X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ผู้ปกครองสุดงง! ครูอนุบาลยัดอุจจาระใส่กระเป๋านักเรียน !?

17 Jul, 2024
ผู้ปกครองสุดงง! ครูอนุบาลยัดอุจจาระใส่กระเป๋านักเรียน !?

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีเรื่องราวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้ปกครองของนักเรียนรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความไม่พอใจต่อครูโรงเรียนอนุบาล ที่ยัดอุจจาระของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 1 ใส่กระเป๋าสะพายหลังให้นักเรียนนำกลับบ้าน เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจต่อตัวผู้ปกครองเป็นอย่างมาก จากข้อมูลพบว่า เด็กนักเรียนหญิงวัย 4 ขวบ อุจจาระรดกางเกงที่โรงเรียน แทนที่ครูจะทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็ก แต่ครูกลับเลือกที่จะยัดอุจจาระใส่ลงในกระเป๋าสะพายหลังของเด็กให้นำกลับบ้าน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น ยังมีผู้ปกครองอีกหลายคนที่ออกมาเปิดเผยว่า ลูกของตนเคยถูกครูคนเดียวกันยัดอุจจาระใส่กระเป๋ามาแล้ว ทำให้ผู้ปกครองจึงรวบรวมหลักฐานและเข้าร้องเรียนกับทางโรงเรียน และทางโรงเรียนรับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว และได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการกับครูที่เกี่ยวข้องต่อไป

ขอขอบคุณที่มา : thairath.co.th, sanook.com, honekrasae.com, workpointnews.com

ผู้ปกครองสุดงง! ครูอนุบาลยัดอุจจาระใส่กระเป๋านักเรียน !?

ขอขอบคุณภาพจาก thairath.co.th

ซึ่งชาวเน็ตต่างก็ได้เข้ามาคอมเมนต์กันเป็นจำนวนมาก

ผู้ปกครองสุดงง! ครูอนุบาลยัดอุจจาระใส่กระเป๋านักเรียน !?

 

ผู้ปกครองสุดงง! ครูอนุบาลยัดอุจจาระใส่กระเป๋านักเรียน !?

 

ครูอนุบาลยัดอุจจาระใส่กระเป๋านักเรียน สะท้อนถึงความไม่พร้อมของครู

จากเหตุการณ์ ครูอนุบาลยัดอุจจาระใส่กระเป๋านักเรียน ทำให้สามารถเห็นได้ถึงความไม่พร้อมในการดูแลเด็กของคุณครูอนุบาลรายนี้ ซึ่งครูควรได้รับการอบรมอย่างเพียงพอเกี่ยวกับวิธีการดูแลเด็กอย่างเหมาะสม รวมถึงวิธีการจัดการกับเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ในห้องเรียน ซึ่งการกระทำของครูในกรณีนี้ไม่เหมาะสม และส่งผลเสียต่อเด็กทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งเหตุการณ์นี้อาจส่งผลกระทบต่อเด็กทั้งทางร่างกายและจิตใจ เด็กอาจรู้สึกอับอาย โดดเดี่ยว หรือหวาดกลัว ผู้ปกครองควรสังเกตพฤติกรรมของเด็กอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนหากจำเป็น

แม่ ๆ คิดว่าครูทำเหมาะสมหรือไม่ และถ้าเกิดกับลูกของเรา แม่ ๆ จะทำอย่างไร

ผลกระทบต่อเด็ก จากเหตุการณ์ ครูอนุบาลยัดอุจจาระใส่กระเป๋านักเรียน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนอนุบาล 1 ที่ถูกครูยัดอุจจาระใส่กระเป๋านั้น ส่งผลกระทบต่อเด็กทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม ดังนี้

ผลกระทบด้านร่างกาย:

  • เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค: อุจจาระเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคมากมาย เด็กอาจสัมผัสกับอุจจาระโดยตรง หรือสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อน เสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อต่างๆ เช่น โรคท้องร่วง อหิวาตกโรค หรือโรคตับอักเสบ

ผลกระทบด้านจิตใจ:

  • หวาดกลัว: เด็กอาจรู้สึกหวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วิตกกังวล ร้องไห้ นอนหลับยาก หรือมีอาการสะดุ้งกลัว
  • สูญเสียความไว้วางใจ: เด็กอาจสูญเสียความไว้วางใจในครู ผู้ใหญ่ และคนรอบข้าง ส่งผลต่อความสัมพันธ์และพัฒนาการทางสังคม
  • อับอาย: เด็กอาจรู้สึกอับอาย เก็บตัว ไม่อยากไปโรงเรียน กลัวเพื่อนล้อ
  • สูญเสียความนับถือตนเอง: เด็กอาจรู้สึกด้อยค่า คิดว่าตัวเองไม่ดี ส่งผลต่อพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ

ผลกระทบด้านสังคม:

  • ถูกเพื่อนล้อ: เด็กอาจถูกเพื่อนล้อ ล้อเลียน หรือถูกแกล้ง ส่งผลต่อความสัมพันธ์กับเพื่อน
  • ถูกกีดกัน: เด็กอาจถูกกีดกันจากกลุ่มเพื่อน ไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรม รู้สึกโดดเดี่ยว
  • มีปัญหาการเข้าสังคม: เด็กอาจมีปัญหาในการเข้าสังคม ขาดทักษะการสื่อสาร และความสัมพันธ์กับผู้อื่น

แนวทางการดูแลเด็กหลังจากเกิดปัญหา

  • พูดคุยกับเด็ก: ผู้ปกครองควรพูดคุยกับเด็กอย่างใจเย็น อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รับฟังความรู้สึกของเด็ก และให้ความมั่นใจว่าเด็กปลอดภัย
  • สังเกตพฤติกรรมของเด็ก: ผู้ปกครองควรสังเกตพฤติกรรมของเด็กอย่างใกล้ชิด หากพบความผิดปกติ เช่น เด็กมีอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า นอนหลับยาก หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าว ควรพาเด็กไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
  • สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น: ผู้ปกครองควรสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ปลอดภัย และให้ความรักความเอาใจใส่แก่เด็ก เพื่อช่วยให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย และปลอดภัย
  • สอนให้เด็กรู้จักปกป้องตนเอง: ผู้ปกครองควรสอนให้เด็กรู้จักปกป้องตนเอง รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูก สิ่งที่ผิด และกล้าที่จะบอกผู้ใหญ่เมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย
  • ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ: หากผู้ปกครองไม่สามารถจัดการกับปัญหาด้วยตนเอง ควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

โรคอันตรายที่อาจมาจากการสัมผัสอุจจาระ

จากการที่ครูนำอุจจาระใส่กระเป๋านักเรียน ซึ่งอาจทำให้เด็กเสี่ยงต่อการสัมผัสอุจจาระได้ โดยการสัมผัสอุจจาระอาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้หลายโรค เนื่องจากอุจจาระเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคมากมาย โรคที่พบบ่อย ได้แก่

  • โรคท้องร่วง: เกิดจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิต ที่ปนเปื้อนในอาหาร น้ำ หรือสิ่งของที่ปนเปื้อน อาการของโรคท้องร่วง ได้แก่ ท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง คลื่นไส้ และอาจมีไข้ร่วมด้วย
  • อหิวาตกโรค: เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ที่ปนเปื้อนในอาหาร น้ำ หรือสิ่งของที่ปนเปื้อน อาการของอหิวาตกโรค ได้แก่ ท้องเสียรุนแรง ถ่ายเป็นน้ำ อาเจียน กระหายน้ำมาก และอาจมีอาการช็อก เสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
  • โรคตับอักเสบ A: เกิดจากเชื้อไวรัส เฮปปาไตติส เอ (Hepatitis A) ที่ปนเปื้อนในอาหาร น้ำ หรือสิ่งของที่ปนเปื้อน อาการของโรคตับอักเสบ A ได้แก่ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม
  • โรคไทฟอยด์: เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซัลโมเนลลา ไทฟี (Salmonella Typhi) ที่ปนเปื้อนในอาหาร น้ำ หรือสิ่งของที่ปนเปื้อน อาการของโรคไทฟอยด์ ได้แก่ มีไข้สูง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ปวดท้อง ท้องผูก อาจมีอาการท้องเสียในบางราย
  • โรคพยาธิ: การสัมผัสอุจจาระที่ปนเปื้อนไข่พยาธิ อาจทำให้เกิดโรคพยาธิต่าง ๆ เช่น พยาธิปากขอ พยาธิเข็มขัด อาการของโรคพยาธิ ขึ้นอยู่กับชนิดของพยาธิ โดยทั่วไปจะมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลีย

เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาต่าง ๆ ที่ควรได้รับการแก้ไข และผู้ปกครองควรติดตามอาการของเด็กอย่างใกล้ชิดทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก และเด็ก ๆ ทุกคนจะได้รับการดูแล และเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข

 

บทความจากพันธมิตร
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ก้าวไปอีกขั้น! PalFish Thailand จัดงานอลัง “ฉลองรับการขยายออฟฟิศใหม่”
ก้าวไปอีกขั้น! PalFish Thailand จัดงานอลัง “ฉลองรับการขยายออฟฟิศใหม่”
แพ็ลฟิชฯ จัดอลัง!! ประชันแข่งขันสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ “PalFish English Speech Contest” - ดัน “UN” ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 17)
แพ็ลฟิชฯ จัดอลัง!! ประชันแข่งขันสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ “PalFish English Speech Contest” - ดัน “UN” ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 17)

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : 

สิ่งที่ต้องรู้! สอนลูกล้างและเช็ดก้นด้วยตัวเอง ทำยังไงดี?

5 วิธีสอนลูกนั่งกระโถน ลูกชอบถ่ายใส่ผ้าอ้อม ไม่ยอมเข้าห้องน้ำทำไงดี?

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

watcharin

  • หน้าแรก
  • /
  • ข่าว
  • /
  • ผู้ปกครองสุดงง! ครูอนุบาลยัดอุจจาระใส่กระเป๋านักเรียน !?
แชร์ :
  • ลูกเกิดมาต้องเลี้ยงพ่อแม่จริงหรือ? ความกตัญญู ต้องมาจากใจ ไม่ใช่แรงบังคับ

    ลูกเกิดมาต้องเลี้ยงพ่อแม่จริงหรือ? ความกตัญญู ต้องมาจากใจ ไม่ใช่แรงบังคับ

  • ทำความเข้าใจ พฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กเล็ก เกิดจากอะไร พ่อแม่ควรรับมืออย่างไร

    ทำความเข้าใจ พฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กเล็ก เกิดจากอะไร พ่อแม่ควรรับมืออย่างไร

  • นิสัยเด็กทารก มีกี่แบบ? วิธีสังเกต ลูกเป็นเด็กแบบไหน ควรเลี้ยงยังไงให้ถูกทาง?

    นิสัยเด็กทารก มีกี่แบบ? วิธีสังเกต ลูกเป็นเด็กแบบไหน ควรเลี้ยงยังไงให้ถูกทาง?

  • ลูกเกิดมาต้องเลี้ยงพ่อแม่จริงหรือ? ความกตัญญู ต้องมาจากใจ ไม่ใช่แรงบังคับ

    ลูกเกิดมาต้องเลี้ยงพ่อแม่จริงหรือ? ความกตัญญู ต้องมาจากใจ ไม่ใช่แรงบังคับ

  • ทำความเข้าใจ พฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กเล็ก เกิดจากอะไร พ่อแม่ควรรับมืออย่างไร

    ทำความเข้าใจ พฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กเล็ก เกิดจากอะไร พ่อแม่ควรรับมืออย่างไร

  • นิสัยเด็กทารก มีกี่แบบ? วิธีสังเกต ลูกเป็นเด็กแบบไหน ควรเลี้ยงยังไงให้ถูกทาง?

    นิสัยเด็กทารก มีกี่แบบ? วิธีสังเกต ลูกเป็นเด็กแบบไหน ควรเลี้ยงยังไงให้ถูกทาง?

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว