ทารกกลืนน้ำคร่ำอันตรายไหม? รู้จัก ภาวะสำลักน้ำคร่ำ และวิธีดูแล

ทารกกลืนน้ำคร่ำอันตรายขึ้นอยู่กับสภาพน้ำคร่ำและปริมาณ หากมีขี้เทาปนจะเสี่ยงต่อการหายใจติดขัดและต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่อง ‘ทารกกลืนน้ำคร่ำ’ หรือ ‘สำลักขี้เทา’ ใช่ไหมคะ? บทความนี้จะชวนทำความเข้าใจว่า ทารกกลืนน้ำคร่ำอันตรายไหม? ภาวะสำลักน้ำคร่ำอันตรายแค่ไหน? เกิดขึ้นได้อย่างไร? และเมื่อเกิดแล้วจะมีวิธีดูแลอย่างไร รวมถึงเคล็ดลับลดความเสี่ยงภาวะสำลักน้ำคร่ำค่ะ

น้ำคร่ำคืออะไร?

น้ำคร่ำ คือ ของเหลวที่อยู่รอบตัวทารกในถุงน้ำคร่ำ ซึ่งเริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นการตั้งครรภ์ โดยมีบทบาทสำคัญหลายอย่าง เช่น

  • ช่วยให้ปอดทารกพัฒนาเต็มที่

  • การที่ทารกกลืนน้ำคร่ำช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหาร

  • เป็นพื้นที่ให้ทารกขยับตัว ส่งเสริมการเจริญของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท

  • ป้องกันการกดทับของสายสะดือ

  • ทำหน้าที่เหมือนเบาะกันกระแทก ลดการกระทบกระเทือนจากภายนอก

    Loading...
    You got lucky! We have no ad to show to you!
    ติดต่อโฆษณา
  • มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิด

ทารกกลืนน้ำคร่ำอันตรายไหม?

การกลืนน้ำคร่ำของทารก ไม่ใช่เรื่องอันตราย แต่เป็นพัฒนาการตามธรรมชาติ ทารกจะกลืนน้ำคร่ำประมาณ 500–1000 มิลลิลิตรต่อวัน เพื่อให้ระบบทางเดินอาหารทำงานและซ้อมการกลืน การหายใจ เมื่อคลอดออกมา ทารกจะสามารถปรับตัวและเริ่มหายใจเองได้ทันที [5]

ดังนั้น “ทารกกลืนน้ำคร่ำในครรภ์” ถือว่าเป็นกลไกที่ดีและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตค่ะ ต่างจากกรณี “ทารกสำลักน้ำคร่ำหลังคลอด” ซึ่งอาจเป็นอันตรายและต้องให้แพทย์ดูแลทันทีค่ะ

อาการ สำลักน้ำคร่ำ กับ สำลักขี้เทา เหมือนกันไหม?

สำลักน้ำคร่ำ กับ สำลักขี้เทา สองภาวะนี้ต่างกันแต่มีความสัมพันธ์กัน ดังนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • สำลักน้ำคร่ำ: หมายถึง ลูกกลืนน้ำคร่ำเข้าไป แต่อาจไม่มีขี้เทา
  • สำลักขี้เทา: หมายถึง น้ำคร่ำที่ปนขี้เทา ลูกจึงกลืนทั้งน้ำคร่ำและขี้เทา ซึ่งเรียกว่า ภาวะสูดสำลักขี้เทา (Meconium Aspiration Syndrome: MAS)

สำลักขี้เทา อันตรายกว่า สำลักน้ำคร่ำธรรมดา เพราะเนื้อขี้เทาจะเหนียว เคลือบทางเดินหายใจได้ง่ายกว่า ทำให้เกิดปอดอักเสบหรือติดเชื้อต่าง ๆ ได้[1]

ภาวะสำลักน้ำคร่ำ เกิดขึ้นได้อย่างไร อันตรายไหม?

น้ำคร่ำ คือของเหลวที่ห่อหุ้มและปกป้องทารกในครรภ์ ระหว่างการคลอด โดยเฉพาะการคลอดที่ยาวนาน ทารกบางรายอาจเผลอหายใจหรือกลืนน้ำคร่ำเข้าไป ถ้าน้ำคร่ำมีสิ่งเจือปนเช่น ขี้เทา (meconium) ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น[4]

หากน้ำคร่ำสะอาดและปริมาณไม่มาก ส่วนใหญ่ทารกจะไม่มีปัญหา แต่น้ำคร่ำที่ปนเปื้อนขี้เทาจะเสี่ยงต่อการอุดกั้นในปอด ทำให้หายใจติดขัด ออกซิเจนต่ำ หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อในปอดได้

เคยมีงานวิจัยระบุว่า โอกาสเกิด MAS จะพบได้สูงขึ้นในทารกที่อายุครรภ์มากกว่า 41 สัปดาห์ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีสัญญาณขาดออกซิเจนขณะคลอด[2]

ภาวะสูดสำลักขี้เทาในเด็กแรกเกิด

ขี้เทา คืออุจจาระแรกของทารก ลักษณะเหนียว หนืด สีเขียวเข้ม หรือดำปนเขียว ไม่มีแบคทีเรียหรือกลิ่นเหม็น หากลูกขับถ่ายขี้เทาภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังคลอด ไม่เป็นอันตราย แสดงว่าระบบลำไส้ทำงานเป็นปกติ แต่หากขี้เทาช้าหรืออุดตัน ควรปรึกษาแพทย์ทันที[2]

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

กรณีทารกขับถ่ายขี้เทาตั้งแต่ในครรภ์ หรือสำลักออกมาก่อนคลอด จำเป็นต้องเฝ้าระวัง ขี้เทาจะปนลงในน้ำคร่ำ หากทารกหายใจหรือกลืนน้ำคร่ำนี้ก็จะเข้าสู่ปอด และเกิดภาวะสำลักขี้เทาได้[2]

 

 

ทารกในครรภ์ สำลักขี้เทา ได้อย่างไร?

เมื่อทารกขาดออกซิเจนในขณะอยู่ในท้อง มักจะเคลื่อนไหวรุนแรงจนมีการขับขี้เทาออกมา ขี้เทาจะไปเจือน้ำคร่ำ และหากลูกเริ่มหายใจหรือกลืนน้ำคร่ำเข้าไปก่อนคลอด (ช่วงต้นของการคลอด หรือขณะเครียด) ก็มีโอกาสสำลักขี้เทาเข้าปอด[2] ผลที่ตามมาคือปอดอาจอักเสบ อุดกั้น หายใจลำบาก และผิวเด็กเขียวคล้ำจากการขาดออกซิเจน

สาเหตุของการสำลักขี้เทาในทารกแรกเกิด

  • ทารกเครียดขณะคลอด ทำให้ขับขี้เทาออกมาเร็ว
  • น้ำคร่ำปนเปื้อนสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรค
  • หายใจเอาน้ำคร่ำเข้าไปในขณะยังไม่คลอดสนิท

ผลกระทบของการสำลักขี้เทาในทารกแรกเกิด

  • อุดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้หายใจหอบ หายใจลำบาก
  • ผิวหนังเขียวคล้ำ (เพราะขาดออกซิเจน)
  • เสี่ยงหัวใจเต้นผิดปกติ
  • หากปอดติดเชื้อ หรือขาดออกซิเจนนาน อาจมีผลต่อสมอง[2]

ปัจจัยเสี่ยง ทารกสำลักขี้เทา

ภาวะสูดสำลักขี้เทา (Meconium Aspiration Syndrome: MAS) หรือภาวะที่ ทารกสำลักขี้เทาปนกับน้ำคร่ำเข้าไปในทางเดินหายใจ ถือเป็นหนึ่งในภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในห้องคลอด แม้จะฟังดูน่ากังวล แต่หากได้รับการเฝ้าระวังและดูแลโดยทีมแพทย์ โอกาสหายหรือฟื้นตัวมีสูง โดยเฉพาะในกรณีที่อาการไม่รุนแรง เด็กส่วนใหญ่ที่หายใจลำบากแต่ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ มักอาการดีขึ้นภายใน 7–10 วันค่ะ[3]

เคล็ดลับลดความเสี่ยง: ควรฝากครรภ์และตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพราะแพทย์จะสามารถประเมินปัจจัยเสี่ยงและดูแลคุณแม่อย่างใกล้ชิดได้ค่ะ

 

ลูกสำลักน้ำคร่ำและกลืนขี้เทา รักษาหายไหม?

หากได้รับการรักษาเร็ว และอยู่ในความดูแลของแพทย์ โอกาสฟื้นตัวมีสูง อาการไม่รุนแรง เช่น หายใจหอบแต่ยังตอบสนองดี มักหายภายใน 7-10 วัน[3] กรณีรุนแรงอาจต้องใส่ท่อช่วยหายใจหรือดูดเสมหะ ระยะเวลาฟื้นตัวต่างกันไปแล้วแต่ราย แต่มีเด็กจำนวนมากที่สามารถหายเป็นปกติได้ เนื่องจากปัจจุบันการแพทย์ก้าวหน้า โอกาสที่ลูกจะปลอดภัยมีมากกว่าที่คิดนะคะ

ไขข้อข้องใจกันแล้วนะคะ สำหรับคำถาม ทารกกลืนน้ำคร่ำอันตรายไหม? สรุปแล้ว ทารกกลืนน้ำคร่ำ มักไม่อันตรายหากไม่มีขี้เทาปน แต่ถ้าสำลักขี้เทาจะต้องได้รับการดูแลเฉพาะทางโดยทีมแพทย์ โอกาสฟื้นตัวสูงหากรักษาเร็ว การฝากครรภ์สม่ำเสมอ ช่วยลดความเสี่ยง หากคุณแม่หรือคุณพ่อมีความกังวลใจ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อความสบายใจของทุกคนในครอบครัวค่ะ

 

อ้างอิง:

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

[1] https://www.tiktok.com/@drnoonchannel/video/7172195508331547905

[2] https://www.pobpad.com/ขี้เทา-อุจจาระแรกของทาร

[3] https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=69

[4] https://www.youtube.com/watch?v=WQ4l26SJYUA

[5] https://th.theasianparent.com/baby-choking-meconium-in-womb

[6] https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/lecturestopics/topic-review/6822/

บทความโดย

theAsianparent Editor