X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

หนูน้อยสู้ชีวิต หิ้วถุงเก็บขยะริมถนน ก่อนพบว่าทำไปเพราะถูกพ่อลงโทษ

1 Aug, 2024
หนูน้อยสู้ชีวิต หิ้วถุงเก็บขยะริมถนน ก่อนพบว่าทำไปเพราะถูกพ่อลงโทษ

เมื่อไม่นานมานี้ มีเรื่องราวที่ค่อนข้างเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากในต่างประเทศ โดยเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งเล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านตนเอง แต่แล้วเขากลับเห็น หนูน้อยสู้ชีวิต ที่ หิ้วถุงเก็บขยะริมถนน ก่อนที่เขาจะเข้าไปถามไถ่ จึงได้พบว่าหนูน้อยคนดังกล่าวไม่ได้ยากจนอย่างที่คิด

โดยชาวคนดังกล่าวเล่าว่าขณะที่ตนเองกำลังนั่งเล่นอยู่บริเวณหน้าอพาร์ทเมนต์ ก็บังเอิญเห็นเด็กชายคนดังกล่าว ที่กำลังแบกถุงกระสอบขนาดใหญ่เพื่อเก็บขยะ โดยคาดว่าน่าจะกำลังค้นหาขวดและพลาสติกเพื่อนำไปขายแลกเงิน ซึ่งที่คอห้อยป้ายชื่อ แต่เนื้อตัวของเด็กกลับดูสะอาดสะอ้าน ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงมอบขวดพลาสติกที่ไม่มีเครื่องดื่มแล้ว จำนวน 2 ขวด ให้ใส่รวมลงไปในถุงกระสอบ ก่อนที่จะถามไถ่ถึงชีวิตความเป็นอยู่ของหนูน้อยคนดังกล่าว แต่เด็กชายกลับบอกว่าที่ต้องมาทำแบบนี้เป็นเพราะถูกพ่อลงโทษ

หนูน้อยสู้ชีวิต หิ้วถุงเก็บขยะริมถนน ก่อนพบว่าทำไปเพราะถูกพ่อลงโทษ

ขอขอบคุณภาพจาก soha.vn

เด็กชายได้เล่าว่า เพราะเขาขี้เกียจเกินกว่าจะเรียน จึงถูกลงโทษให้มาเก็บขยะเช่นนี้ และพอบอกพ่อแม่ว่าจะไม่เรียน พ่อแม่จึงให้เขาเริ่มธุรกิจโดยการเก็บขวดหาเลี้ยงชีพ “ถ้าปฏิเสธที่จะเรียน พ่อแม่จะส่งไปเก็บขยะ ไม่เรียนก็ควรเก็บขยะ ตอนนี้กลับไปเรียนไม่ได้แล้ว” เพื่อเป็นการสอนบทเรียนชีวิตให้แก่เขา และเมื่อชายหนุ่มได้ฟังเรื่องราวจึงแนะนำให้เด็กชายกลับไปขอโทษพ่อแม่และกลับไปตั้งใจเรียนให้ดี

Advertisement

ซึ่งชาวเน็ตหลายคนได้เห็นด้วยกับแนวทางของพ่อแม่ ที่ต้องเลี้ยงดูอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เสียนิสัย แต่หลายคนก็กลับแสดงความเป็นห่วง ที่อาจทำให้ลูกตกอยู่ในอันตรายเมื่อออกมาเดินในที่สาธารณะคนเดียวเช่นนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้วต้องไม่ลืมย้อนกลับไปมองที่การเลี้ยงดูของพ่อแม่ว่าใส่ใจลูกได้อย่างดีพอไหม เพราะปัญหาเด็กขี้เกียจ ไม่อยากไปโรงเรียนอาจจะมีสาเหตุมาจากอย่างอื่นได้

ขอขอบคุณที่มา : soha.vn, sanook.com

ลูกเป็นเด็กขี้เกียจ จึงลงโทษให้ หิ้วถุงเก็บขยะริมถนน เหมาะสมแล้ว?

การลงโทษลูกด้วยการให้หิ้วถุงเก็บขยะริมถนนเป็นการลงโทษที่ต้องพิจารณาหลายแง่มุม ไม่ใช่เรื่องที่ถูกหรือผิดอย่างสิ้นเชิง แต่มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา ดังนี้

ข้อดีที่อาจเกิดขึ้น

  • สอนให้รู้จักทำงาน: การให้ลูกช่วยทำงานบ้านหรือกิจกรรมที่ดูแลความสะอาด จะช่วยให้ลูกรู้จักรับผิดชอบและเห็นคุณค่าของการทำงาน
  • สอนให้รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น: การเก็บขยะริมถนนเป็นการช่วยเหลือชุมชนและสิ่งแวดล้อม ทำให้ลูกรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและมีจิตสำนึกที่ดี
  • ลดพฤติกรรมขี้เกียจ: การลงโทษอาจช่วยให้ลูกตระหนักถึงผลของการขี้เกียจและพยายามปรับปรุงพฤติกรรม

ข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น

  • ส่งผลกระทบต่อจิตใจ: การให้ลูกทำงานที่อาจเป็นที่อับอายหรือดูถูกได้ อาจส่งผลเสียต่อความรู้สึกนับถือตนเองและความมั่นใจของลูก
  • ไม่สอดคล้องกับพัฒนาการ: การลงโทษควรสอดคล้องกับพัฒนาการและความเข้าใจของเด็ก หากเด็กยังเล็กเกินไปอาจไม่เข้าใจเหตุผลของการลงโทษ
  • อาจส่งผลให้เด็กกลัวการทำงาน: หากการลงโทษมีความรุนแรงหรือบ่อยเกินไป อาจทำให้เด็กกลัวการทำงานและไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น

สิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม

  • วัยของเด็ก: เด็กแต่ละวัยมีความเข้าใจและรับผิดชอบแตกต่างกัน การลงโทษควรเหมาะสมกับวัยของเด็ก
  • เหตุผลของการขี้เกียจ: ควรหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ลูกขี้เกียจ เช่น งานที่ได้รับมอบหมายยากเกินไป หรือขาดแรงจูงใจ
  • วิธีการสื่อสาร: การสื่อสารกับลูกอย่างเปิดใจและอธิบายเหตุผลของการลงโทษอย่างชัดเจน จะช่วยให้ลูกเข้าใจและยอมรับการลงโทษได้ดีขึ้น
  • มีทางเลือกอื่นหรือไม่: นอกจากการลงโทษด้วยการทำงาน ยังมีวิธีการอื่นๆ ที่สามารถใช้ในการแก้ไขพฤติกรรมของลูก เช่น การให้รางวัลเมื่อลูกทำดี หรือการให้ลูกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับงานที่ต้องทำ

การลงโทษลูกด้วยการให้หิ้วถุงเก็บขยะริมถนนอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดเสมอไป ควรพิจารณาถึงผลดีผลเสียและเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับลูกแต่ละคน การสื่อสารที่เปิดใจและการให้โอกาสลูกได้แก้ไขตัวเอง จะเป็นวิธีที่ดีกว่าในการช่วยให้ลูกเติบโตเป็นคนดี

หนูน้อยสู้ชีวิต หิ้วถุงเก็บขยะริมถนน ก่อนพบว่าทำไปเพราะถูกพ่อลงโทษ

ขอขอบคุณภาพจาก soha.vn

ปัญหาลูกขี้เกียจเรียน เกิดจากอะไร ?

ปัญหาลูกขี้เกียจเรียนเป็นปัญหาที่พ่อแม่หลายคนกังวลใจ สาเหตุที่ทำให้เด็กขี้เกียจเรียนนั้นมีหลายปัจจัยค่ะ อาจเกิดจากปัจจัยภายในตัวเด็กเอง หรือปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของเด็กได้ ดังนี้

ปัจจัยภายในตัวเด็ก

  • ความสนใจ: เด็กอาจขาดความสนใจในวิชาเรียนบางวิชา หรือรู้สึกว่าเนื้อหาเรียนยากเกินไป ทำให้ขาดแรงจูงใจในการเรียน
  • ความมั่นใจ: เด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง อาจกลัวที่จะทำผิดหรือกลัวการสอบตก ทำให้ไม่อยากพยายามเรียน
  • ปัญหาสุขภาพ: ปัญหาสุขภาพ เช่น การนอนไม่พอ การเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือภาวะซึมเศร้า อาจส่งผลต่อสมาธิและความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก
  • สไตล์การเรียนรู้: แต่ละคนมีสไตล์การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน หากวิธีการสอนในโรงเรียนไม่ตรงกับสไตล์การเรียนรู้ของเด็ก ก็อาจทำให้เด็กรู้สึกเบื่อหน่ายและขาดความสนใจ
  • ความผิดปกติทางการเรียนรู้: บางครั้งเด็กขี้เกียจเรียนอาจเกิดจากความผิดปกติทางการเรียนรู้ เช่น ดิสเล็กเซีย หรือเอดีเอชดี ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการอ่าน เขียน หรือจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานาน

ปัจจัยภายนอก

  • สภาพแวดล้อมในการเรียน: สภาพแวดล้อมในการเรียนที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น ห้องเรียนที่ร้อนหรือเย็นเกินไป เสียงดังรบกวน หรือเพื่อนร่วมชั้นที่รบกวนการเรียน อาจส่งผลต่อความสนใจในการเรียนของเด็ก
  • ความสัมพันธ์กับครู: ความสัมพันธ์ที่ดีกับครูจะช่วยให้เด็กเกิดแรงบันดาลใจในการเรียน แต่หากเด็กมีความขัดแย้งกับครู อาจทำให้เด็กไม่อยากไปโรงเรียนและขาดความสนใจในการเรียน
  • สภาพแวดล้อมที่บ้าน: สภาพแวดล้อมที่บ้านมีผลต่อพฤติกรรมของเด็กอย่างมาก หากที่บ้านมีบรรยากาศที่วุ่นวาย หรือพ่อแม่ให้ความสำคัญกับการเรียนน้อยเกินไป อาจทำให้เด็กขาดแรงจูงใจในการเรียน
  • การเปรียบเทียบ: การเปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่น ๆ อาจทำให้เด็กรู้สึกกดดันและสูญเสียความมั่นใจ ทำให้ไม่อยากพยายามเรียน

วิธีแก้ไขปัญหา

  • พูดคุยกับลูก: พูดคุยกับลูกอย่างเปิดใจ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ลูกขี้เกียจเรียน
  • ช่วยเหลือลูกในการเรียน: ช่วยลูกทำการบ้าน ตรวจสอบการบ้าน และให้คำแนะนำในการเรียน
  • สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่บ้าน: สร้างมุมสำหรับการเรียนรู้ที่บ้าน และจัดเตรียมอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น
  • ให้กำลังใจและชื่นชม: ชื่นชมความพยายามของลูก แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
  • ปรึกษาครู: ปรึกษาครูเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูก เพื่อขอคำแนะนำในการแก้ไขปัญหา
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากปัญหาของลูกรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยาเด็ก หรือแพทย์

สิ่งสำคัญที่สุดคือ พ่อแม่ต้องอดทนและให้กำลังใจลูกเสมอ การแก้ไขปัญหาเด็กขี้เกียจเรียนอาจต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่หากพ่อแม่ให้ความรักและการดูแลอย่างเหมาะสม ลูกก็จะสามารถปรับปรุงพฤติกรรมและกลับมาสนใจการเรียนได้

สิ่งที่พ่อแม่ที่ดีควรทำ เมื่อลูกขี้เกียจเรียน ไม่อยากไปโรงเรียน

เมื่อลูกขี้เกียจเรียนและไม่อยากไปโรงเรียน เป็นเรื่องที่พ่อแม่หลายคนกังวลใจ สิ่งสำคัญคือการหาสาเหตุที่แท้จริงและเข้าใจความรู้สึกของลูก เพื่อจะได้ช่วยเหลือลูกได้อย่างเหมาะสม

สิ่งที่พ่อแม่ที่ดีควรทำ

  1. เปิดใจคุยกัน: สร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองและปลอดภัย เพื่อให้ลูกกล้าเปิดใจพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกและปัญหาที่เกิดขึ้น อาจจะลองถามคำถามเปิด เช่น “ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรที่ทำให้ลูกไม่สบายใจหรือไม่?” “ลูกรู้สึกยังไงกับการไปโรงเรียนบ้าง?”
  2. ฟังอย่างตั้งใจ: ฟังลูกอย่างตั้งใจ ไม่ตัดสิน และพยายามเข้าใจมุมมองของลูกให้มากที่สุด
  3. หาสาเหตุ: พยายามหาสาเหตุที่แท้จริงว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ลูกไม่อยากไปโรงเรียน อาจเป็นเพราะปัญหาเรื่องการเรียน การเข้าสังคมกับเพื่อน หรือปัญหาส่วนตัวอื่น ๆ
  4. ร่วมกันหาทางออก: เมื่อทราบสาเหตุแล้ว ให้ร่วมกันหาทางออกกับลูก อาจจะลองปรับเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ใหม่ ๆ หรือหาคนช่วยสอนเพิ่มเติม
  5. ให้กำลังใจและชื่นชม: ชื่นชมในความพยายามของลูก แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม เพื่อสร้างความมั่นใจและกระตุ้นให้ลูกอยากพยายามมากขึ้น
  6. ไม่เปรียบเทียบ: หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่น ๆ เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกกดดันและเสียความมั่นใจ
  7. สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่บ้าน: สร้างมุมสำหรับการเรียนรู้ที่บ้าน และจัดเตรียมอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น เพื่อให้ลูกได้สัมผัสบรรยากาศการเรียนรู้ที่ผ่อนคลาย
  8. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากปัญหาของลูกไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยาเด็ก หรือครูที่ปรึกษา เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
  9. ดูแลสุขภาพของลูก: ตรวจสอบสุขภาพของลูกเป็นประจำ เพราะปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น การนอนไม่พอ อาจส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ของลูก
  10. เป็นแบบอย่างที่ดี: พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกเห็นในการอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

  • ลงโทษ: การลงโทษจะยิ่งทำให้ลูกกลัวและไม่อยากไปโรงเรียนมากขึ้น
  • บังคับ: การบังคับให้ลูกทำอะไรที่ไม่ชอบ จะทำให้ลูกยิ่งต่อต้าน
  • ตำหนิ: การตำหนิจะทำให้ลูกเสียความมั่นใจและไม่กล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆฃ

สุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือ พ่อแม่ต้องอดทนและให้กำลังใจลูกเสมอ การแก้ไขปัญหาเด็กขี้เกียจเรียนอาจต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่หากพ่อแม่ให้ความรักและการดูแลอย่างเหมาะสม ลูกก็จะสามารถปรับปรุงพฤติกรรมและกลับมาสนใจการเรียนได้

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : 

บทความจากพันธมิตร
ก้าวไปอีกขั้น! PalFish Thailand จัดงานอลัง “ฉลองรับการขยายออฟฟิศใหม่”
ก้าวไปอีกขั้น! PalFish Thailand จัดงานอลัง “ฉลองรับการขยายออฟฟิศใหม่”
แพ็ลฟิชฯ จัดอลัง!! ประชันแข่งขันสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ “PalFish English Speech Contest” - ดัน “UN” ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 17)
แพ็ลฟิชฯ จัดอลัง!! ประชันแข่งขันสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ “PalFish English Speech Contest” - ดัน “UN” ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 17)
สร้างความแข็งแกร่งของฮีโร่ตัวน้อย ด้วย LPR โพรไบโอติก ตัวดัง
สร้างความแข็งแกร่งของฮีโร่ตัวน้อย ด้วย LPR โพรไบโอติก ตัวดัง
วันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 กระทรวง อว. ชวนเจ้าตัวเล็ก ร่วมกิจกรรม Online “ถนนสายวิทยาศาสตร์” ลุ้นเปิด “กล่องสุ่มของเล่น” กระจายความสนุกพร้อมกันทั่วประเทศ
วันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 กระทรวง อว. ชวนเจ้าตัวเล็ก ร่วมกิจกรรม Online “ถนนสายวิทยาศาสตร์” ลุ้นเปิด “กล่องสุ่มของเล่น” กระจายความสนุกพร้อมกันทั่วประเทศ

ปัญหาลูกไม่ทำการบ้าน ลูกไม่ชอบทำการบ้าน เพราะอะไร วิธีแก้ปัญหาลูกไม่ทำการบ้าน

ลูกเป็นโรคแอลดี LD คือ ? รักษาได้หรือไม่ ทำยังไงดีเมื่อลูกเป็นเด็ก LD

วิธีแก้ปัญหาลูกไม่อยากไปโรงเรียน เตรียมลูกเข้าโรงเรียนอนุบาล การสร้างแรงจูงใจให้ลูกไปโรงเรียน

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

watcharin

  • หน้าแรก
  • /
  • ข่าว
  • /
  • หนูน้อยสู้ชีวิต หิ้วถุงเก็บขยะริมถนน ก่อนพบว่าทำไปเพราะถูกพ่อลงโทษ
แชร์ :
  • สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

    สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

  • เคาะ! ร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ฉบับแก้ไข เพิ่มโทษปรับ 10 เท่า!

    เคาะ! ร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ฉบับแก้ไข เพิ่มโทษปรับ 10 เท่า!

  • นิด้าโพล เผย คนไทยไม่อยากมีลูก กังวลค่าใช้จ่าย ห่วงสภาพสังคม

    นิด้าโพล เผย คนไทยไม่อยากมีลูก กังวลค่าใช้จ่าย ห่วงสภาพสังคม

  • สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

    สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

  • เคาะ! ร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ฉบับแก้ไข เพิ่มโทษปรับ 10 เท่า!

    เคาะ! ร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ฉบับแก้ไข เพิ่มโทษปรับ 10 เท่า!

  • นิด้าโพล เผย คนไทยไม่อยากมีลูก กังวลค่าใช้จ่าย ห่วงสภาพสังคม

    นิด้าโพล เผย คนไทยไม่อยากมีลูก กังวลค่าใช้จ่าย ห่วงสภาพสังคม

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว