ใช้เวลาทำกิจกรรมกับครอบครัวที่ใช้เทคโนโลยีให้น้อยที่สุด
เรามีผลการศึกษา “การใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของเด็ก: กรณีศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” จากการสำรวจความคิดเห็นตัวอย่างของคุณพ่อคุณแม่ 2,714 ท่านที่มีลูกวัย 3-8 ปีรวมกันอย่างน้อย 3,900 คน ในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ผลการศึกษาดังกล่าวได้เผยถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเซ็นเซอร์ข้อมูล แรงจูงใจ และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีของเด็ก ๆ
Sarah Pinel กรรมการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการบริษัท Tekkie Help บริษัทการสื่อสารและเทคโนโลยีในประเทศสิงคโปร์ มีคำแนะนำเกี่ยวกับการให้เด็ก ๆ ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดังนี้
เลือกแอพพลิเคชั่นคุณภาพ
การเลือกแอพพลิเคชั่นให้ลูกใช้เป็นสิ่งสำคัญมาก คุณควรเลือกแอพที่เหมาะกับนิสัยของลูก ที่ลูกชอบ และเป็นแอพที่ช่วยเสริมจุดเด่นและศักยภาพ เพื่อให้แอพเป็นตัวช่วยเปิดโลกทัศน์ของลูกเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
ณ จุดนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรมีเวลาได้ทดลองเล่นแอพต่าง ๆ ก่อนที่จะให้ลูกได้เล่น ลองดูแอพหลาย ๆ แนว ทั้งแอพนิทาน เพลง การออกเสียง เลข การเล่นสมมุติ ศิลปะ ฯลฯ
คุณควรมีส่วนร่วมในการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของลูก
มีส่วนร่วม
ให้เวลามีส่วนร่วมในการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ กับลูก คอยดูลูกเวลาลูกเข้าเว็บไซต์และแอพต่าง ๆ
ถามคำถามว่าลูกคิดยังไงกับสิ่งต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้และช่วยให้เด็กได้พัฒนาการคิดวิเคราะห์ ถ้าลูกติดอยู่ที่การใช้หรือเล่นเกมระดับเดิมนาน ๆ ให้เข้าไปสอบถามปัญหาและช่วยลูกบ้าง
เป็นตัวอย่างที่ดี
ความคิดและพฤติกรรมของคุณในการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตต่าง ๆ ส่งผลต่อลูกอย่างมาก หากคุณพ่อคุณแม่ใช้มือถือเกือบตลอดเวลา และเสพติดการใช้อุปกรณ์เหล่านี้มากจนแทบไม่มีเวลาเชื่อมสัมพันธ์กับลูก ๆ หรือทำให้กระทบการสื่อสารระหว่างกันก็จะส่งผลเสียต่อเด็ก ๆ มาก
ก่อนจะตอบอีเมลหรือส่งข้อความทางมือถือ หากลูกนั่งข้าง ๆ ลองคิดสักนิดว่าหากคุณหยุดกิจกรรมที่กำลังทำกับลูกเพื่อแวะมาตอบไลน์เพื่อนจะเป็นการแสดงตัวอย่างที่ไม่ดีกับลูกรึเปล่า
อ่านต่อหน้าถัดไป >>>
นอกจากคำแนะนำจาก Sarah แล้ว เรายังมีคำแนะนำในการให้ลูกใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ดังนี้
- จำกัดการใช้งานที่ครึ่งถึง 1 ชั่วโมง
- ทำให้การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และการทำกิจกรรมอื่น ๆ มีความสมดุลกัน เช่นให้ลูกออกไปเล่นนอกบ้าน เดินเล่น หรืออ่านหนังสือด้วย
- พยายามอย่าใช้อุปกรณ์สื่อสารดังกล่าวเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เราเข้าใจว่าบางครั้งคุณก็ยุ่งกับอะไรต่อมิอะไรที่เข้ามาและอยากให้ลูกได้มีอะไรทำบ้าง การให้ลูกได้เล่นเกมหรือดูการ์ตูนทางสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตบ้างนาน ๆ ทีก็ไม่ผิดหรอก แต่อย่าให้มันบ่อยจนลูกติดมือถือละกัน
- สอนให้ลูกใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตอย่างปลอดภัย โดยคุณควรสอนเรื่องการเปิดเผยความเป็นส่วนตัว การแชร์ข้อมูล การเสียเงินออนไลน์ และการใช้วิจารณาญาณในการรับข่าวสาร
- ให้ลูกได้พูดคุยเกี่ยวกับการใช้สมาร์ทโฟน และสนับสนุนให้ลูกถามคำถามเมื่อมีข้อสงสัย
- สำหรับเด็กโต คุณควรมีกฎในการจำกัดเวลาใช้ และสิ่งที่เข้าไปดูได้และไม่ได้อย่างชัดเจน
- หาข้อมูลว่าเนื้อหาใดที่ปลอดภัยและเหมาะกับเด็กอายุเท่าใด และดูว่ามือถือหรือแท็บเล็ตมีฟังก์ชั่นกำหนดการใช้งานสำหรับเด็กหรือไม่
ทำตัวให้รอบรู้เรื่องเทคโนโลยีเพื่อตามลูกให้ทัน
เทคโนโลยีคงไม่หายไปจากสังคมในเร็ววันแน่นอน เทคโนโลยีมีแต่จะพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ และชีวิตของลูกเราก็จะต้องอยู่กับมันมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นการจะใช้เทคโนโลยีให้มีประโยชน์โดยไม่ทำร้ายคนที่ใช้เป็นสิ่งสำคัญ คุณควรศึกษาข้อดีข้อเสียของการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ทั้งการใช้แอพพลิชั่น ฟังก์ชั่น สังคมออนไลน์ และบริการต่าง ๆ
การศึกษาให้รอบด้านจะทำให้คุณตัดสินใจว่าลูกจะใช้อะไรได้บ้างได้ดียิ่งขึ้น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ที่มีพลังมาก มีพลังที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ของลูก ให้ข้อมูล ให้การศึกษา ส่งเสริมจินตนาการ และพัฒนาความคิดเด็กได้ดี เมื่อได้ใช้อย่างเหมาะสม
แล้วคุณให้ลูกเล่นสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตมากน้อยแค่ไหน? เชิญร่วมแชร์ความเห็นและข้อกังวลต่าง ๆ ได้ที่คอมเม้นท์ด้านล่างนี้เลย
ที่มา: Mashable
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!