอ่อนแออยู่ค่ะ
ชวนคุณแม่กินกล้วยหอมบำรุงเส้นผม
เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวว่าผู้หญิงหลายคนนำกล้วยหอมมาบดแล้วหมักผม ปรากฏว่า ตอนหมักก็ผ่านไปด้วยดี แต่ตอนล้างออกนี่สิ เรียกว่าไม่อยากเอากล้วยหมักผมเป็นครั้งที่สองเลย แล้วกล้วยหอมมีประโยชน์ต่อเส้นผมอย่างไรบ้าง
- กล้วยหอมมีวิตามินบี 6 ช่วยบำรุงเส้นผม อีกทั้งแร่ซิลิก้า ทำให้รากผมแข็งแรง
- คุณแม่กินกล้วยหอมบำรุงครรภ์แล้วยังช่วยให้เม็ดเลือดแดงบนหนังศีรษะแข็งแรงอีกด้วย
- เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญที่ช่วยป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผม ไม่ว่าจะผ่านการทำสีหรือร่วงเพราะความเครียดก็ตาม
ทั้งนี้ การทำสีผมตอนท้อง สามารถทำได้ แต่อย่าลืมว่า ตราบใดที่ลูกน้อยอยู่ในครรภ์มารดา เขาจะรับรู้ความรู้สึก รับสารอาหารผ่านทางรกเข้าสู่น้ำคร่ำ แม้แต่สภาพจิตใจเขายังรับรู้ได้ จึงไม่น่าแปลกใจหากเขาได้รับสารเคมีที่คุณแม่สัมผัสและนำเข้าสู่ร่างกายด้วย ฉะนั้น คนท้องที่ต้องการทำสีผมนั้น จึงควรทำตามเวลาที่เหมาะสมและอ่านส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ให้ดีค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 41 แม่ทำสีผมช่วงให้นมลูกได้ไหม ?
15 เทคนิคแต่งหน้า เปลี่ยนหน้าโทรมเป็นหน้าสวยสดใส ด้วยเทคนิคง่าย ๆ
สารเคมีในชีวิตประจำวันที่คนท้องควรหลีกเลี่ยง ถ้าไม่อยากเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด
ที่มา : whattoexpect ,phyatha , tvpoolonline
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!