เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2566 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 นายสมาท นาเจริญ หมู่บ้านบางใหญ่ ตำบลบางนายสี อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ได้เข้าเยี่ยมและสอบถามข้อเท็จจริง หลังจากที่นายจีรวัฒน์ สุเด็น พ่อของเด็กหญิง 7 ขวบ ผู้เสียหายถูก ครูตบหน้านักเรียน จนได้บาดเจ็บ ที่ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา หลังจากพ่อได้โพสต์รูปลงโซเชียลว่าลูกสาววัย 7 ขวบ เรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอตะกั่วป่า ถูกครูสาวตบหน้า จนเป็นรอยนิ้วมือบนใบหน้าด้านซ้ายเป็นแผลแดงช้ำ โดยมีลักษณะเป็นรอยนิ้วมือ จนทางพ่อต้องพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า
ต่อมานายจีรวัฒน์ พ่อของเด็กหญิงได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.ตะกั่วป่า เพื่อให้ลงโทษกับครูคนดังกล่าวตามขั้นตอนกระบวนการตามกฎหมาย หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้ลูกสาวไม่กล้าไปโรงเรียนอีกเลย ทางด้านนายสมาท ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 เผยว่า ในวันพรุ่งนี้ 20 ก.พ. 2566 ทางคณะกรรมการโรงเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยเพื่อหาทางออก และให้ความเป็นธรรมกันทั้ง 2 ฝ่ายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายจีรวัฒน์ พ่อของเด็กหญิง กล่าวว่าจากการสอบถาม ลูกสาวบอกว่าลื่นล้ม แต่ตนเองไม่เชื่อและพยายามสอบถาม แต่ลูกยอมไม่บอก จนเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2566 เวลาประมาณ 20.00 น. ลูกสาวยอมบอกว่าถูกคุณครูคนหนึ่ง ที่สอนวิชาภาษาอังกฤษประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ตบไปบริเวณใบหน้าด้านซ้ายจำนวน 1 ครั้ง เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นได้ นายจีรวัฒน์ ได้พาบุตรสาวไปทำการตรวจร่างกาย โดยแพทย์ได้ตรวจสอบร่องรอยบาดแผลและทำการรักษาเบื้องต้นให้แล้ว ซึ่งต่อมาได้เดินทางมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ตะกั่วป่า เพื่อให้ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
บทความที่เกี่ยวข้อง : มันใช่หรอ! ครูตบหน้าเด็ก กลางโรงเรียนแม่ถึงกับทนไม่ได้
ครูตบหน้านักเรียน ผิดกฎหมายข้อไหนบ้าง?
การตบนักเรียนหรือตีเด็ก เข้าข่ายเป็นความผิดกฎหมาย แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 อันเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง อาจถูกลงโทษถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออก ส่วนในทางคดีอาญานั้น การเจตนาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนั้นต้องพิจารณาจากพฤติการณ์การทำร้ายร่างกาย
ผลของการกระทำที่เกิดขึ้นหรือความร้ายแรงของบาดแผล และอาการบาดเจ็บของผู้ถูกกระทำ ว่าได้รับอันตรายขั้นไหน ใช้เวลารักษาอาการนานเท่าไหร่ หรือมีเจตนาใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นแล้วเกิดเป็นบาดแผลขนาดไหน หากเกิดเพียง แผลถลอก รอยบวม ช้ำบวมแดง ขีดข่วน (ไม่มีเลือดออก) และแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาบาดแผลเพียงไม่กี่วันจึงหาย แนวคำพิพากษาฎีกาวางหลักบรรทัดฐานไว้ว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547
- มาตรา 85 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล โดยถือประโยชน์สูงสุดของผู้เรียน และไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ การปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล ประมาทเลินเล่อ หรือขาดการเอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
- มาตรา 96 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้ามหรือไม่ปฏิบัติตาม ข้อปฏิบัติทางวินัยตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ ผู้นั้นเป็นผู้กระทำผิดวินัย จักต้องได้รับโทษทางวินัย
วันแต่มีเหตุอันควรงดโทษตามที่บัญญัติไว้ในหมวด 3
โทษทางวินัยมี 5 สถาน คือ
1. ภาคทัณฑ์
2. ตัดเงินเดือน
3. ลดขั้นเงินเดือน
4. ปลดออก
5. ไล่ออก
ผู้ใดถูกลงโทษปลดออก ให้ผู้นั้นมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญเสมือนว่าเป็นผู้ลาออกจากราชการ
บทความที่เกี่ยวข้อง : เด็กชาย 11 ขวบ ถูกพ่อและแม่เลี้ยงทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่เตรียมดำเนินคดีต่อ !
ประมวลกฎหมายอาญา
- มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับ ไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- มาตรา 297 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำ รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปีอันตรายสาหัสนั้น คือ
1. ตาบอด หูหนวก ลิ้นขาด หรือเสียฆานประสาท
2. เสียอวัยวะสืบพันธุ์ หรือความสามารถสืบพันธุ์
3. เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้วหรืออวัยวะอื่นใด
4. หน้าเสียโฉมอย่างติดตัว
5. แท้งลูก
6. จิตพิการอย่างติดตัว
7. ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต
8. ทุพพลภาพ หรือป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวันหรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน
- มาตรา 391 ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ
ในปัจจุบันนี้ วิธีการลงโทษนักเรียนนั้น จะทำได้เพียงว่ากล่าวตักเตือน ตัดคะแนนความประพฤติ ทำทัณฑ์บน หรือ ทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงเท่านั้น ครูอาจารย์นั้นไม่สามารถใช้วิธีการลงโทษนักเรียน ด้วยวิธีการเฆี่ยนตี หรือตบตีได้อีกต่อไป หากจะอ้างคำว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี แต่การทำโทษด้วยวิธีรุนแรงเกินสมควร นอกจากจะสร้างความเจ็บช้ำทางร่างกาย ทั้งยังสร้างบาดแผลภายในจิตใจให้แก่เด็กอีกด้วย ครูอาจารย์ควรเลือกใช้วิธีการลงโทษให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับพฤติการณ์ของนักเรียน เพื่อที่เด็กจะได้เติบโตขึ้นมาโดยไม่ต้องมีบาดแผลในใจติดมาด้วยค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เวลส์ออกกฎหมาย ห้ามผู้ปกครองลงโทษลูกด้วยการทำร้ายร่างกาย
พี่เลี้ยงทำร้ายร่างกาย เด็ก 1 ขวบ จับหัวกระแทกพื้นปูนจนสมองบวม
ครูสั่งนักเรียนถอดรองเท้ายืนตากแดด จนเท้าพอง ! เหตุไม่เชื่อนักเรียนเจ็บเล็บขบ
ที่มา :
https://thethaiger.com
https://www.krisdika.go.th
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!