ต้องบอกก่อนเลยว่าเรื่องการตั้งครรภ์ เป็นเรื่องที่ทั้งน่าตกใจและอันตรายไปในเวลาเดียวกัน เพราะอาจมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ หากเกิดการระวังไม่เพียงพอ ดังเช่นเคสนี้ที่เกิดขึ้นกับ สาว 17 ตั้งครรภ์ 6เดือน ที่ล่าสุดเจ้าตัวทำลูกหลุด จากการเข้าห้องน้ำทำธุระ
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา เวลา 12.00 น. โดยประมาณ ศูนย์กู้ชีพปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งว่า มีหญิงสาวคลอดลูกภายในห้องพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ซอยวัดไตรสามัคคี ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสาน หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกุศล รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นห้องพักรายเดือน ภายในห้องดังกล่าว พบหญิงเยาวชน อายุ 17 ปี อยู่ในสภาพอิดโรย จากการเสียเลือดมาก นั่งอยู่บนเตียงนอน โดยบนเตียงนอนมีสมุดฝากครรภ์วางอยู่ บริเวณพื้นห้องพบคราบเลือด หยดเป็นทางจากบริเวณห้องน้ำถึงเตียง
ส่วนในห้องน้ำบริเวณชักโครก พบศพทารก อายุประมาณ 6 เดือน เสียชีวิตอยู่ เจ้าหน้าที่กู้ชีพจึงประสานผู้เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ก่อนปฐมพยาบาล น.ส.เอ (ชื่อสมมติ) นำส่งโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการตกเลือด
จากการสอบถาม สาว 17 ตั้งครรภ์ 6เดือน เล่าว่า ตนพักอยู่ในห้องคนเดียว โดยที่ก่อนหน้านี้ตนได้ปวดท้องอยู่ประมาณ 2 – 3 วัน แต่ไม่ได้ปวดหนัก ไม่ได้เอะใจว่าเป็นอาการผิดปกติ เพราะนึกว่าเป็นอาการเจ็บท้องเพราะลูกดิ้น เพราะก่อนหน้านี้ก็มีปวดท้องและเจ็บท้องบ้าง เวลาที่ลูกดิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก
จนเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันนี้ (13 ธ.ค. 65) ตนปวดท้องหนัก เหมือนปวดอุจจาระ ก็เลยรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็เกิดเหตุขึ้นอย่างที่เห็น เด็กหลุดออกมาด้วย ตนร้องไห้เสียใจอยู่นานก่อนที่จะสลบไป เพราะอ่อนเพลียจากการเสียเลือด ก่อนที่จะฟื้นสติมาแล้วโทรขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ พร้อมเก็บหลักฐาน และ ถ่ายรูปภายในจุดเกิดเหตุ พร้อมประสานทางผู้ปกครอง มาสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วน น.ส.เอ วัย 17 ปี ต้องรอให้รักษาตัวเสร็จ และออกจากโรงพยาบาล จะเชิญตัวมาสอบปากคำ ต่อหน้านักสหวิชาชีพ ส่วนร่างทารกทางเจ้าหน้าที่มอบให้มูลนิธินำส่งสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อชันสูตรหาสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง : ท้อง 6 เดือน ลูกเสียชีวิต แม่โพสต์อุทาหรณ์ ต้องเชื่อสัญชาตญาณความเป็นแม่
เช็กอาการปวดท้องขณะตั้งครรภ์
หากคุณแม่กำลังตั้งครรภ์ นอกจากจะรู้สึกว่า มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จนตัวเองเปลี่ยนไปเป็นคุณแม่ท้องโตแล้ว ยังมีอาการต่าง ๆ ที่ทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายตัวอีก ซึ่งคุณแม่หลายท่านอาจจะคิดว่าอาการปวดโน่นนี่ เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ทว่า อาการปวดในบางอย่าง อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่บอกถึงภาวะเสี่ยง และโรคแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์ได้ โดยเฉพาะอาการปวดท้องผิดปกติ
สังเกตอาการปวดท้องขณะตั้งครรภ์
1. ปวดท้อง แน่นท้อง จุกเสียดกลางอก
เป็นอาการของกรดไหลย้อน หรือกระเพาะอาหารอักเสบ มีสาเหตุเกิดจากการมีกรดในกระเพาะอาหารมาก อาหารไม่ย่อย ทำให้มีอาการแน่นท้อง หรือมีกรดไหลย้อนกลับไปที่หลอดอาหาร โดยมีอาการร่วมต่าง ๆ เช่น แสบร้อนกลางอก ลิ้นปี่ ลำคอ มีอาการคลื่นไส้ เรอ แน่นหน้าอก ที่มักเกิดขึ้นหลังจากทานอาหาร หรือในช่วงเวลากลางคืน
สาเหตุของอาการจุกเสียดแน่นท้อง เกิดได้ทั้งจากการกินอาหารมากเกินไป อาหารรสจัด รสเปรี้ยว รสเผ็ด กินผลไม้ที่มีกรด กินอาหารไขมันสูงทำให้ย่อยยาก สาเหตุจากฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ที่เปลี่ยนแปลง ทำให้กล้ามเนื้อที่อยู่ระหว่างหลอดอาหาร และกระเพาะอาหารเกิดการคลายตัว รวมถึงลูกในท้องที่ใหญ่ขึ้น ไปดันท้องคุณแม่ทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้น
2. ปวดท้อง เจ็บท้องเตือน
อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ตั้งครรภ์ไตรมาสที่สอง แต่จะพบได้มากกว่าในช่วงก่อนคลอด ประมาณ 1 เดือน อาการปวดท้อง เจ็บท้องเตือน คุณแม่จะรู้สึกว่าท้องแข็ง ท้องตึง มีอาการปวดทั่วบริเวณท้องน้อยนาน ๆ ครั้ง ไม่สม่ำเสมอ ปวดสักพักก็หายไป ไม่มีอาการปวดรุนแรง
สาเหตุของอาการเจ็บท้องเตือน เนื่องจากในช่วงใกล้คลอด มดลูกของคุณแม่จะขยายตัวเต็มที่ และเคลื่อนตัวลงต่ำ จึงรู้สึกได้ว่ามดลูกแข็งตัว จนรู้สึกว่าท้องแข็งบ่อยครั้งขึ้น รวมถึงมดลูกของคุณแม่อาจจะเริ่มมีการหดเกร็งและบีบตัว เพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่าใกล้จะถึงเวลาคลอดแล้ว นอกจากนี้อาการบีบตัว หดเกร็งของกล้ามเนื้อหน้าท้อง ยังสัมพันธ์กับการทำงานหรือการใช้ชีวิตของคุณแม่
3. ปวดท้องน้อย เจ็บแปลบ มีไข้ ปวดข้างใดข้างหนึ่ง อาเจียน มีเลือดออก
-
ปวดในช่วงตั้งครรภ์ 5 เดือนแรก
หากคุณแม่กำลังตั้งครรภ์ในไตรมาสแรก มีอาการปวดเกร็งช่องท้องและมีเลือดออกทางช่องคลอด ให้ระวังสัญญาณของการแท้ง ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เมื่อมีอาการปวดท้องน้อย โดยปวดด้านใดด้านหนึ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ปวดตลอด และมีอาการไข้ร่วมด้วย ให้รีบพบแพทย์ เพราะอาจจะเป็นได้ทั้งการมีก้อนซีสต์ที่รังไข่แล้วเกิดอาการของไส้ติ่งอักเสบ รวมทั้งการปวดท้องเนื่องจาก การตั้งครรภ์นอกมดลูก
-
ปวดในช่วงตั้งครรภ์ 6-8 เดือน
อาการปวดท้องที่คุณแม่ตั้งครรภ์ ควรสังเกตในช่วงสัปดาห์ที่ 21-36 สัปดาห์ คือ อาการปวดท้องหรือเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด โดยมีอาการปวดท้องที่บริเวณหัวหน่าวหรืออุ้งเชิงกราน แต่หากคุณแม่มดลูกต่ำก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะน้ำคร่ำแตกได้ง่าย เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง และคลอดก่อนกำหนดได้เช่นกัน
รวมถึงคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ถึงต้นไตรมาสที่ 3 อยู่ แต่มีเลือดสีแดงสดไหล จากทางช่องคลอด และอาจมีอาการปวดท้องน้อย ปวดท้องเจ็บแปลบ ท้องแข็ง หรือมีเลือดแต่ไม่มีอาการปวดก็ตาม ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจมีภาวะรกเกาะต่ำซึ่งเป็นอันตรายได้
4. ปวดท้อง ท้องแข็งตึง
อาการปวดท้องในที่นี้ คือ การปวดบริเวณท้องน้อย มดลูก หรือหัวหน่าว ส่วนท้องแข็งตึงนั้น คือ การที่มดลูกบีบรัดตัวแข็งเป็นก้อนกลม ซึ่งหากทิ้งไว้นานจะทำให้ปากมดลูกเปิด เกิดการคลอดก่อนกำหนดได้ โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย คือ การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ ดังนั้นคุณแม่จึงไม่ควรกลั้นปัสสาวะ นอกจากนี้อาการปวดท้องหรือท้องแข็งตึง ยังเกิดจากการร่วมเพศอย่างรุนแรง ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เป็นผลทำให้มดลูกหดรัด และอาจแท้ง หรือคลอดก่อนกำหนดได้
อย่างไรก็ดีในคุณแม่ตั้งครรภ์ปกติ อาจมีอาการท้องแข็งตึงได้บ้าง เช่น เวลาพลิกตัว หรือลูกดิ้น แต่หากรู้สึกว่าท้องแข็งบ่อยกว่าปกติ ควรนอนพักผ่อนให้มาก ๆ และถ้าหากนอนพักแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น มีอาการท้องแข็งตึงทุกครึ่งชั่วโมงติด ๆ กัน เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง ควรให้รีบไปพบแพทย์ทันที โดยไม่ต้องรอให้เกิดอาการขึ้นพร้อม ๆ กัน เพราะจะเป็นสาเหตุให้ทารกคลอดก่อนกำหนดได้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ท้อง 6 เดือนน้ำหนักควรขึ้นกี่กิโล ต้องขึ้นเท่าไหร่ในแต่ละสัปดาห์ ถึงจะดี
อาการคนท้อง ตั้งครรภ์ 6 เดือน เป็นอย่างไร 100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 20
ข้อห้ามคนท้อง6เดือน เกินครึ่งทางแล้ว ต้องระวังอะไรบ้าง
ที่มา : one31.net, babygiftretail.com
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!