แม่ไม่ยอม ! ลูกสาววัย 19 ปีเสียชีวิตพร้อมลูกในท้อง แม่คาดหมอวินิจฉัยโรคผิด !

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

คุณแม่ใจสลายเมื่อ ลูกสาววัย 19 ปีเสียชีวิตพร้อมลูกในท้อง หลังจากลูกสาวมีอาการเจ็บท้อง มีมูกใสไหลบริเวณช่องคลอด และมีไข้อ่อน ๆ ร่วมด้วย จึงไปหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง หลังจากรักษาได้ไม่นาน ลูกในท้องก็เสียชีวิตลง จากนั้นลูกสาวก็เสียชีวิต แม่คาดว่าเป็นเพราะคุณหมอวินิจฉัยโรคผิด ทางคุณแม่ของผู้เสียชีวิต และสามีผู้เสียชีวิต จึงเดินทางไปกระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องขอความเป็นธรรม

 

 

แม่ร้องทุกข์หลังลูกสาวเสียชีวิตพร้อมลูกในท้อง แม่เชื่อหมอวินิจฉัยโรคผิด !

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา เพจ กันจอมพลัง ช่วยสู้ พาคุณแม่สายม่าน แม่ของผู้เสียชีวิต และสามีผู้เสียชีวิต เดินทางไปกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความเป็นธรรม กับว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หลังจากลูกสาววัย 19 ปี ที่กำลังตั้งท้อง 8 เดือน แต่ต้องมาเสียชีวิต เพราะแม่เชื่อว่าหมอวินิจฉัยโรคผิด

 

(คลิกดูโพสต์ต้นฉบับ)

 

ทางด้าน ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว ต้องให้คุณแม่เข้าแจ้งความ กับพนักงานสอบสวนในท้องที่ก่อน และจะนำศพของลูกสาวและหลานไปผ่าพิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานทางนิติวิทยาศาสตร์ให้รับศพไปเก็บไว้ก่อนเพื่อที่จะรอเอกสาร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ จะประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขให้ลงไปตรวจสอบคลินิกดังกล่าว ว่าวินิจฉัยผิดพลาดหรือไม่ ส่วนขั้นตอนต่อไปก็จะคุ้มครองสิทธิการเยียวยาให้ผู้เสียหายต่อไป

 

นางสายม่าน ชาวจังหวัดสระแก้ว แม่ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ลูกสาวชื่อน้องบีม (นามสมมติ) วัย 19 ปี ท้อง 8 เดือน ได้ไปฝากครรภ์ไว้ที่คลินิกแห่งหนึ่งในอำเภออรัญฯ โดยมีกำหนดคลอดลูกวันที่ 12 เดือนธันวาคม 2565 ที่จะถึงนี้ แต่ในวันที่ 4 เดือน พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ลูกสาวมีอาการเจ็บท้อง มีมูกใสไหล บริเวณช่องคลอด มีไข้อ่อน ๆ ร่วมด้วย และพอคลำดูที่อวัยวะเพศพบมีก้อนแข็ง ๆ แต่ไม่เจ็บ จึงพาไปที่คลินิกที่ฝากครรภ์ และแจ้งให้คุณหมอทราบถึงอาการดังกล่าว หลังจากนั้น หมอก็เรียกเข้าไปฟังการตรวจอัลตราซาวนด์ พบว่าหลานในท้องดิ้นปกติ เด็กเริ่มกลับหัว โดยเด็กในครรภ์มีน้ำหนักประมาณ 1.9 กิโลกรัม โดยทางคุณหมอแจ้งว่า ยังไม่สามารถคลอดได้ตอนนี้ เพราะยังไม่ครบกำหนดคลอด หลังจากนั้นหมอได้นำลูกสาวขึ้นไปบนขาหยั่ง และหมอสันนิษฐานว่า ก้อนที่แข็งอาจจะเป็นฝี และมีหนอง ต้องกรีดระบายหนองออก

บทความที่เกี่ยวข้อง : มูกปนเลือด ระหว่างตั้งครรภ์อันตรายไหม? เกิดจากอะไร?

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หลังจากนั้น หมอเรียกเข้าไปดูลูกสาว และแจ้งว่าไม่พบมีหนอง จึงให้ลูกสาวลงจากขาหยั่ง เพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำ ช่วงที่ลูกสาวลุกลงเดิน มีเลือดไหลออกมาเป็นลิ่ม ๆ และก้อน ไหลไม่หยุด ไหลตลอดเวลา แต่หมอกลับไม่สนใจมาดูหรือทำอะไรให้ จนลูกสาวเกิดภาวะช็อกจะเป็นลม ผู้ช่วยหมอในคลินิกมาแจ้งคุณแม่ว่า หมอให้ส่งตัวไปโรงพยาบาลอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งหมอเจ้าของไข้ก็ทำงานในโรงพยาบาลนี้ด้วย

 

พอไปถึงโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่พาลูกสาวเข้าห้องฉุกเฉิน เวลาประมาณ 20.00 น. หมอเจ้าของไข้ ก็ตามมาที่โรงพยาบาลและแจ้งคุณแม่ ต้องนำลูกสาวเข้าห้องผ่าตัดด่วน ประมาณชั่วโมงหมอออกมาแจ้งว่าลูกสาวเสียเลือดมาก โดยเสียเลือดไปประมาณ 800 ซีซี และไม่สามารถเย็บแผลได้เนื่องจากเลือดไหลไม่หยุด หมอจึงได้ทำการแพ็กห้ามเลือดไว้ และหมอแจ้งว่าได้ตัดชิ้นเนื้อลูกสาวไปตรวจ ต่อมาหมอให้ลูกสาวแอดมิทนอนโรงพยาบาล

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

คุณแม่เล่าอีกว่า เฝ้าดูแลและถามอาการลูกสาวตลอดเวลา ซึ่งตอนนั้นหลานในท้องดิ้นปกติ และต่อมาวันที่ 5 พ.ย. 2565 เวลาประมาณตี 5 พยาบาลเข้ามาอัลตราซาวนด์ ดูเด็กในท้อง และพยาบาลพูดกระซิบกันเบา ๆ ว่า ไม่ได้ยินหัวใจเด็กเต้นแล้ว แล้วก็เห็นเจ้าหน้าที่เข็นลูกสาวไปอีกห้องถัดไป ประมาณ 6 โมงเช้า ของอีกวัน หมอเจ้าของไข้ เรียกคุณแม่ไปพบแล้วบอกว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว ซึ่งคุณแม่ถามหาสาเหตุ ได้คำตอบสั้น ๆ ว่าติดเชื้อ ไม่มีคำว่าขอโทษหรือแสดงความเสียใจใด ๆ จากปากหมอสักคำ

 

หลังจากนั้น หมอแจ้งว่ารอให้แผลแม่เด็กหายเจ็บก่อน ถึงจะผ่าเด็กออกได้ เรารอจนถึงวันที่ 6-7 พ.ย. 2565 และถามอาการลูกสาวตลอด แต่ก็มีอาการปวดท้องมากและสภาพจิตใจย่ำแย่ ตลอด 2 วันคุณหมอไม่เคยมาดูแลอาการเลย ปล่อยให้ลูกสาวนอนเจ็บอยู่อย่างนั้น พยาบาลจ่ายให้แค่ยาแก้ปวด พอถามพยาบาลว่าเมื่อไหร่จะผ่าเด็กออกได้ พยาบาลก็บอกว่าให้รอหมอ ด้วยความเจ็บปวด จนลูกสาวพูดมาคำนึงว่าอยากตายตามลูกในท้อง

 

หลังจากนั้น คุณแม่ยังเล่าอีกว่า เธอทนไม่ไหวจึงเข้าไปร้องเรียนกับ ผ.อ. โรงพยาบาล เพื่อขอเปลี่ยนหมอคนใหม่รักษาลูกสาว หลังจากนั้นหมอก็มาตรวจดู อาการ และแจ้งว่าอาการลูกสาวหนักมาก ติดเชื้อรุนแรง ร่างกายย่ำแย่ ต้องส่งโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีเครื่องมือที่ทันสมัย

 

ต่อมา วันที่ 8 พ.ย. 2565 หมอโรงพยาบาลอรัญฯ ก็ทำเรื่องส่งตัวลูกสาวไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต หลังจากนั้นหมอได้ผ่าตัดนำเด็กออก และพบว่าลูกสาวมีอาการ เกล็ดเลือดต่ำ ติดเชื้อในกระแสเลือดขั้นรุนแรง ไตวาย เลือดไหลออกทางปอดเรื่อย ๆ และมีภาวะแทรกซ้อนหลายอย่าง และอุจจาระไม่ออก ท้องอืด และคืนวันที่ 10 พ.ย.จึงนำลูกสาวเข้าห้องผ่าตัดด่วน หมอได้เจาะไขสันหลังตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ พบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และได้ลุกลามไปทั่วร่างกาย มีการติดเชื้อในกระแสเลือดตัวใหม่และเป็นเชื้อราเพิ่มรุนแรง อาการลูกสาวแย่มาก หมอบอกแม่ให้ทำใจเผื่อไว้ด้วย ต่อมาวันที่ 18 พ.ย.หมอได้เริ่มให้ยานอนหลับลูกสาวมาตลอด ตามแนวทางการรักษา

บทความที่เกี่ยวข้อง : มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คืออะไร มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีวิธีรักษาหรือไม่

 

และในวันที่ 2 ธ.ค. 2565 พยาบาลโทรมาแจ้งว่า ลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ศพหลานที่ผ่าออกฝากไว้ที่โรงพยาบาลไม่มีกำหนดรับ ส่วนใบแจ้งตายของหลาน ได้โทรไปขอทางโรงพยาบาลอรัญฯ เขาบอกให้ขอที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต ซึ่งทั้งสองโรงพยาบาลโยนกันไปมา และได้ผลสรุปว่าไม่มีใบรับรองการเสียชีวิต

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

คุณแม่กล่าวทิ้งท้ายว่า จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีการติดต่อมาจากโรงพยาบาลแต่อย่างใด นอกจากนี้ขอใบผลการตัดชิ้นเนื้อจากทางโรงพยาบาลอรัญฯก็ได้รับคำตอบ จากพยาบาลว่า แม่อ่านผลตรวจออกเหรอ ซึ่งตอนนี้แม่มีแค่ใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เท่านั้น ทางคุณแม่บอกว่าอยากให้คุณหมอโรงพยาบาลอรัญฯ ออกมารับผิดชอบในทุก ๆ เรื่องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในความประมาท เลินเล่อ วินิจฉัยผิดพลาด จึงเกิดปัญหา และเกิดการสูญเสียเกิดขึ้นนี้ค่ะ

 

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

อาการคนท้องไตรมาส 3 ความเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด และสัญญาณใกล้คลอด

ปวดท้องคลอด อาการเป็นอย่างไร สัญญาณแบบไหนแสดงว่าใกล้คลอด?

ภาวะตายคลอด (Stillbirth) เกิดขึ้นเพราะอะไร? สาเหตุของภาวะตายคลอด

ที่มา : facebook, ch3plus

บทความโดย

Patteenan