พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะปล่อยผ่าน เมื่อลูกแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวหรือทำในสิ่งที่ถูกมองว่าผิด โดยบอกว่าลูกเป็นเพียงแค่เด็ก พ่อแม่รู้สึกว่ามีเวลาอีกมากที่จะสอนลูก ๆ จากความผิดพลาด แต่นั่นไม่เป็นความจริง สองปีแรกของวัยเด็กมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งระเบียบวินัย และลักษณะนิสัย หากคุณพ่อคุณแม่ยอมทุกอย่างที่ลูกต้องการ และไม่แก้ไขสิ่งที่ผิด ในที่สุดลูกจะเรียนรู้ว่าการโวยวายและร้องไห้ จะช่วยให้ได้ทุกอย่างที่ต้องการ และก่อนที่คุณจะรู้ตัว การฝึกสอนลูกก็จะเป็นงานที่ยากกว่าที่คุณคิด และนี่คือสิ่งที่ควรคำนึงถึงในขณะที่ สอนความแตกต่างระหว่างถูกและผิด ให้กับลูก
สอนความแตกต่างระหว่างถูกและผิด ให้ลูกรู้จักแยกแยะ
1. บอกให้รู้เมื่อลูกทำถูกต้อง
ถูกต้องแล้ว การสอนเด็ก ๆ จากสิ่งที่ผิด แทนที่จะชี้ว่าลูกผิด ให้เน้นเมื่อลูกทำสิ่งที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกแบ่งปันช็อกโกแลตกับคุณ หรือช่วยหยิบของที่ตก คุณสามารถพูดว่า “ว้าว น่ารักจัง ลูกเป็นเด็กดี” เท่านี้ลูกรู้แล้วว่าพฤติกรรมนี้ ทำให้ทุกคนมีความสุข และลูกจะพยายามทำซ้ำ
2. ปฏิบัติตามสิ่งที่สอน
ในการพัฒนาเด็ก การสอนถูกผิดสามารถสอนได้หลายวิธี คำพูดและการกระทำของคุณ คือสิ่งที่เด็กเล็กกำลังจะทำตาม หากคุณเอาแต่บอกลูกว่าควรทำอะไรและไม่ควรทำ ลูกอาจใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อยในการรับรู้ แต่ถ้าคุณแสดงและบอก ลูกจะเข้าใจเร็วขึ้น ถึงคุณค่าต่าง ๆ เช่น ความเมตตา การแบ่งปัน ความเห็นอกเห็นใจ และความอ่อนน้อมถ่อมตน ต้องเริ่มต้นที่ตัวของคุณพ่อคุณแม่
บทความที่เกี่ยวข้อง : Toxic People คืออะไร สอนลูกอย่างไรไม่ให้เป็นพิษต่อคนอื่น
2. มุ่งเน้นไปที่ผลที่ตามมา
เราจะเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ถูกและผิดได้อย่างไร ? สมมติว่าลูกคว้าของเล่นจากเด็กคนอื่น คุณสามารถใช้ตอนนี้เพื่อสอนลูกจากสิ่งที่ผิด แสดงให้ลูกของคุณเห็นว่าเด็กอีกคนกำลังเศร้าและโกรธ ถามลูกว่าลูกคิดว่ามันถูกต้องหรือไม่ ที่จะทำให้คนอื่นเสียใจ เด็ก ๆ รู้สึกผิดพอ ๆ กับผู้ใหญ่ ดังนั้นสิ่งนี้จะสอนลูกโดยอัตโนมัติให้ระวังการกระทำของตนเองมากขึ้น
4. รู้ว่าเมื่อใดควรเพิกเฉยต่อลูก
บางครั้งเด็ก ๆ ก็แสดงเจตนาเพื่อดึงดูดความสนใจของคุณเท่านั้น คุณต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรเพิกเฉยกับพฤติกรรมนี้ เด็กเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างถูกและผิดเมื่อใด บางครั้ง การเพิกเฉยต่อพฤติกรรมแย่ ๆ อาจเป็นวิธีที่ได้ผลในการหยุดพฤติกรรมนั้น ตราบใดที่ลูกไม่ได้ทำสิ่งที่น่ากลัวหรืออันตราย คุณก็เพิกเฉยได้ ในที่สุดลูกจะเรียนรู้ว่าไม่มีใครให้ความสนใจ และจะหยุดทำสิ่งนั้น
5. ตั้งใจฟัง
ให้ความสนใจว่าทำไมลูกของคุณถึงทำอะไรผิด บางทีลูกอาจจะอิจฉา บางทีลูกอาจจะรู้สึกไม่ได้ยินดี หรือบางทีลูกอาจจะไม่รู้ว่ามันผิด นั่งลงและอธิบายด้วยคำพูดที่ลูกจะเข้าใจ ว่าสิ่งที่ลูกทำจะทำให้ลูกเดือดร้อน เข้าใจมุมมองของลูกและที่มาของพฤติกรรม และอย่าทำให้ลูกรู้สึกถูกทอดทิ้ง นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักสำหรับพฤติกรรมที่ไม่ดี
อายุเท่าไหร่ที่ควรสอนลูกให้รู้ถูกผิด
นักจิตวิทยาชาวสวิส กล่าวว่าในช่วงสี่ปีแรกของชีวิต เด็ก ๆ อยู่ในช่วงก่อนศีลธรรม ในขั้นนี้ลูกจะเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ถูกและผิด ผ่านการตอบสนองของผู้ใหญ่ต่อการกระทำของลูก พัฒนาการด้านศีลธรรมของเด็กนั้นเริ่มต้นตั้งแต่แรกเกิด เพราะการดูแลเอาใจใส่จะสร้างความไว้วางใจ
5 ปีแรกของเด็กเป็นรากฐานของพฤติกรรมทางจริยธรรมและศีลธรรม เมื่อเด็กเติบโตและเป็นผู้ใหญ่ ลูกเริ่มเข้าใจถูกและผิด ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่และคนในครอบครัวคนอื่น ๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการนี้ และนี้เป็นวิธีที่จะช่วยให้ลูกพัฒนา “สติปัญญา” ทางศีลธรรมตั้งแต่แรกเกิด
อายุ 0-1 ปี
ทารกเรียนรู้สิ่งที่ถูกผิดผ่านประสบการณ์ เมื่อทารกหิว ไม่สบายตัว หรือเหงา จะรู้สึกอึดอัด กลัว และไม่สบายใจ เมื่อผู้ใหญ่ให้การดูแลเอาใจใส่ ทารกจะรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัย การตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของทารกอย่างรวดเร็ว รวมถึงการกินอาหาร การอุ้ม การร้องเพลง การอ่าน การพูดและการมีปฏิสัมพันธ์ พ่อแม่จะช่วยให้ทารกรู้สึกปลอดภัย ทำให้มีผลต่อการเรียนรู้ด้านศีลธรรม เมื่ออายุเกิน 1 ขวบ เด็กจะเรียนรู้จากการเลียนแบบ เริ่มสื่อสารความรู้สึกและความชอบ เริ่มพัฒนาความเข้าใจบางอย่างว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ
อายุ 1-3 ปี
ลูกวัยหัดเดินจะเริ่มเข้าใจแนวคิดของกฎต่าง ๆ และสามารถเริ่มตอบสนองได้อย่างเหมาะสม หากได้รับคำสั่งไม่ให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ลูกจะเริ่มตระหนักว่าคนอื่นมีความรู้สึก และความต้องการ แต่อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กวัยนี้ ที่จะควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของตนเองได้โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือ
ตัวอย่างเช่น เมื่อเด็กอายุ 18 เดือนอยากได้ของเล่น ลูกมักจะแย่งไปจากเด็กคนอื่น ในขั้นตอนนี้ เด็กยังไม่มีความสามารถในการแยกแยะระหว่างสิ่งที่ถูกและผิดด้วยตนเองอย่างแท้จริง ลูกจะรอให้คุณเป็นคนบอกว่าถูกหรือผิด และช่วยให้ลูกเรียนรู้ว่าอะไรคือ “ถูกต้อง” หรือพฤติกรรมที่ยอมรับได้ นี่คือเวลาที่จะพูดคุยและสอนลูกผ่านความที่ใจดีแต่หนักแน่น ยุติธรรม และสอดคล้องกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : พัฒนาการเด็ก 1 ขวบ มีอะไรบ้าง? เช็กเลย! แบบนี้โตตามเกณฑ์ชัวร์
อายุ 4-5 ปี
แทนที่จะเป็นเพียงการชี้นำจากผู้ใหญ่ เด็กก่อนวัยเรียนเริ่มพัฒนาแนวคิดของตนเองเกี่ยวกับสิ่งถูกและผิด ตามสิ่งที่ลูกเรียนรู้ในครอบครัว ด้วยความสามารถในการเข้าสังคมที่เพิ่มขึ้น และความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความรู้สึกและสิทธิของผู้อื่น “ความฉลาดทางศีลธรรม” ก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน
วัยนี้เด็ก ๆ เริ่มพัฒนาความรู้สึกยุติธรรมที่แข็งแกร่งและตระหนักในพฤติกรรมที่ยอมรับได้ ด้วยการใช้ประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน การพูดคุยและสอนให้ลูกแสดงความรู้สึกของตัวเอง ลูกจะรู้จักความเห็นอกเห็นใจ และด้วยวิธีง่าย ๆ นี้ กำลังหล่อเลี้ยงจรรยาบรรณของลูก ด้วยการอดทน อดกลั้น เสมอต้นเสมอปลาย และมีความใจดี ผู้ปกครองต้องเสนอแนวทางเชิงบวกให้กับลูก โดยกำหนดขอบเขตที่ชัดเจน ความคาดหวัง และสอนถึงผลที่ตามมา
อายุ 7-10 ปี
ในช่วงวัยแห่งการพัฒนานี้ เด็ก ๆ เริ่มตั้งคำถามกับพ่อแม่ ครู หรือบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลกับตัวลูก ลูกจะแสดงความเคารพต่อผู้ใหญ่ที่มีความยุติธรรม และรู้วิธีที่จะรับผิดชอบ ลูกเคารพอำนาจและไม่รู้สึกว่าถูกคุกคาม เพราะอำนาจให้ความปลอดภัยแก่ลูก ลูกสามารถเห็นผลกระทบต่อสังคมผ่านประสบการณ์ทางสังคม เด็กส่วนใหญ่ในวัยนี้เชื่อว่าควรเชื่อฟังพ่อแม่ และเชื่อว่าหากทำผิดก็ควรแก้ไข
เด็กวัยนี้มีความรู้สึกยุติธรรมสูง เข้าใจถึงความจำเป็นของกฎ และชอบมีส่วนร่วมในการสร้างกฎ ดังนั้น ควรพูดคุยเกี่ยวกับ ‘กฎของครอบครัว’ และวิธีที่ลูกสามารถมีส่วนร่วมได้ในเชิงบวก เด็กระหว่าง 7-10 ปีเริ่มเชื่อว่าเป็นที่ยอมรับได้ และเริ่มแยกแยะว่าอะไรเป็นประโยชน์กับตัวเองมากที่สุด
คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้ความรู้สึกยุติธรรมนี้ผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมเพื่อประโยชน์ของลูกได้ เช่น “ได้ แม่จะพาลูกไปเล่นที่บ้านเพื่อน ถ้าลูกตกลงที่จะจัดห้องนอนให้สะอาด” การทำข้อตกลงเหล่านี้สมเหตุสมผลกับเด็กวัยนี้
เทคนิคเหล่านี้รวมถึงเทคนิคอื่น ๆ อีกมากมายสามารถช่วยให้คุณพาลูกไปถูกทางได้ตั้งแต่อายุยังน้อย คุณจะทึ่งกับความคิดของเด็ก ๆ การมีส่วนร่วมกับลูกในกิจกรรมการเรียนรู้ที่สนุกสนาน และการปล่อยให้ลูกเรียนรู้บางสิ่งด้วยตนเอง สามารถช่วยให้คุณสอนเด็ก ๆ ได้อย่างถูกต้อง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
3 นิทานพื้นบ้านภาคใต้ หลากหลาย สอนลูกได้ด้วยนิทานสั้น ๆ
นิทานหนูน้อยหมวกแดง อ่านให้ลูกฟัง สอนลูกอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า
สอนลูกให้เชื่อฟัง ต้องทำยังไง อยากให้ลูกคิดเป็น มีเหตุผล ไม่ต่อต้านพ่อแม่
ที่มา : sueatkinsparentingcoach, SKIDOS