เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีผู้ใช้บัญชี TikTok ชื่อ askrooaoomaimpatc โพสต์ภาพคลิปภาพขณะที่ตนไปเยี่ยมเด็กนักเรียนที่บ้าน พร้อมบรรยายเกี่ยวกับน้องเตย เด็ก 4 ขวบ เลี้ยงย่าตาบอดตามลำพัง และเป็นคนทำงานบ้านทุกอย่าง ซึ่งคลิปนั้น ภายในวันเดียวมีคนเข้าไปชมมากกว่า 10 ล้านวิว
เมื่อคลิปถูกแพร่กระจายออกได้ ทำให้ได้รับความสนใจอย่างมาก ซึ่งเด็กหญิงคนดังกล่าวคือ ด.ญ.สุธีมมนต์ หรือน้องเตย อายุ 4 ขวบ อาศัยอยู่กับ นางเสา อายุ 68 ปี ในสภาพบ้านเป็นบ้านยกสูง 2 ชั้น ด้านบนตีสังกะสีเป็นฝาบ้าน ส่วนชั้นล่างเอาไม้มาล้อม ทั้งสองคนอาศัยหลับนอนอยู่ชั้นล่าง นางเสาเล่าว่า ตนได้เลี้ยงน้องเตยมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เพราะพ่อไปทำงานต่างจังหวัดแต่ก็ไม่เคยส่งเงินมาให้ และเมื่อปี 2564 ตนได้ถูกมะพร้าวหล่นใส่ จึงทำให้ตาบอดทั้งสองข้าง ซึ่งตอนนั้นน้องเตยอายุได้เพียง 3 ขวบเท่านั้น และได้ดูแลย่ามาตลอดตั้งแต่ตอนนั้น
ในทุก ๆ วันหลานจะเป็นคนหุงข้าว และจัดการทุกอย่างภายในบ้านเอง โดยมีคุณย่าเป็นคนสอนด้วยวาจา จนกระทั่งหลานสามารถทำได้เองทั้งหมด โดยส่วนตัวรู้สึกสงสารหลานเพราะอายุยังน้อย จึงจำเป็นต้องเดินไปส่งหลานเข้าโรงเรียนทุกวัน โดยให้หลานเป็นคนถือไม้เท้าจูง ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 1 กม. ส่วนขากลับตนจะคลำทางกลับบ้านเอง บางครั้งมีคนพบเห็นเขาก็ช่วยพามาส่งบ้าน
น.ส.พัชรินทร์ เอสะตี คุณครูประจำชั้นของน้องเตย เล่าว่า เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้องเตยอาศัยอยู่กับย่าเพียงลำพัง เห็นน้องเดินจูงย่ามาโรงเรียน จึงได้ไปเยี่ยมบ้าน แล้วปรากฏว่าพบน้องเตยกำลังล้างจานอยู่ จากนั้นจึงได้ถ่ายคลิปเอามาลง TikTok และเพียงไม่นานมีคนบริจาคเงินช่วยเหลือประมาณ 20,000 บาท แต่คุณครูเองก็ยังเป็นห่วงเรื่องที่อยู่อาศัย เพราะเวลาฝนตกย่าและหลานก็ต้องทนเปียก เพราะบริเวณรอบบ้านไม่ได้มีผนังปิดไว้อย่างมิดชิด
ต่อมาเรื่องราวของน้องเตย เด็ก 4 ขวบ เลี้ยงย่าตาบอดตามลำพัง ถูกนำเสนอในข่าวต่าง ๆ ทำให้มีคนสนใจมากขึ้น และมีคนช่วยบริจาคเงินเข้าบัญชีธนาคารของคุณย่าประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งทางคุณย่าเองถึงกับฝากบอกผ่านทางเจ้าหน้าที่ว่า เงินที่ได้รับมามันมากพอแล้ว และย่าเองก็เกรงใจคนที่เข้าให้มา และล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ก็ได้เอ่ยปากกลางรายการข่าวว่า ขออนุญาตใช้สิทธิดูแลเรื่องการศึกษาของน้องเตย อยากส่งน้องเท่าที่น้องเรียนไหว จะเรียนจนถึงปริญญาเอกเลยก็ได้ เพราะอยากให้โอกาสทางการศึกษา
บทความที่เกี่ยวข้อง : ปู่ย่าตายาย เลี้ยงหลาน ดีอย่างไร? เด็ก ๆ ได้อะไรจากพวกเขาบ้าง?
สอนลูกวัย 4 ขวบ ยังไงให้ฉลาดด้านอารมณ์
1. การรู้จักควบคุมอารมณ์
เด็ก ๆ ในวัยนี้เริ่มมีพัฒนาการหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือเรื่องของอารมณ์ คุณแม่ควรสอนลูกวัย 4 ขวบ ให้ลูกรู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการกับอารมณ์ในเชิงลบได้ดี หรืออาการหงุดหงิดต่าง ๆ เมื่อไม่ได้ดั่งใจ โดยไม่เกิดภาวะซึมเศร้าตามมาค่ะ
2. ความอดทน
การสอนลูกวัย 4 ขวบ ให้ลูกรู้จักอดทน คือ การสอนให้พวกเขารู้จักคำว่ารอ โดยเฉพาะกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่งานยุ่ง และอยากใช้เวลากับลูก ๆ ให้สนุกมากกว่าให้ลูกโกรธ แต่ถ้าสอนเด็ก ๆ ให้รู้จักการรอคอยได้ ถือเป็นการช่วยพัฒนาความฉลาดด้านอารมณ์ไปในตัวเลยค่ะ
3. สร้างความเชื่อมั่นในตนเองให้ลูก
การสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกในวัยนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยพัฒนา EQ คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสอนให้ลูกกล้ายอมรับในความสามารถของตนเอง และภาคภูมิใจในตัวเองให้เยอะ ๆ แม้จะรู้ว่าตนมีข้อเสียอยู่บ้างก็ตาม
4. ความรับผิดชอบ
การรู้จักรับผิดชอบ จริง ๆ สามารถเริ่มปลูกฝังให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบได้ตั้งแต่เด็ก ๆ เลยนะคะ เพราะเด็กวัย 4 ขวบ เขาสื่อสารเข้าใจแล้วค่ะ โดยเริ่มจากเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวได้เลย เช่น ทำการบ้าน เก็บของเล่น เมื่อโตไปเขาจะได้เป็นคนมีระเบียบวินัยต่อตนเองค่ะ
5. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
ไม่ว่าลูกจะเก่งแค่ไหน แต่ถ้าไม่รู้จักสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นก็ทำให้เขาประสบความสำเร็จในอนาคตได้ยาก คุณพ่อคุณแม่สามารถปูพื้นฐานให้ลูกวัย 4 ขวบได้ด้วยการสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีจากเรื่องง่าย ๆ เช่น รู้จักแบ่งของเล่นให้เพื่อน เป็นต้น
สำหรับเด็กวัย 4 ขวบ ถือเป็นวัยที่เริ่มมีการพัฒนาที่ดีมาก ๆ ทั้งด้านความคิดและสติปัญญา รวมไปจนถึงการรู้จักจำแนกสิ่งของต่าง ๆ ดังนั้น เด็ก ๆ ในวัยนี้จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่แบบไหนในอนาคต ก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูจากคุณพ่อคุณแม่ด้วยค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ลาออกมาเลี้ยงลูกดีไหม หรือว่าให้ปู่ย่าตายายเลี้ยงให้ดี เลือกแบบไหนดีกว่ากัน
5 สิ่งที่ปู่ย่าตายายเลี้ยงหลาน ได้ดีกว่าพ่อแม่
น้อยใจแม่ ! เด็กชายวัย 11 ขวบ ปั่นจักรยานกว่า 130 กิโลเพื่อไปฟ้องยาย
ที่มา :
matichon.co.th
sanook.com
enfababy.com
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!