X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้าเข้าสู่ระบบ
  • TAP Awards
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

แม่แชร์เรื่องราวหลัง ลูกสาวฝากครรภ์กับคลินิก แต่ถูกปฏิเสธการผ่าคลอด

19 Jun, 2023
แม่แชร์เรื่องราวหลัง ลูกสาวฝากครรภ์กับคลินิก แต่ถูกปฏิเสธการผ่าคลอด

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง แชร์เรื่องราวหลัง ลูกสาวฝากครรภ์กับคลินิก แต่เมื่อลูกสาวเจ็บท้องหนัก กลับถูกปฏิเสธในการทำคลอด อ้างทารกยังไม่ถึงกำหนดคลอด

 

ผู้ใช้เฟซบุ๊กแชร์เรื่องราวของ ลูกสาวฝากครรภ์กับคลินิก แห่งหนึ่งในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยระบุข้อความเอาไว้ว่า น้องมีอาการเจ็บท้องจึงได้พาลูกสาวไปหาหมอที่คลินิก แล้วหมอที่คลินิกก็ได้ส่งตัวน้องไปที่ รพ.กาญจนดิษฐ์ เพื่อจ่ายยาระงับการคลอด เนื่องจากอายุครรภ์ของน้องคือ 8 เดือน ซึ่งให้ยามา 4 วันน้องก็ยังคงเจ็บท้องไม่หาย
ลูกสาวฝากครรภ์กับคลินิก

ในวันที่ 16 พฤษภาคม อาการของน้องยังไม่ดีขึ้น และช่วงเย็นของวันเดียวกัน คุณแม่ของน้องก็ได้โทรไปสอบถามคุณหมอที่คลินิกว่า ติดสาเหตุอะไรทำไมถึงไม่ผ่าคลอดให้ลูกสาว ผ่าไม่ได้หรือเพราะไม่ได้ใส่ซอง ด้านคุณหมอตอบกลับมาว่า อายุครรภ์ของน้องยังไม่ถึงกำหนดคลอด คุณหมอจึงจำเป็นให้ยาระงับการคลอดไปก่อน หากอาการของน้องยังไม่ดีขึ้นหมอก็คงไม่สามารถปล่อยน้องกลับบ้านได้ ต้องรักษาไปก่อนและให้ยาไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบกำหนดของการคลอด

จนกระทั่งวันที่ 19 พฤษภาคม ทางคุณหมอได้แจ้งกับคุณแม่ว่า คนไข้มีโอกาสที่จะรับยาระงับการคลอดไม่ไหวแล้ว ซึ่งหมายถึงน้องมีโอกาสผ่าคลอดได้ตลอดเวลา แต่อายุครรภ์ไม่ครบกำหนด ซึ่งอายุครรภ์ของน้องอยู่ที่ 35 สัปดาห์ น้ำหนักเด็กอยู่ที่ 2,400 กรัม ซึ่งการที่หมอจะผ่าคลอดให้ต้องมีความพร้อมทั้งหมอผ่าตัดและหมอเด็ก เนื่องจากอายุครรภ์ยังไม่ถึงกำหนด กลัวว่าเมื่อผ่าออกมาแล้วเด็กจะไม่ส่งเสียงร้องหรือไม่แข็งแรง และจะต้องส่งตัวเด็กไปยัง รพ.สุราษฎร์ เพื่ออบและใส่ท่อให้กับเด็ก
ลูกสาวฝากครรภ์กับคลินิก
ด้านคุณแม่ยังคาใจว่าจะไม่พร้อมผ่าตรงไหนในเมื่อคุณหมอผ่าคลอดก็ยืนอยู่ตรงหน้า หมอเด็กก็มี เพราะหมอเองก็เพิ่งเดินออกมาจากห้องผ่าคลอด คุณแม่และน้องจึงร้องขอให้คุณหมอช่วยผ่าคลอดให้แต่ก็โดนปฏิเสธ ซึ่งสาเหตุที่คุณแม่อยากให้ผ่าคลอดในวันนั้นเพราะเป็นวันศุกร์ หากตรงเสาร์อาทิตย์คุณหมอคงไม่ขึ้นเวรอยู่แล้ว และแล้วสิ่งที่คุณแม่กังวลมาตลอดก็เกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ช่วงประมาณตี 1 น้องได้โทรกลับมาที่บ้าน และได้แจ้งว่าทาง รพ. กาญจนดิษฐ์ จะส่งตัวไป รพ.สุราษฎร์ธานี คุณแม่กับน้องสาวจึงรีบเดินทางไปที่ รพ.กาญจนดิษฐ์ ทันที เมื่อไปถึงพยาบาลก็ได้เรียกให้คุณแม่ไปรอที่หน้าห้องคลอด ตอนนั้นอาการของลูกสาวเริ่มไม่สู้ดี และทางพยาบาลก็แจ้งกับคุณแม่ว่า กลัวมดลูกน้องแตก ซึ่งแปลว่ามีความเสี่ยงทั้งน้องและลูกน้อยในท้อง จึงได้ทำเรื่องส่งตัวไปที่ รพ.สุราษฎร์ธานี และได้ผ่าคลอดในเวลา 08.07 นาที
คุณหมอเข็นหลานออกมาพร้อมแจ้งคุณแม่ว่า ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ หมอไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กเอาไว้ได้ เพราะก่อนผ่าคลอดคุณหมอพยายามหาคลื่นหัวใจของเด็กแล้ว แต่ก็หาไม่เจอ และได้มีการทำเอกซเรย์ก่อนผ่าคลอดแล้ว แต่เด็กก็ไม่มีสัญญาณชีพจร นั่นหมายถึงเด็กได้เสียชีวิตตั้งแต่ตอนนำตัวส่งมาแล้ว เพราะมดลูกของน้องได้ลอกก่อนกำหนด และหมอได้ชั่งน้ำหนักของเด็กแล้วอยู่ที่ 2,550 กรัม
ต่อมาวันที่ 26 พฤษภาคม ผอ. รพ.กาญจนดิษฐ์ ได้ส่งทีมแพทย์มาเยี่ยมที่บ้าน เพราะทางแม่ของสามีน้องได้ร้องเรียนไปยัง รพ. จึงได้มาแสดงความเสียใจพร้อมพูดคุยเกี่ยวกับการเยียวยา ซึ่งทางคุณแม่เองก็ไม่ได้ติดใจจะเอาความกับทางโรงพยาบาลแต่อย่างใด แต่ติดกับคุณหมอที่คลินิกที่ไปฝากครรภ์มากกว่า เพราะเป็นคุณหมอจาก รพ.กาญจนดิษฐ์ ที่มาเปิดคลินิกของตัวเอง ทางทีมแพทย์ที่มาเยี่ยมจึงได้กลับไปแจ้งให้ ผอ. ทราบและทำการนัดใหม่ แต่ปรากฏว่าคุณหมอลาจนถึงวันที่ 2 มิถุนายน ทาง รพ. จึงทำการนัดให้คุณแม่ไปพูดคุยในวันที่ 6 มิถุนายน
โดยประเด็นหลักของเรื่องนี้อยู่ที่ “ทำไมคุณหมอไม่ผ่าคลอดให้ลูกสาว” ซึ่งคุณหมอได้กลับมาว่าเพราะน้องยังไม่ใช่คนไข้พิเศษ หมอยังไม่ได้ติดสติกเกอร์ที่สมุดฝากครรภ์ ในกรณีที่หมอจะรับคลอด คนไข้ต้องมีอายุครรภ์ตามกำหนดและไม่มีปัญหาใด ๆ เช่น ความดัน เบาหวาน ครรภ์เป็นพิษ เป็นต้น ซึ่งคุณแม่เองก็ยังคงติดใจ ในเมื่อทำคลอดไม่ได้ ทำไมถึงไม่แจ้งตั้งแต่ครั้งแรกตอนไปฝากครรภ์ เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เข้าใจว่าหากฝากครรภ์กับคลินิกก็ต้องเป็นคลินิกที่ทำคลอดให้ ทำไมไม่แจ้งให้ไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลตั้งแต่ครั้งแรกจะได้ไม่เสียเงินหลายต่อทำไม
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องเริ่มฝากครรภ์ได้เมื่อไหร่ ฝากท้องกี่เดือน จำเป็นต้องฝากครรภ์ไหม?

ฝากครรภ์กับคลินิก ต่างกับโรงพยาบาลอย่างไร ?

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์สิ่งสำคัญที่สุดที่ทุกคนควรปฏิบัติก็คือ การฝากครรภ์ ซึ่งหากเป็นไปได้แนะนำให้ฝากครรภ์กับโรงพยาบาลดีที่สุด เพราะมีอุปกรณ์เครื่องมือครบครัน ทั้งยังมีบุคลากรทางการแพทย์พร้อมทุกด้านมากกว่าคลินิก หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นจะได้ส่งตัวรักษาเฉพาะด้านในทันที

แต่ทางระยะทางไม่สะดวกในการเดินทางก็สามารถฝากครรภ์กับคลินิกใกล้บ้านได้ค่ะ แต่ต้องเลือกคลินิกที่มีเครื่องไม้เครื่องมือในการตรวจครรภ์ครบ เพื่อตรวจสุขภาพครรภ์และหาสิ่งผิดปกติหรือความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ ซึ่งในปัจจุบันมีคลินิกใหญ่ ๆ หลายที่เลยค่ะ แถมบางที่ยังมีบริการทำคลอดอีกด้วย ทั้งแบบคลอดตามธรรมชาติและผ่าคลอดตลอดเวลา 24 ชั่วโมงเลยค่ะ

 

ลูกสาวฝากครรภ์กับคลินิก

การฝากครรภ์กับคลินิก

สำหรับการฝากครรภ์กับทางคลินิก ส่วนใหญ่จะเรียกว่า การฝากครรภ์พิเศษ โดยบางคลินิกอาจมีค่าใช้จ่ายเท่า ๆ กับการฝากครรภ์ในโรงพยาบาลเลยค่ะ ข้อแตกต่างระหว่างการฝากครรภ์ที่คลินิกกับโรงพยาบาลคือช่วงเวลา ถ้าเป็นคลินิกก็สามารถมาหาคุณหมอได้ตลอดระยะเวลาทำการในเวลาที่เราสะดวก แต่หากเป็นโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกชนหรือรัฐบาล จะต้องพบในช่วงเวลาทำการ ซึ่งเราต้องมาหาคุณหมอตามเวลานัดเท่านั้นค่ะ หากมาเวลาอื่นอาจจะไม่ได้พบกับคุณหมอที่ฝากครรภ์เอาไว้

ข้อดีของการฝากครรภ์กับคลินิก หรือโรงพยาบาลเอกชน

เราสามารถเจาะจงคุณหมอที่ต้องการได้เลย เรียกว่า “การฝากครรภ์พิเศษ” ซึ่งหมายถึงทุก ๆ ครั้งที่เรามาตรวจสุขภาพครรภ์ก็จะได้เจอกับคุณหมอท่านเดิมนั่นเองค่ะ ทำให้การดูแลรักษาครรภ์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องโอนข้อมูลให้คุณหมอท่านอื่น ๆ แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากเดิมเล็กน้อย ดังนั้น คุณแม่จึงต้องพิจารณาความเหมาะสมให้ดีก่อนเลือกที่ฝากครรภ์ค่ะ

ปัจจุบันการฝากครรภ์กับคลินิกไม่ได้มีความแตกต่างจากโรงพยาบาลมากเท่าไร หากเลือกคลินิกที่ดีสามารถรองรับการฝากครรภ์และการทำคลอดได้ แต่ถ้าไม่ได้คลอดกับทางคลินิก คุณแม่อาจจะต้องไปคลอดที่โรงพยาบาล โดยสามารถบอกให้ทางคลินิกทำเอกสารใบส่งมอบตัวได้ค่ะ แต่อาจจะต้องบอกตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ฝากครรภ์ครั้งแรก คุณแม่เตรียมตัวอย่างไร ควรถามอะไรคุณหมอบ้าง ?
เลือกโรงพยาบาลก่อนฝากครรภ์ ต้องเลือกอย่างไร? ฝากครรภ์ที่ไหนดี?
คนท้องแต่ละไตรมาสต้องตรวจอะไรบ้าง ฝากครรภ์อย่างไร
ที่มา :
maerakluke.com
บทความจากพันธมิตร
สร้างความแข็งแกร่งของฮีโร่ตัวน้อย ด้วย LPR โพรไบโอติก ตัวดัง
สร้างความแข็งแกร่งของฮีโร่ตัวน้อย ด้วย LPR โพรไบโอติก ตัวดัง
วันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 กระทรวง อว. ชวนเจ้าตัวเล็ก ร่วมกิจกรรม Online “ถนนสายวิทยาศาสตร์” ลุ้นเปิด “กล่องสุ่มของเล่น” กระจายความสนุกพร้อมกันทั่วประเทศ
วันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 กระทรวง อว. ชวนเจ้าตัวเล็ก ร่วมกิจกรรม Online “ถนนสายวิทยาศาสตร์” ลุ้นเปิด “กล่องสุ่มของเล่น” กระจายความสนุกพร้อมกันทั่วประเทศ
ดีแทค ขอชวนน้อง ๆ มา #เปลี่ยนโลกช่วงปิดเทอม กับ dtac Young Safe Internet Leader Cyber Camp ซีซั่น 3
ดีแทค ขอชวนน้อง ๆ มา #เปลี่ยนโลกช่วงปิดเทอม กับ dtac Young Safe Internet Leader Cyber Camp ซีซั่น 3
ครั้งแรกในไทยฟิลิปส์ เปิดตัวโคมUVCยับยั้งเชื้อโรคแบบตั้งโต๊ะ รองรับตลาดการใช้งานในครัวเรือนและธุรกิจบริการ
ครั้งแรกในไทยฟิลิปส์ เปิดตัวโคมUVCยับยั้งเชื้อโรคแบบตั้งโต๊ะ รองรับตลาดการใช้งานในครัวเรือนและธุรกิจบริการ

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

supasini hangnak

  • หน้าแรก
  • /
  • ข่าว
  • /
  • แม่แชร์เรื่องราวหลัง ลูกสาวฝากครรภ์กับคลินิก แต่ถูกปฏิเสธการผ่าคลอด
แชร์ :
  • เด็กไทยวัย 1-6 ปีขาดสารอาหาร “ไมโครนิวเทรียนส์” ห่วงพัฒนาการไม่สมบูรณ์

    เด็กไทยวัย 1-6 ปีขาดสารอาหาร “ไมโครนิวเทรียนส์” ห่วงพัฒนาการไม่สมบูรณ์

  • Apple Store เปิดตัวโครงการ "Today at Apple นักเล่าเรื่องกรุงเทพ"

    Apple Store เปิดตัวโครงการ "Today at Apple นักเล่าเรื่องกรุงเทพ"

  • Apple แนะนำคอลเล็กชันแอป ช่วยวางแผนการเรียนสำหรับนักศึกษา

    Apple แนะนำคอลเล็กชันแอป ช่วยวางแผนการเรียนสำหรับนักศึกษา

  • เด็กไทยวัย 1-6 ปีขาดสารอาหาร “ไมโครนิวเทรียนส์” ห่วงพัฒนาการไม่สมบูรณ์

    เด็กไทยวัย 1-6 ปีขาดสารอาหาร “ไมโครนิวเทรียนส์” ห่วงพัฒนาการไม่สมบูรณ์

  • Apple Store เปิดตัวโครงการ "Today at Apple นักเล่าเรื่องกรุงเทพ"

    Apple Store เปิดตัวโครงการ "Today at Apple นักเล่าเรื่องกรุงเทพ"

  • Apple แนะนำคอลเล็กชันแอป ช่วยวางแผนการเรียนสำหรับนักศึกษา

    Apple แนะนำคอลเล็กชันแอป ช่วยวางแผนการเรียนสำหรับนักศึกษา

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2023. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว