ช็อค ! ตามหาแม่ลูกอ่อน ทิ้งทารกไว้ในไร่อ้อย ส่งดูแล รพ.กุดจับ
เกิดเรื่องน่าสลดอีกแล้ว ช็อค ! ตามหาแม่ลูกอ่อน ทิ้งทารกไว้ในไร่อ้อย ส่งดูแล รพ.กุดจับ เจออีกแล้วแม่ท้องไม่พร้อมเลี้ยงลูกคลอดเสร็จทิ้งลูกไว้ จนมีพลเมืองดีไปพบเด็กน้อยยังโชคดี ที่เด็กร่างกายแข็งแรง
ข่าวสลด ตามหาแม่ลูกอ่อน ทิ้งทารกไว้ในไร่อ้อย ส่งดูแล รพ.กุดจับ
ขอขอบคุณรูปจากมติชน
เมื่อเวลา 07:00 น. วันที่ 12 เมษายนผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดอุดรธานี พ.ต.ท.ยืนยง คำบอน สว.สอบสวน สภ.กุดจับ จังหวัดอุดรธานี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 จังหวัดอุดรธานีว่ามีชาวบ้านเจอเด็กทารกแรกเกิดเพศชายผิวขาวถูกแม่คลอดทิ้งไว้ในไร่อ้อยท้ายหมู่บ้านโสกแก หมู่ 5 ตำบลเมืองเพียอำเภอกุดจับจังหวัดอุดรธานี จึงได้รีบไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนตามตัวแม่อีกรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบ้านโสกแก ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน และอาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถานจุดบริการอำเภอกุดจับ ได้ช่วยกันเช็ดเนื้อเช็ดตัวเด็กให้สะอาด และเบื้องต้นได้ตรวจสอบร่างกายพบว่าเด็กมีสุขภาพแข็งแรงคาดว่าคลอดช่วงกลางดึกที่ผ่านมาหรือประมาณ 6 ชั่วโมงก่อน โดยหลังจากนั้นโรงพยาบาลกุดจับมารับเด็กทารกส่งไปตรวจสอบร่างกาย แบบละเอียดโดยชาวบ้านแถวนั้นพากันตั้งชื่อจริงเด็กว่า ‘น้องสงกรานต์’ และชื่อเล่นว่า ‘น้องอ้อย’
ขอขอบคุณรูปจากมติชน
โดยจุดเกิดเหตุได้พบกับนายปรีชา (สงวดนามสกุล) หรือตาเล่ อายุ 65 ชาวบ้านคำเจริญ ตำบลเมืองเพีย อำเภอกุดจับ คนพบเด็ก และนายสุนทร สิทธิเสียงพิณ อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านโสกแก ได้นำตำรวจตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นไร่ออกที่เพิ่งแตกใบ อยู่ห่างจากหมู่บ้านโสกแกประมาณ 1.5 กิโลเมตร
ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นกระท่อมในไร่อ้อยยกพื้นสูง พบคราบเลือด และสายรกถูกตัดวางไว้ที่พื้นดิน และพบมีดปอดผลไม้ยาว 5 นิ้ว ที่คาดว่านำมาใช้ตัดสายรกวางอยู่บนแคร่ และถังน้ำ 20 ลิตรของเจ้าของกระท่อมถูกใช้ทำความสะอาดจนหมด ถัดไป 5 เมตร พบร่องรอยเด็กถูกนำมาวางไว้ที่ร่องไร้อ้อย พบกางเกงในผู้หญิงเปื้อนเลือดวางบนพื้น ตำรวจจึงนำเก็บเป็นหลักฐาน
นายปรีชาเล่าว่า เช้าวันนี้เค้าได้ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงจากบ้านไปที่ไร่อ้อย ของพี่สาวเพื่อจะมาฉีดพ่นยา ตอนแรกได้ยินเสียงร้องไห้ นายปรีชาเข้าใจว่าเป็นเสียงนก หรือเสียงลูกหมาแต่พอกำลังจะขนอุปกรณ์ฉีดยาลงไปจากรถสามล้อที่ตนขับมาได้ยินเสียงอีกครั้ง จึงเดินไปแล้วค้นพบว่าเป็นเด็กทารกร้องไห้อยู่ทำอะไรไม่ถูกจึงอุ้มเด็กขึ้นมาไว้ที่อก ตอนแรกเด็กหัวหันไปทางทิศตะวันตกชูมือแล้วขาขึ้นไม่สวมเสื้อผ้า แต่เด็กเนื้อตัวสะอาดไม่มีเลือด และรกติดตามตัว คาดว่าแม่เด็กคงใช้น้ำในถังล้างจนสะอาด และนำมาทิ้งไว้ในร่องปลูกอ้อย
ขอขอบคุณรูปจากมติชน
นายปรีชาได้อุ้มเด็กมาไว้ที่ศาลา ก่อนจะถอดเสื้อของเขามาห่อร่างเด็กไว้ ก่อนจะนำเด็กใส่ตะกร้าหน้ารถจักรยานยนต์พ่วง และขี่เข้าไปในหมู่บ้านโสกแก เพื่อไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน แต่ผู้ใหญ่บ้านได้เตรียมงานทำบุญในวันสงกรานต์ เค้าจึงขับรถเข้าไปหาที่วัด ทำให้พระ เณร และชาวบ้านแตกตื่นตกใจ ก่อนที่จะรีบโทรแจ้งรถกู้ชีพมาตรวจสอบร่างกายเด็ก และเรียกให้ตำรวจมาสอบเรื่องที่เกิดขึ้น เก็บวัตถุพยานหลักฐานไปตรวจสอบโ ดยชาวบ้านพากันตั้งชื่อให้เด็กว่าน้องสงกรานต์เพราะวันนี้เป็นวันแรกของสงกรานต์ แต่ชาวบ้านที่อยู่ในวัดบอกว่าทำไมไม่ตั้งชื่อว่าบักอ้อย เพราะเด็กเกิดอยู่ในป่าอ้อยต้นจึงบอกว่าแล้วแต่ ความเหมาะสมของชาวบ้านตั้งชื่อว่าน้องอ้อย
โดยนายปรีชาอยากฝากถึงแม่เด็กน้องคนนี้ว่า “ตนไม่รู้ว่าแม่เด็กน้องเป็นใคร แต่น้องเป็นเด็กที่น่ารักผิวขาว หน้าตาสะอาดสะอ้าน และมีร่างกายครบ 32 แต่ทำไมแม่ของเด็กถึงใจดำแบบนี้เอาลูกตัวเองมาทิ้งแบบนี้ หากคนใดเป็นพ่อแม่เด็กคนนี้ก็ขอให้ไปติดต่อรับเด็กจากเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลกุดจับ โดยตนคิดว่าน่าจะเป็นคนในหมู่บ้าน หรือคนในหมู่บ้านใกล้เคียง โดยถังน้ำที่อยู่ในศาลาเป็นทางน้ำของตนที่ใส่เอาไว้เต็มถัง ตนคิดว่าพ่อ และแม่คงเอาน้ำมาล้างเด็ก แล้วยังพบกางเกงในผู้หญิงเปื้อนเลือด ส่วนมีดที่ใช้ตัดสายรกก็คิดว่าแม่ที่คลอดเตรียมมาด้วยตำรวจจึงได้เก็บเอาไว้เป็นหลักฐานในการติดตามตัวแม่ใจยักษ์”
นอกจากนี้นายสุนทร ยังกล่าวว่าวันนี้ตนได้พาลูกบ้านไปทำบุญวันสงกรานต์ และอยู่ดี ๆ ก็มีชาวบ้านมาแจ้งว่ามีคนคลอดลูกทิ้งไว้ที่เถียงน้ำ ในไร่อ้อยหลังจากไปดูพบว่าเป็นเด็กทารกแรกเกิดเพศชาย ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ตนจึงแจ้ง 1669 ให้มารับตัวไปโรงพยาบาลกุดจับพร้อมกับ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมว่าช่วงนี้คนในตำบลตั้งครรภ์ใกล้คลอด หรือไม่ซึ่งทางโรงพยาบาลแจ้งว่าในจำนวน 6 หมู่บ้านที่รับผิดชอบ มีผู้หญิงตั้งครรภ์ 7 คนคลอดไปแล้ว 2 คนเหลืออีก 5 คนที่ยังท้องอ่อนไม่พร้อมจะคลอดโดยจากสาเหตุนี้จึงคาดว่าไม่ใช่คนในหมู่บ้าน แต่เป็นคนพื้นที่อื่น
โดยนายปรีชา อยากจะฝากถึงกับผู้ที่เป็นแม่ที่ทิ้งลูก ถ้าสำนึกผิดก็เอาหลักฐาน ไปติดต่อขอรับลูกได้ ที่โรงพยาบาลกุดจับ เค้าก็อยากเห็นหน้า แม่คนนั้นเหมือนกัน ว่าทำไมถึงกล้าทิ้งลูกแบบนี้ อาจจะเป็นวัยรุ่นใจแตกท้องแต่ไม่พร้อม หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ซึ่งชาวบ้านก็ตั้งชื่อเรียบร้อยแล้วว่า เด็กชายสงกรานต์
ไม่อยากท้อง ทำยังไงดี?
สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ หรือยังไม่อยากสร้างครอบครัวนั้นคุณควรป้องกันตัวเองระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ให้เป็นอย่างดี เพราะมีโอกาสเสี่ยงสูงที่คุณจะตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมได้ มาดูกันดีกว่าหากคุณ ไม่อยากท้อง ควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง
1. ถุงยางอนามัย
การใช้ถุงยางอนามัย เรียกได้เป็นพื้นฐานของการมีเพศสัมพันธ์ เพราะนอกจากจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้แล้ว ยังป้องกันการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย โดยถุงยางอนามัยนั้นมีทั้งของผู้หญิงและของผู้ชาย ซึ่งสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากถึง 99 เปอร์เซ็นต์ แต่จะต้องใช้อย่างถูกต้อง สถิติการใช้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงมีมากถึงร้อยละ 79 เปอร์เซ็นต์สำหรับผู้หญิงในต่างประเทศ ส่วนประเทศไทยนั้นมีผู้หญิงจำนวนน้อยมากที่จะใช้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง แต่สำหรับผู้ชายทั่วโลกนั้นมีสถิติการใช้ถุงยางอนามัยอยู่ที่ร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์ และโดยวิธีการใช้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชายมีดังต่อไปนี้
- เลือกขนาดที่ถูกต้อง โดยวัดจากการขยายตัวสูงสุดของอวัยวะเพศชาย
- วางถุงยางไว้บนหัวองคชาตที่แข็งตัว ถ้าหากผู้ชายคนใดยังไม่ได้ขลิบให้ดึงหนังหุ้มปลายออกก่อนที่จะวางถุงยางลงไป
- บีบปลายถุงยางอนามัย เพื่อไล่อากาศออก
- คลี่ถุงยางอนามัยลงที่องคชาต ระวังอย่าให้ฉีกขาด
- หลังมีเพศสัมพันธ์ให้จับก้นถุงให้เข้าที่ก่อนที่จะดึงออกจากช่องคลอด เพื่อป้องกันการหลุดรั่วของอสุจิ
- ไม่ควรใช้ถุงยางอนามัยซ้ำอย่างเด็ดขาด ถอดและทิ้งลงถังขยะให้เรียบร้อย
2. ยาคุมกำเนิดแบบรับประทาน
ยาคุมกำเนิดเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มักใช้กันมาก โดยยาคุมกำเนิดนั้นมีหลากหลายยี่ห้อให้คุณเลือกสรร ซึ่งคุณสามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชการใกล้บ้านของคุณเกี่ยวกับวิธีรับประทานยาคุมได้ โดยประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดนั้นสามารถคุมกำเนิดได้มากถึง 99 เปอร์เซ็นต์หากรับประทานตามที่กำหนด ซึ่งยาคุมสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
- ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progesterone-only pills)
เป็นยาคุมกำเนิดชนิดที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว โดยหนึ่งแผงจะมียาบรรจุอยู่จำนวน 28 เม็ด ซึ่งผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดสามารถเริ่มรับประทานได้ทุกวันวันละ 1 เม็ด หากรับประทานหมดแล้วสามารถเริ่มทานแผงต่อไปได้ทันที แต่การทานยาคุมชนิดนี้อาจส่งผลทำให้ประจำเดือนของคุณมาผิดปกติ ซึ่งอาจมีจำนวนมากขึ้น หรือน้อยลง นอกจากนี้ในบางรายยังพบว่ามีเลือดออกจากช่องคลอดก่อนถึงรอบประจำเดือนจะมาถึงอีกด้วย ทั้งนี้หากคุณกำลังป่วย มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วงอย่างรุนแรงให้หยุดใช้ยาในทันที
- ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive)
เป็นการผสมฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนให้รวมอยู่ในเม็ดเดียวกัน ซึ่งยาคุมชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงกว่าฮอร์โมนชนิดเดี่ยวหากทานได้อย่างถูกวิธี และสม่ำเสมอ แต่ถึงอย่างไรก็ตามการทานยามักมีผลข้างเคียงเสมอ โดยผู้หญิงที่ทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมจะมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลง ปวดหน้าอก ในบางรายอาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูง
- ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน (Emergency contraception pill)
เป็นยาคุมกำเนิดที่ถูกนำมาใช้ในกรณีที่ถูกกระทำชำเรา การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ถุงยางอนามัยฉีกขนาดขณะมีเพศสัมพันธ์ และในกรณีอื่น ๆ ที่คุณคาดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ โดยการทานยาคุมแบบฉุกเฉินนั้นจะต้องทานหลังมีเพศสัมพันธ์ภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งตัวยาจะออกฤทธิ์ไปยับยั้ง หรือการชะลอการตกของไข่ รวมถึงการสร้างเมือกที่บริเวณปากมดลูกเพื่อป้องกันการเข้าถึงของอสุจิที่กำลังว่ายไปผสมกับไข่ และทำให้เกิดการตั้งครรภ์
3. ยาคุมกำเนิดแบบฝัง
การฝังยาคุม หรือ Contraceptive Implant เป็นการคุมกำเนิดที่ไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยา โดยการฝังยาคุมมีประสิทธิภาพสูงเทียบเท่ากับการคุมกำเนิดแบบการทานยาเลยทีเดียว ซึ่งการฝังยาคุมนั้นเป็นการนำหลอดบรรจุฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนฝั่งเข้าไปยังบริเวณใต้ท้องแขนท่อนบนของผู้หญิง ซึ่งตัวยาจะค่อย ๆ ออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ โดย 1 หลอดสามารถป้องกันได้ประมาณ 3-5 ปี แต่อย่างไรก็ตามการฝังยาคุมฉุกเฉินนั้นไม่ได้ป้องกัน และครอบคลุมถึงการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์คุณควรป้องกันด้วยถุงยางอนามัยอีกทีด้วยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ฝังยาคุม กับ กินยาคุม ต่างกันอย่างไร ? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
4. การฉีดยาคุมกำเนิด
การฉีดยาคุมกำเนิด หรือ Injectable contraceptive เป็นการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวเหมือนกับการทานยา และการฝังยาคุม ซึ่งจะมีระยะเวลาในการป้องกันการตั้งครรภ์ และสามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้อีกครั้งเมื่อหยุด หรือขาดการฉีด โดยยาคุมในรูปแบบของการฉีดนี้ส่วนใหญ่มักใช้ในผู้หญิงที่ต้องการเว้นระยะห่างในการตั้งครรภ์ ซึ่ง 1 เข็มสามารถช่วยคุมกำเนิดได้ประมาณ 3 เดือน ถือว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะว่าการฉีดยาคุมนั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูง แต่การฉีดยาคุมนั้นมีข้อกำจัดอยู่คือ ถ้าหากคุณต้องการจะมีบุตรหลังจากเริ่มฉีดยาคุมกำเนิดแล้ว อาจต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปีเพื่อที่จะกลับมาตั้งครรภ์ได้อีกครั้งนั่นเอง
5. การวางแผนครอบครัวตามธรรมชาติ
วิธีการวางแผนครอบครัว หรือการวางแผนการมีบุตรก็เป็นอีกหนึ่งวิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติที่มีความเกี่ยวข้องกับรอบเดือน และการมีเพศสัมพันธ์ หรือที่เรามักเรียกว่าการนับรอบเดือนนั่นเอง ซึ่งการนับรอบเดือนนี้จะช่วยให้คุณและคู่นอนของคุณทราบถึงช่วงเวลาการมีเซ็กส์ที่ปลอดภัย โดยในช่วงที่ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์คือช่วงเวลาของ “ช่วงเจริญพันธุ์” หรือ “ช่วงไข่ตก” ซึ่งหนึ่งเดือน ผู้หญิงจะมีช่วงระยะเวลาดังกล่าวประมาณ 6 ถึง 9 วัน ถ้าหากคุณมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนั้นโดยไม่ได้มีการป้องกันก็อาจทำให้ท้องได้ ทั้งนี้การตรวจเช็กว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวหรือไม่ สามารถเช็กได้ดังต่อไปนี้
- การวัดอุณหภูมิร่างกายพื้นฐาน
- สังเกตสีของตกขาว และปริมาณของมูกที่ปากมดลูก
- บันทึกเวลาเริ่มต้น และสิ้นสุดของรอบประจำเดือน
6. การทำหมัน
การทำหมันนั้นสามารถทำได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย ซึ่งเป็นวิธีการลดภาวะเจริญพันธุ์ได้อย่างถาวร โดยทั่วไปแล้วการทำหมันนั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์มากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ แต่ถึงอย่างไรก็ตามการทำหมันนั้นไม่ได้หมายรวมถึงการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย โดยการทำหมันของผู้ชายและผู้หญิงแตกต่างกันออกไปดังต่อไปนี้
- การทำหมันในผู้ชาย จะเป็นการตัดท่อนำเลี้ยงที่มีอสุจิออก เป็นการหัตถการทางการแพทย์เล็ก ๆ ที่คุณผู้ชายเมื่อทำหมันเรียบร้อยแล้วก็อาจจะสามารถกลับบ้านได้ในทันที โดยอาจจะต้องใช้เวลาฟื้นตัวสักพักกว่าจะกลับมามีเพศสัมพันธ์ได้อีกครั้ง
- การทำหมันในผู้หญิง เป็นการทำหมันที่เรียกว่า ligation หรือการผูกท่อนำไข่ หรือปิดผนึกท่อนำไข่ทั้งสองด้านของผู้หญิง เพื่อไม่ให้ไข่เดินทางมาพบกับอสุจิได้ ซึ่งผลของการทำสามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถาวร แต่ในบางกรณีก็อาจทำให้ผนึกที่ได้ปิดไว้นั้นคลาย และส่งผลทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ตั้งครรภ์ 1-3 สัปดาห์ อาการคนท้อง และพัฒนาการของทารกในครรภ์
ตรวจครรภ์เร็วสุดกี่วัน กี่วันจะรู้ว่าท้อง ท้องกี่สัปดาห์ถึงใช้ที่ตรวจครรภ์ได้
ความผิดพลาดของที่ตรวจครรภ์ รู้ตัวอีกทีก็ท้องโตซะแล้ว