หลายต่อหลายครั้งที่เราไม่เคยรู้ว่าตัวว่ามีความสุขเล็ก ๆ วนอยู่รอบกาย เป็นความสุขที่หาซื้อไม่ได้จากที่ไหน
เป็นความสุขที่ไม่รู้เลยว่าจะจางหายไปเมื่อไหร่
เพราะรู้ว่าเวลาย้อนกลับมาไม่ได้ หลายต่อหลายครั้งจึงอยากหยุดเวลาดี ๆ นี้และเก็บช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้
เป็นความทรงจำดี ๆ ที่งดงามระหว่างเรา
คลิปวิดีโอที่คนเป๊นแม่ดูแล้วอยากจะหยุดเวลานี้ไว้ให้นาน ๆ (คลิกที่ภาพ)
วันหนึ่งเมื่อลูกสาวของฉันบอกว่าเธอกับสามีคิดจะมีลูก “แม่คิดว่าหนูควรจะมีลูกไหมคะ” เธอถาม
“ชีวิตหนูจะเปลี่ยนไปตลอดกาลเลยนะ” ฉันพูดอย่างระมัดระวังด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“หนูรู้ค่ะ” เธอบอก “หมายถึงการต้องอดนอน และอดไปเที่ยวสนุก”
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการจะบอก สิ่งที่ฉันอยากบอกให้เธอรู้ คือสิ่งที่เธอไม่มีวันจะได้เรียนรู้จากชั้นเรียนพ่อแม่มือใหม่
ฉันอยากบอกเธอว่า บาดแผลบนร่างกายจากการคลอดลูกไม่นานก็จะหาย แต่การเป็นแม่คนจะทิ้งร่องรอยบาดแผลทางอารมณ์อย่างสาหัสจนอาจทำให้เธออ่อนแอไปตลอดกาล
เธอจะไม่มีวันอ่านหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวเครื่องบินตก ไฟไหม้ ก่อการร้าย โดยไม่มีคำถามผุดขึ้นในหัวว่า “ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้กับลูกฉันล่ะ”
และเมื่อเธอเห็นภาพเด็กที่หิวโหย เธอก็จะสงสัยว่ามีอะไรแย่ไปกว่าเห็นเด็กเหล่านี้อดตาย
ฉันจ้องมองเล็บที่ตกแต่งสวยงามของเธอและอดคิดไม่ได้ว่า ไม่ว่าเธอจะซับซ้อนแค่ไหน การได้เป็นแม่คนก็จะทำให้เธอปล่อยวางตัวตนของเธอลงเพื่อพร้อมที่จะปกป้องลูกของเธอ เสียงร้องเรียก “แม่” เพียงคำเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เธอทิ้งขนมแสนอร่อยโดยไม่ลังเล
ฉันควรเตือนเธอว่า ไม่ว่าเธอจะแน่สักแค่ไหนในการทำงาน เธอก็อาจจะล้มไม่เป็นท่าเมื่อมาเป็นแม่คน แม้เธอจะส่งลูกเข้าเนอสเซอรี แต่วันหนึ่งเมื่อเธอต้องประชุมงานสำคัญ เธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงลูกของเธอ และนั่นเองก็ทำให้เธอทำทุกวิถีทางให้ได้กลับบ้านเร็วๆ เพื่อไปดูว่าลูกยังปลอดภัยดี
ฉันมองลูกสาวแสนสวย ฉันอยากบอกเธอว่า แม้ว่าท้ายที่สุดหุ่นของเธอจะกลับมาผอมได้เหมือนตอนก่อนตั้งท้อง แต่ฉันรับรองเลยว่าเมื่อเป็นแม่คนแล้ว เธอไม่มีวันจะรู้สึกแบบเดิมกับตัวเองได้อีก
เพราะเมื่อลูกปรากฏตัวขึ้นในชีวิตของเธอ อะไรที่เคยสลักสำคัญมากในชีวิต ก็จะมีค่าเทียบไม่ได้เลยกับลูก เธอจะปล่อยวางเรื่องสำคัญเหล่านั้นลง แล้วมุ่งทุกอย่างไปที่ลูก แต่นั่นแหละความหวังอันเรืองรองก็จะเริ่มต้นขึ้น ไม่ใช่เพื่อที่จะเดินตามความฝันของเธอ แต่เพื่อที่จะเฝ้าดูลูกๆ เดินตามความฝันของพวกเขา
ฉันอยากให้เธอรู้ว่า รอยแผลผ่าคลอดหรือ รอยท้องแตกลายจะเป็นเสมือนเหรียญกล้าหาญของเธอ
และความสัมพันธ์ของเธอกับสามีจะเปลี่ยนไป แต่ไม่ใช่แบบที่เธอคิด
เธอจะเข้าใจว่าเราจะรักผู้ชายสักคนได้มากแค่ไหน ผู้ชายคนที่คอยประแป้งให้ลูกน้อยอย่างเบามือ และไม่เคยปฏิเสธที่จะเล่นกับลูก
ฉันคิดว่า เธอจะต้องตกหลุมรักเขาอีกครั้ง ด้วยเหตุผลนับไม่ถ้วนที่ตอนนี้เธออาจจะยังไม่เข้าใจ
ฉันหวังใจว่า เธอจะสัมผัสได้ถึงความผูกพันที่เชื่อมโยงเธอกับผู้หญิงอีกมากมายในประวัติศาสตร์ที่ต้องการจะยุติสงคราม อคติ และแม้แต่การเมาแล้วขับ
ฉันอยากจะอธิบายให้เธอเข้าใจถึงความตื่นเต้นดีใจเมื่อได้เห็นลูกขี่จักรยานได้เป็นครั้งแรก
ฉันอยากจะจับภาพเด็กน้อยที่หัวเราะจนพุงกระเพื่อมเมื่อได้สัมผัสกับขนนุ่มของหมาเป็นครั้งแรก
ฉันอยากให้เธอได้ลิ้มรสกับความสุข ที่ความเป็นจริงแล้วมันก็เจ็บปวดเช่นกัน
แววตาที่มีประกายสงสัยของลูกสาว ทำให้ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าหยาดน้ำตาก่อตัวขึ้นที่ดวงตาของฉัน แล้วฉันก็พูดว่า “แล้วลูกจะไม่มีวันเสียใจที่เป็นแม่” ฉันเดินไปบีบมือของลูกสาว ในใจภาวนาให้เธอ ให้ตัวเอง และให้ผู้หญิงทุกคนที่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่สวยงามที่สุดที่เรียกว่า “แม่”
หลาย ครอบครัวเมื่อทราบข่าวว่ามีคนท้องอยู่ในบ้าน ก็พร้อมใจที่อยากจะย้ายไปอยู่บ้านใหม่ เพื่อที่จะหาบ้านที่ใหญ่ขึ้น ดีขึ้น และ เหมาะกับคนท้องและลูกน้อยในครรภ์ที่กำลังจะเกิด แต่วิจัยเผยว่า คนท้องห้ามย้ายบ้าน เพราะการเคลื่อนไหว และ การย้ายบ้านในช่วงตั้งครรภ์ มีความเชื่อมโยงกับ การคลอดก่อนกำหนด เพราะฉะนั้นหากคิดจะย้ายบ้านในช่วงแม่ท้องอาจจะต้อง พับแพลน ไปก่อนนะคะ
คนท้อง ห้าม ย้ายบ้าน! วิจัยเผย คนท้องย้ายมีเกณฑ์คลอดก่อนกำหนด
นักวิจัยศึกษา และ วิเคราะห์ ข้อมูลจากแม่ท้องมากกว่า 100,000 คน ในรัฐวอชิงตัน (Washington) นักวิจัยพบว่า แม่ท้องที่ย้ายบ้านในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ 42% นั้นมีแนวโน้มที่จะให้กำเนิดลูกก่อนกำหนด และ 37% มีแนวโน้ม ที่ทารกที่คลอดออกมา จะมี น้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าค่าเฉลี่ย มากกว่าแม่ท้องที่ไม่ได้มีการย้ายบ้านในช่วงไตรมาสแรก
จากการศึกษานี้ได้ถูกตีพิมพ์ในวันที่ 30 กรกฏาคม 2019 ในหนังสือวารสารระบาดวิทยาและสุขภาพชุมชม (Journal of Epidemiology and Community Health) พบว่าการย้ายบ้านในระหว่างการตั้งครรภ์นั้นมีผลลัพธ์ที่สามารถเกิดอันตราย
จากการศึกษานั้นพบว่าการเคลื่อนย้ายไปมา ในระหว่างการตั้งครรภ์ไตรมาสแรกนั้นมีความเสี่ยงเนื่องจากการเคลื่อนไหว ยกของ ที่อาจจะสามารถเพิ่มความเสี่ยงได้ แมท้องไตรมาสแรกควรที่จะลดความเคลื่อนไหวในช่วงแรก
Julia Bond หนึ่งในทีมกรณีศึกษา ในรัฐวอชิงตัน (Washington) ได้ มีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติม บอกว่า การย้ายบ้านนั้นไม่เพียงแต่มีการเคลื่อนไหวตัวไปมา แต่ การย้ายบ้านนั้นบางครั้งอาจจะส่งผลต่อความเครียด และ แรงกดดัน ที่จะเข้ามาถึง
Julia Bond ยังอธิบายเพิ่มอีกว่า การย้ายบ้านนั้น ไม่เพียงแต่เป็นการที่ทั้งครอบครัวของแม่ท้องย้ายเข้าไป แต่มันหมายถึงการรีโนเวท ปรับเปลี่ยน เพิ่มเติม เกี่ยวกับบ้านซึ่งบางครั้งการย้ายบ้าน อาจจะมีความเชื่อมโยงกับ ความกดดันของแม่ท้องอีกด้วย
คน ท้อง ห้าม ย้ายบ้าน! วิจัยเผย คนท้องย้ายมีเกณฑ์คลอดก่อน กำหนด
การศึกษาแสดงให้เห็นว่าแม่ท้องหลายคนประสบกับความตึงเครียด ในไตรมาสแรก ที่มาจากการย้ายบ้านซึ่งอาจจะเพิ่มความเสี่ยงปัญหาสำคัญของการคลอด นั้นก็คือการคลอดก่อนกำหนด
และสำหรับการวิจัย และ วิเคราะห์ข้อมูล พบว่าจากการวิจัยมีแม่ท้องถึง 28,000 ที่มีการย้ายบ้านในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างเยอะพอสมควร
ที่มา : facebook.com/YouLikesYouLikes
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
7 เรื่องสุดยี้ที่คนเป็นแม่เท่านั้นทำได้เพื่อลูก
10 เรื่องจริงที่คนเป็นแม่ไม่เคยบอกลูก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!