โรคโควิด ถือได้ว่าเป็นโรคระบาดที่สร้างผลกระทบให้กับทั่วทั้งโลก และเป็นโรคที่ไม่มีใครอยากจะเป็น และถึงแม้ว่าการระบาดโควิดในประเทศไทยจะมียอดลดน้อยลง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อโควิดอยู่เลย แต่เมื่อไม่นานมานี้ กลับมีรายงานออกมาว่า โควิดสายพันธุ์ JN.1 จ่อระบาดในไทย แพทย์เตือน สายพันธุ์ใหม่ ติดง่าย อาการคล้ายหวัด ซึ่งอาจจะเป็นการระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่
โควิดสายพันธุ์ JN.1 จ่อระบาดในไทย แพทย์เตือน สายพันธุ์ใหม่ ติดง่าย อาการคล้ายหวัด
โดยนพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
“โควิด 19 สายพันธุ์ JN.1 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากแล้วในขณะนี้
ยง ภู่วรวรรณ
ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์
11 มกราคม 2567
ในที่สุด การคาดการณ์ว่าสายพันธุ์ JN.1 ที่ระบาดและติดต่อได้ง่าย ก็เข้ามาเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศไทย
จากการศึกษาของศูนย์ไวรัส ถอดรหัสพันธุกรรม ในเดือนธันวาคม 14 ตัวอย่าง (ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่รอวิเคราะห์) ด้วยงบประมาณที่จำกัด พบว่าสายพันธุ์เด่นที่พบมากที่สุด เป็นสายพันธุ์ JN.1 แล้ว หลังปีใหม่นี้สายพันธุ์ JN.1 จะเป็นสายพันธุ์หลัก หรือเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นสายพันธุ์ติดต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดิมที่ผ่านมา
สายพันธุ์ JN.1 พบครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา เป็นลูกของสายพันธุ์ BA.2.86 (Pirola ชื่อของดาวเคราะห์น้อย) เป็นสายพันธุ์ที่ติดต่อได้ง่ายและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว มีการคาดการณ์ไว้แล้วว่าสายพันธุ์นี้จะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์อื่นทั้งหมด
เป็นตามคาดหมาย สายพันธุ์นี้เข้ามาสู่ประเทศไทย เริ่มเด่นชัดในเดือนธันวาคมและแน่นอนหลังปีใหม่นี้ ก็น่าจะเป็นสายพันธุ์ JN.1 สายพันธุ์ใหม่ขณะนี้ยังไม่มีชื่อเล่น
ผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์ JN.1 อาการไม่รุนแรง บางคนเพียงเป็นหวัด เจ็บคอเหมือนโรคทางเดินหายใจทั่วไป ติดต่อได้ง่าย เป็นแล้วก็สามารถเป็นอีก จึงทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังปีใหม่นี้ และคาดว่าผู้ป่วยจะเริ่มลดลงหลังเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ โดยจะลดลงอย่างมากในเดือนมีนาคม แล้วจะสงบลง จนไปถึงฤดูกาลใหม่ในเดือนมิถุนายนปีนี้
ขณะนี้ทางศูนย์ ได้ติดตามสายพันธุ์อยู่ตลอด เนื่องจากมีงบประมาณที่จำกัด จึงทำจำนวนได้ไม่มาก เพื่อเฝ้าระวังแนวโน้มสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ดังแสดงในรูป จะเห็นว่าสายพันธุ์เด่นในเดือนพฤศจิกายน เป็น HK3 แล้วเปลี่ยนเป็น JN.1 ในเดือนธันวาคม และในเดือนนี้สายพันธุ์ส่วนใหญ่จะเป็น JN.1 เพราะแพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น
ความรุนแรงของโรคไม่ได้เปลี่ยนแปลง สิ่งที่สำคัญที่ต้องศึกษาขณะนี้คือ ระบบภูมิต้านทานเดิมที่มีอยู่มีผลอย่างไร กับการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์ใหม่ โดยจะนำสายพันธุ์ใหม่ มาเพราะเชื้อขยายจำนวน แล้วทดสอบกับปฏิกิริยาภูมิต้านทาน ในคนไทย ที่ได้รับวัคซีนชนิดต่างๆ และการติดเชื้อที่ผ่านมา”
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : แพทย์จากโรงพยาบาลเด็กเผยวิธีดูแล เด็กติดโควิด เป็นกลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
โควิดสายพันธุ์ JN.1 คืออะไร
โควิดสายพันธุ์ JN.1 พบครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นลูกของสายพันธุ์ BA.2.86 ซึ่งทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดให้เป็นสายพันธุ์ที่น่าสนใจ (Variants of Interest) เนื่องจากมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว อีกทั้งโปรตีนหนามเปลี่ยนไปจากสายพันธุ์ BA.2.86 ทำให้สามารถหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้มากขึ้น จนผู้เชี่ยวชาญบางส่วนกังวล เกรงว่าจะยากต่อการรับมือ แต่วัคซีนยังคงช่วยป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้
อาการของผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์JN.1 เป็นอย่างไร ?
ผู้ที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ JN.1 โดยทั่วไปมักจะมีอาการไม่รุนแรง บางคนมีอาการคล้ายหวัด มีอาการเจ็บคอเหมือนโรคทางเดินหายใจทั่วไป หรือในบางคนอาจมีอาการไอมาก ไม่มีไข้ แต่มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ ติดต่อได้ง่าย ต่อให้เป็นแล้ว ก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
โควิดสายพันธุ์ JN.1 ป้องกันอย่างไร ?
สำหรับแนวทางในการป้องกันโควิดสายพันธุ์ JN.1 คือการใช้วิธีเดียวกันกับโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ คือ การกินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือด้วยสบู่และแอลกอฮอล์ ใส่หน้ากากป้องกันตอนออกจากบ้าน เมื่อกลับมาบ้านให้รีบอาบน้ำ สระผมทันที หากมีอาการผิดปกติให้ลองใช้ตรวจ ATK แต่การตรวจ ATK บางครั้งไม่พบผลบวก เพราะปริมาณเชื้อไวรัสไม่มาก ซึ่งหลายคนจะมีอาการชัดขึ้นในวันที่ 4 หรือ 5 ซึ่งไม่ควรประมาท ควรไปพบแพทย์ให้ตรวจอย่างละเอียด
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
โควิดในหญิงตั้งครรภ์ ลูกจะเสี่ยงด้านพัฒนาการและระบบประสาทกว่าปกติถึง 2 เท่า
สูตรเทพ! เมนูถนอมอาหาร ในช่วงโควิด 19 ทำง่าย เก็บไว้ได้นาน กักตัวไม่มีเบื่อ
เตรียมตัวพาลูกเดินทาง ขึ้นเครื่องบินอย่างไรให้ปลอดภัย หลังจากวิกฤติโควิด
ที่มา : Facebook : Yong Poovorawan
thaipbs.or.th, thairath.co.th, prachachat.net
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!