เด็กชายชาวอังกฤษวัย 4 ขวบคนนี้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก น้อง Teddy Hobbs เด็กอัจฉริยะ 4 ขวบ ผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูง และได้กลายเป็นสมาชิก Mensa ที่อายุน้อยที่สุดในสหราชอาณาจักร หลังจากที่เขาสอนตัวเองให้อ่านตั้งแต่ยังอายุ 2 ขวบ และสามารถนับเลข 1-100 ได้ถึง 7 ภาษา !
ในช่วงที่มีการปิดเมืองจากโควิด-19 เป็นโอกาสให้ใครหลายคนได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ทำสำเร็จ หนึ่งในนั้นก็คือ Teddy Hobbs เด็กชายวัย 4 ขวบ ที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งในประเทศอังกฤษ และอาจเป็นเด็กน้อยที่ฉลาดที่สุดในอังกฤษอีกด้วย
(คลิกเพื่อดูโพสต์ต้นฉบับ)
เท็ดดี้อายุเพียง 4 ขวบ แต่สามารถนับเลข 1 ได้ถึง 100 ก่อนอายุ 2 ขวบ ตอนนี้เขาสามารถนับได้ถึง 7 ภาษา คุณเบธ แม่ของเท็ดดี้กล่าว ว่า “ฉันสันนิษฐานว่า เด็กทุกคนมีนิสัยใจคอของตัวเอง และเด็กแต่ละคนมีพัฒนาการในแต่ละเรื่องต่างกัน และเราแค่คิดว่านี่คือสิ่งที่ลูกของฉันทำได้” แต่ลูกที่ฉลาดของเธอก็เป็นตัวของตัวเองจริง ๆ ด้วยความรักในการเรียนรู้ของเขาในช่วงที่อังกฤษปิดประเทศ เท็ดดี้แค่ต้องการดูคลิปเกี่ยวกับการเรียนเท่านั้นเอง และเขาก็ฝึกมันจากในคลิปวิดีโอต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
แม่ของน้องเล่าว่า เท็ดดี้เรียนรู้ที่จะอ่านหนังสือด้วยตัวเองตอนอายุ 2 ขวบ จากการดูในทีวีและออกเสียงตาม และเมื่อส่งไปอยู่เนอสเซอรี่ ครูที่นั่นก็บอกว่าเขาอ่านหนังสือเองได้แล้ว และกำลังฝึกนับเลขภาษาจีนกลาง จนปัจจุบันน้องเท็ดดี้สามารถนับเลข 1-100 ได้ทั้งหมด 7 ภาษา
บทความที่เกี่ยวข้อง : 4 เด็กไทยผงาด คว้าแชมป์ภาพวาดนกฮูก จากเวทีนานาชาติ 2022
เมื่อแม่เห็นแววความฉลาด จึงพาไปทดสอบที่ Mensa ซึ่งเป็น “สังคมของคนที่ไอคิวสูง ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก” สถาบันที่รวมคนที่มี IQ สูงที่สุด 2% ของโลก ผลการทดสอบ IQ น้องเท็ดดี้ได้คะแนน 139 คะแนน การจดจำตัวอักษรและคำศัพท์เทียบเท่ากับเด็กวัย 9 ขวบ และกลายเป็นสมาชิก Mensa คนใหม่ที่มีอายุน้อยที่สุด! ตอนนี้เท็ดดี้กลายเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในอังกฤษของ Mensa ซึ่งองค์กรนี้จะยอมรับเฉพาะผู้ที่ทำคะแนนในการทดสอบเชาวน์ปัญญาในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 98 ขึ้นไปเท่านั้น
แม้จะเป็นเด็กชายอัจฉริยะ แต่แม่ของเขาก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขายังเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง “เขาเป็นเด็กชายวัย 4 ขวบธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน เพราะน้องบอกว่าอึอึ๊ช่างเป็นเรื่องตลกจริง ๆ ” และครอบครัวของเท็ดดี้ก็กำลังสงสัยว่า น้องสาวของเท็ดดี้จะเดินตามรอยของเท็ดดี้ด้วยหรือไม่ ต้องมาลุ้นกันค่ะ
อยากให้ลูกเก่งและฉลาด พ่อแม่ช่วยได้ ด้วยการเสริมทักษะ EF
EF หรือ Exclusive Function หมายถึง ทักษะขั้นสูงของสมอง เป็นกระบวนการทางความคิด (Mental process) ของสมองส่วนหน้า ซึ่งทักษะดังกล่าว คือทักษะการวางแผนชีวิต รู้จักคิด การจดจำ วางแผนแก้ไขปัญหา รู้จักควบคุมตัวอารมณ์ตัวเอง การจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตลูกประสบความสำเร็จได้นั่นเองค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 16 วิธีพัฒนา EF (อีเอฟ) ช่วยให้ลูกเก่ง ฉลาดเสริมสร้างทักษะการคิด
วิธีพัฒนาทักษะ EF
- สอนให้ลูกรู้สึกผูกพัน และไว้วางใจในตัวคุณพ่อคุณแม่ ครูผู้สอน หรือคนในครอบครัว
- ให้ลูกกินอาหารอย่างเหมาะสม และนอนหลับอย่างเพียงพอ
- เล่านิทานให้ลูกฟังให้เป็นนิสัย เลือกเล่านิทานที่ใกล้ตัวเด็ก และควรเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่ใช่นิทานที่แยกเป็นตอนสั้น ๆ
- สร้างสภาพแวดล้อมให้สงบ สะอาด และปลอดภัย
- หาหนังสือ หรือของเล่น เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลูกได้มีการเรียนรู้
- ฝึกให้ลูกรู้จักการอดทน รอคอย
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ส่งเสริมให้ลูกทำงานจนเสร็จ ไม่ทิ้งงานหรือหน้าที่ของตัวเอง
- ฝึกให้ลูกได้ทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ และเหมาะสมกับวัย
- สอนให้ลูกรู้จักคิดก่อนตอบ คิดก่อนทำ
- สอนให้ลูกรู้จักควบคุม และจัดการอารมณ์ตัวเอง
- สอนให้ลูกรู้จักพึ่งพาตัวเองตามวัย
- สอนให้ลูกรู้จักจัดการกับความเครียด
- พาลูกออกไปเรียนรู้นอกสถานที่ เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนจากเดิม ก็จะกระตุ้นให้ลูกคิดด้วยสมองส่วนหน้ามากยิ่งขึ้น
- เลือกของเล่นหรือเกมที่ต้องใช้สมาธิและความจำ เช่น ตัวต่อเลโก้ บล็อกไม้ ครอสเวิร์ด เล่นสแครบเบิ้ล หรือหมากฮอส เป็นต้น
- สนับสนุนกิจกรรมเสริมทักษะต่าง ๆ และหลากหลาย เช่น ดนตรี กีฬา งานศิลปะ เป็นต้น
เมื่อได้อ่านข่าวหนูน้อยอัจฉริยะแล้ว พ่อแม่คงอยากให้ลูกเก่งบ้าง แต่อย่าลืมหาความเก่ง ความถนัดของลูกตามความชอบของเด็ก ๆ ด้วยนะคะ ให้ลูกได้ลองทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง แล้วให้เขาได้เลือกทำในสิ่งที่ชอบ ก็จะสามารถต่อยอดไปได้ไกล และดีต่ออนาคตของเด็ก ๆ อีกด้วยนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เด็กม.3 คว้า เหรียญทอง วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ
เด็กอัจฉริยะวัย 4 ขวบ ไอคิวสูง ต่ำกว่าไอน์สไตน์เพียงนิดเดียว !
อัจฉริยะ เด็ก 9 ขวบคว้าใบปริญญาตรี วิศวะไฟฟ้า !
ที่มา : cbsnews, facebookmatthewmanning
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!