อีกหนึ่งบทความพิเศษ ช่วงวันแม่ ที่เราจะนำเสนอ เรื่องราว ประสบการณ์ชีวิต แนวทางการสอน การใช้ชีวิตของคุณแม่ กว่า 10 คน มาให้คุณแม่ ชาว theAsianparent ได้อ่านกัน วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง สอนให้ลูกคิดเป็น เรื่องที่ พ่อ แม่ หลายคน ให้ความสนใจ กันมาก แต่จะต้องทำอย่างไร เริ่มต้น ตรงไหน วันนี้ เราจะมาแนะนำ คุณให้รู้จักกับ แม่เก่ง คุณแม่ที่ใช้ ทักษะการ Coaching เพื่อ สอนลูกให้คิดเป็น สอนลูกให้คิดได้ด้วยตนเอง
มารู้จัก แม่เก่งกันสักนิด
วิธี สอนลูกให้คิดเป็น
แม่เก่ง หรือ คุณ สภิญญา วิทยฐานกรณ์ ปัจจุบันแม่เก่ง มีอายุ 47 ปี มีลูกสองคน ลูกชายคนโต น้องบัน อายุ 13 ปี และ ลูกสาว คนเล็ก น้องแบม อายุ 11 ปี ทั้งคู่เรียนอยู่ที่ โรงเรียน นานาชาติเอกมัย (Ekamai International School) แม่เก่งทำธุรกิจส่วนตัวอยู่กับที่บ้าน เธอไม่ได้เป็นหมอ หรือ นักจิตวิทยา แต่เธอเข้าเรียนคอร์สมากมาย เพื่อเพิ่มพูน ทักษะให้ตนเอง ก่อนจะนำมาปรับใช้กับลูกเพื่อ สอนให้ลูกคิดเป็น เธอมักจะนำความรู้ที่ได้มา มาต่อยอด และ ส่งต่อให้กับ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง หลาย ๆ คน และ ทำต่อเนื่องกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว
จุดเริ่มต้นการค้นคว้าข้อมูล เริ่มจากจุดไหน
ตั้งแต่ที่ลูกอายุ 2 ขวบ คุณแม่เก่งบอกกับเราว่า นั่นเป็นตอนที่เธอเริ่มที่จะ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น แต่ยิ่งอ่านไปก็ยิ่งได้แต่ ทฤษฎี มีแต่ข้อมูล เช่นว่า ต้องอ่านนิทานให้ลูก ต้องพูดกับลูกดี ๆ แต่เธอไม่รู้เลยว่า วิธีการทำจริง ๆ นั้น ทำอย่างไร นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไม แม่เก่งถึงอยากเรียนรู้เพิ่มเติม
สอนลูกให้คิดเป็น ต้องทำอย่างไร ?
การโค้ชลูก ไม่ใช่การสอนไปเลยซะทีเดียว แต่เป็นวิธีการสอนให้ลูกได้คิดต่อยอด เริ่มแรกเลย แม่เก่งบอกว่า ทุกคนมีทางออกเป็นของตัวเองในทุกปัญหา ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของ ตัวผู้ปกครองเอง หรือ ตัวลูก แต่การโค้ช คือการสอนลูกให้คิดถึง ทางออกหลาย ๆ ทาง
การที่เรายิงคำถามให้ลูก อาจจะทำให้ลูกได้เปิดโลกมากขึ้น กล้าที่จะคิดถึงสิ่งใหม่ ๆ และ คิดต่อไป จากคำถาม หาที่มา หาทางออกที่หลากหลายมากขึ้นไปกว่าเดิม จะทำให้ลูกได้วิธีการคิด
แม่เก่งยกตัวอย่างการโค้ช ง่าย ๆ ผ่านประสบการณ์
แม่เก่งเล่าว่า มีอยู่วันหนึ่ง จู่ๆ สองพี่น้อง ก็จูงมือกันมาบอกว่า ไม่อยากไปโรงเรียน แทนที่แม่เก่งจะดุลูกว่าทำไม บังคับลูกให้ไปโรงเรียน หรือ บอกให้ลูกไม่ต้องไปก็ได้ สิ่งที่เธอทำก็คือ ถามลูกว่า ลูกจะทำอะไร ถ้าไม่ไปโรงเรียนแล้ว จะทำงานอะไรต่อไป ลูกเลยนึกออกสองอย่างคือ ขายพวงมาลัย กับ ขอทาน
และแม่เก่งก็ถามต่อว่า ถ้าทำสองอาชีพ นี้ต้องใช้อะไรบ้าง ตัดการขายพวงมาลัยออกไปก่อน เพราะน้องทั้งสองคนทำไม่เป็น เมื่อเลือกอาชีพได้แล้วว่าจะเป็นขอทาน แม่เก่งก็ถามว่า แล้วขอทานต้องใช้อะไรบ้าง
น้องบัน กับ น้องแบม ก็ตอบว่า ต้องใช้เสื้อผ้าเก่า ๆ และ ที่ใส่เหรียญ แม่เก่งเลยบอกว่า แม่จะเตรียมให้ และ คิดวางแผนขั้นต่อไป
เธอบอกลูกว่าทำอะไรต้องทำเหมือนทำจริง ๆ เธอจะ ไปปล่อยลูก ไว้ที่บนสะพานลอย แต่บอกลูกว่าไม่ต้องกลัวใครจะมาทำร้าย หรือ ลักพาตัว เพราะตัวแม่เก่ง และ พี่เลี้ยงจะดูลาดเลาให้ บอกลูกว่าพวกเขาจะปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์
หลังจากที่ได้เงินแม่แล้ว แม่เก่งก็บอกว่า ตอนเย็นมาดูกันว่าได้เงินเท่าไหร่ แล้วเอาเงินเหล่านี้ไปทานข้าวกัน แต่ลูกชายคนโตก็ถามต่อว่า ถ้าไม่พอล่ะ จะต้องทำอย่างไร พี่เก่งจึงตอบว่า ก็ต้องกินเท่าที่พอ เพราะเลือกอาชีพนี้แล้ว สุดท้าย พี่ชายเลยบอกให้น้องสาวไปแต่งตัว และทั้งคู่ก็ไปโรงเรียนกัน
พี่เก่งบอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ใช่สอนว่า เขาต้องทำอะไร ต้องทำยังไง แต่แนะนำลูก ตั้งคำถามลูก ให้ลูกได้เกิดกระบวนการคิดวิเคราะห์แล้ว ลูกจะได้ อะไรหลายอย่างจากตรงนั้น เวลาเขาคิดอะไร มันจะออกมาเป็นระบบระเบียบ
สอนให้ลูกคิดเป็น
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
All Gen, Enjoy เพราะทุกเจเนอเรชั่น มีข้อดีที่แตกต่าง “เลี้ยงลูกแบบครอบครัวใหญ่
มุมมองการเลี้ยงลูกแบบหมอ ๆ จากคุณแม่นุ่น เป็นหมอทั้งบ้าน จัดสรรเวลาให้ลูกยังไง
แม่เลี้ยงเดี่ยวสุดแกร่ง ผ่านมาตรงนี้ เจอเรื่องมากมาย แม่นิ้งคุณแม่สู้ชีวิต
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!