theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
  • COVID-19
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • Project Sidekicks
    • การตั้งครรภ์
    • การคลอดบุตร
    • หลังคลอดบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • การสูญเสียทารก
  • ช่วงวัยของเด็ก
    • ทารก
    • วัยเตาะแตะ
    • เด็กเล็ก
    • เด็กวัยเรียน
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • สุขภาพ
    • อาการป่วย
    • วัคซีน
    • โภชนาการสำหรับครอบครัว
  • ชีวิตครอบครัว
    • ประกันชีวิต
    • โรงเรียนพ่อแม่
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • ความปลอดภัย
    • มุมคุณพ่อ
  • การศึกษา
    • ข่าวการศึกษา
    • คลีนิกพัฒนาการ
    • เตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน
    • โรงเรียนอนุบาล
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์​
    • ข่าว
    • งานบ้าน
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • ดวงและราศี
    • ดารา-แฟชั่น
    • กิจกรรมของครอบครัว
    • ฟิตเนส
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • TAP IDOL

Top 10 การเจ็บป่วยฉุกเฉินในเด็กที่พ่อแม่ต้องระวัง

บทความ 5 นาที
•••
Top 10 การเจ็บป่วยฉุกเฉินในเด็กที่พ่อแม่ต้องระวังTop 10 การเจ็บป่วยฉุกเฉินในเด็กที่พ่อแม่ต้องระวัง

Top 10 การเจ็บป่วยฉุกเฉินในเด็ก เปิดสถิติ 10 อันดับอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินในเด็กโดยสพฉ. ให้พ่อแม่ระมัดระวังมากขึ้น พร้อมวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น

Top 10 การเจ็บป่วยฉุกเฉินในเด็ก ที่พ่อแม่ต้องระวัง

ทุกๆ ปี มีเด็กที่เจ็บป่วยและเกิดอุบัติเหตุมากมาย ทั้งเรื่องที่สุดวิสัย และความไม่ระแวดระวัง จนเกิดเป็นภัยอันตรายต่อตัวลูกรัก ทำให้พ่อแม่ต้องรู้สึกเสียใจทีหลัง

เพื่อเป็นอุทาหรณ์และเครื่องเตือนใจ มาดู Top 10 การเจ็บป่วยฉุกเฉินในเด็ก ที่พ่อแม่ต้องระวัง กันดีกว่า

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้รวบรวมสถิติข้อมูลเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุ ของเด็กๆ อายุระหว่าง 1 -15 ปี ตลอดปี พ.ศ. 2559 พบว่า มีเด็ก เจ็บป่วยฉุกเฉินทั้งสิ้น 156,525 คน แยกออกเป็น

  1. การเจ็บป่วยฉุกเฉินเกี่ยวกับกุมารเวชกรรมมากที่สุด 56,101 คน
  2. อุบัติเหตุยานยนต์ 36,203 คน
  3. พลัดตกหกล้ม 15,245 คน
  4. ปวดท้อง ปวดหลัง เชิงกราน ขาหนีบ 14,113 คน
  5. ป่วย อ่อนเพลีย อัมพาตเรื้อรัง 12,659 อันดับ
  6. หัวใจหยุดเต้น 5,642 คน
  7. สัตว์กัด 3,141คน
  8. ชัก 2,617 คน
  9. ปวดศีรษะ ภาวะผิดปกติทางตา หู คอ จมูก 1,599 คน
  10. แพ้ยา แพ้อาหาร 1,579 คน

นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ระบุว่า เรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ อุบัติเหตุเกี่ยวกับยานยนต์ และการพลัดตกหกล้มเพราะเมื่อประสบอุบัติเหตุ เด็กจะมีแนวโน้มการเสียชีวิตมากกว่าผู้ใหญ่ ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอและบอบบางกว่า

 

อ่าน Top 10 การเจ็บป่วยฉุกเฉินในเด็ก ที่พ่อแม่ต้องระวัง และวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ต่อหน้าถัดไป


สำหรับพ่อแม่ที่ชอบพาลูกออกนอกบ้านต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย ดังนี้

- เด็กเล็กควรนั่งคาร์ซีท ภายในรถยนต์ เพราะจะช่วยลดความรุนแรงหากเกิดอุบัติเหตุได้

- เด็กโต ควรให้เด็กนั่งที่เบาะหลังของรถยนต์ และคาดเข็มขัดนิรภัย

- เด็กที่นั่งรถจักรยานยนต์ ต้องสวมหมวกนิรภัยขนาดที่เหมาะสมกับเด็ก เพื่อป้องกันไม่ให้ศีรษะได้รับการกระแทก เพราะหากเด็กได้รับอุบัติเหตุ กระทบกระเทือนทางศีรษะ อาจส่งผลให้เสียชีวิตได้

- เมื่อพาลูกไปเล่นเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่น ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด อย่างแรกพ่อแม่ต้องดูความแข็งแรงของเครื่องเล่นว่า อุปกรณ์ทุกชิ้นอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีการชำรุดเสียหาย

- ถ้าเครื่องเล่นมีความสูง ต้องมีราวกันตกหรือผนังกันตก เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากการตก ป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บที่รุนแรง

 

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น การเจ็บป่วยฉุกเฉินในเด็ก

1.แผลถลอก หากมีเศษหินติดอยู่ให้ล้างบาดแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ ใช้ผ้าซับให้แห้ง ทายารักษาแผลสด เช่น โพวิดีน (Povidine) หรือยาแดง แล้วปิดแผลด้วยผ้ากอซ

2.แผลถูกของมีคมบาด พ่อแม่ต้องรีบห้ามเลือด เริ่มแรกทำความสะอาดแผล และใส่ยาเหมือนแผลถลอก แต่ถ้าบาดแผลใหญ่ เลือดออกมาก ต้องรีบพาลูกไปโรงพยาบาล

วิธีห้ามเลือด

- รัดส่วนเหนือของแผลด้วยผ้าแล้วใช้ไม้สอดเข้าไปในผ้านั้น พร้อมหมุนไม้ไปทางเดียวกันขันจนแน่น
- ต้องคลายผ้าเป็นระยะเพื่อป้องกันเนื้อเยื่อตาย เช่น รัดนาน 5 นาที คลายออก 1 นาที

3.หัวโน ห้อเลือด ฟกช้ำ ภายใน 24 ชั่วโมง ต้องประคบเย็น ใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำแข็งหรือใช้ cold – hot pack ประคบเส้นเลือดให้หดตัวทำให้เลือดหยุดไหล

ข้อห้าม
- ห้ามนวดคลึง
- ห้ามใช้ยาหม่อง หรือของร้อนอื่นๆ

หลังจาก 24 ชั่วโมง เริ่มประคบร้อนเพื่อให้เลือดที่ออกถูกดูดซึมกลับเข้าไปในเส้นเลือด

4.สิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก ให้เด็กอ้าปากหายใจทางปากแทน

- ถ้าเป็นเมล็ดพืชและแมลงเข้าจมูก ให้หยอดน้ำมันพืชเข้าไปทางจมูก แล้วให้เด็กสั่งน้ำมูกเบาๆ
- หากเป็นเศษผ้าหรือเศษกระดาษ ให้ใช้คีมปลายมนคีบออกมา

5.แมลงเข้าหู ใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันพืชหยอดเข้าไปในหู แล้วทิ้งไว้สักครู่ ค่อยให้ลูกตะแคงหู จนแมลงและน้ำมันไหลออกมา แล้วจึงใช้สำลีเช็ดทำความสะอาด

อ่านเพิ่มเติม 10 วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เด็กรอดพ้นอันตราย

อันตรายอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด อ่าน Top 10 การเจ็บป่วยฉุกเฉินในเด็กไปแล้ว พ่อแม่ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น อย่าปล่อยให้ลูกตกอยู่ในอันตราย และห้ามประมาทเด็ดขาด

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

พ่อแม่อย่าเผลอเพราะอุบัติเหตุในบ้านเกิดขึ้นได้เสมอ!

อุทาหรณ์ของมีคม! พร้อมวิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกเกิดอุบัติเหตุ

 

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

img

บทความโดย

Tulya

  • หน้าแรก
  • /
  • ชีวิตครอบครัว
  • /
  • Top 10 การเจ็บป่วยฉุกเฉินในเด็กที่พ่อแม่ต้องระวัง
แชร์ :
•••
  • ภาวะฉุกเฉินระหว่างตั้งครรภ์ คนท้องสังเกตตัวเองให้ดี ถ้ามีอาการแบบนี้ ฉุกเฉิน!

    ภาวะฉุกเฉินระหว่างตั้งครรภ์ คนท้องสังเกตตัวเองให้ดี ถ้ามีอาการแบบนี้ ฉุกเฉิน!

  • เบอร์โทรฉุกเฉิน แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย ไม่สบาย ใกล้คลอด

    เบอร์โทรฉุกเฉิน แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย ไม่สบาย ใกล้คลอด

  • อันตราย!! อย่าปล่อยให้ลูกลิ้มลองแอลกอฮอล์แม้แต่นิดเดียว

    อันตราย!! อย่าปล่อยให้ลูกลิ้มลองแอลกอฮอล์แม้แต่นิดเดียว

  • การเก็บสเต็มเซลส์จากทารกแรกเกิดมีประโยชน์จริงไหม?

    การเก็บสเต็มเซลส์จากทารกแรกเกิดมีประโยชน์จริงไหม?

app info
get app banner
  • ภาวะฉุกเฉินระหว่างตั้งครรภ์ คนท้องสังเกตตัวเองให้ดี ถ้ามีอาการแบบนี้ ฉุกเฉิน!

    ภาวะฉุกเฉินระหว่างตั้งครรภ์ คนท้องสังเกตตัวเองให้ดี ถ้ามีอาการแบบนี้ ฉุกเฉิน!

  • เบอร์โทรฉุกเฉิน แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย ไม่สบาย ใกล้คลอด

    เบอร์โทรฉุกเฉิน แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย ไม่สบาย ใกล้คลอด

  • อันตราย!! อย่าปล่อยให้ลูกลิ้มลองแอลกอฮอล์แม้แต่นิดเดียว

    อันตราย!! อย่าปล่อยให้ลูกลิ้มลองแอลกอฮอล์แม้แต่นิดเดียว

  • การเก็บสเต็มเซลส์จากทารกแรกเกิดมีประโยชน์จริงไหม?

    การเก็บสเต็มเซลส์จากทารกแรกเกิดมีประโยชน์จริงไหม?

  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การตั้งชื่อลูก
    • โภชนาการระหว่างตั้งครรภ์​
    • การคลอดบุตร
    • หลังคลอดบุตร
  • ช่วงวัยของเด็ก
    • ทารก
    • วัยเตาะแตะ
    • เด็กเล็ก
    • เด็กวัยเรียน
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • โรงเรียนพ่อแม่
    • เซ็กส์และความสัมพันธ์
  • การตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • นมแม่และนมผง
  • ไลฟ์สไตล์​
    • ข่าว
    • ดวงและราศี
    • กิจกรรมของครอบครัว
    • ดารา-แฟชั่น
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore
  • Thailand
  • Indonesia
  • Philippines
  • Malaysia
  • Sri Lanka
  • India
  • Vietnam
  • Australia
  • Japan
  • Nigeria
  • Kenya
พันธมิตรของเรา
Mama's Choice Partner Brand Logo
© Copyright theAsianparent 2021. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้
บทความ
  • img
    สังคมออนไลน์
  • img
    COVID-19
  • img
    เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • img
    ช่วงวัยของเด็ก
  • img
    สุขภาพ
  • img
    ชีวิตครอบครัว
  • img
    การศึกษา
  • img
    ไลฟ์สไตล์​
  • img
    วิดีโอ
  • img
    ชอปปิง
  • img
    TAP IDOL
เครื่องมือ
  • ?คอมมูนิตี้สำหรับคุณแม่
  • ติดตามการตั้้งครรภ์
  • ติดตามพััฒนาการของลูกน้อย
  • สูตรอาหาร
  • อาหาร
  • โพล
  • img
    VIP Parents
  • การประกวด
  • โฟโต้บูท

ดาวน์โหลดแอปของเรา

  • ติดต่อโฆษณา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทีม
  • กฎการใช้งานคอมมูนิตี้
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดการใช้
  • มาเข้าร่วมกับเรา
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ?ฟีด
  • โพล
เปิดในแอป