การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตผู้หญิง ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ความรู้สึกกังวลใจ สับสน หรือเครียด เป็นสิ่งที่พบได้บ่อย แต่รู้หรือไม่ว่า ความเครียดของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์ อาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ หลายคนเชื่อว่า แม่เครียดตอนท้อง ลูกคลอดออกมาจะเลี้ยงยาก จริงไหม? บทความนี้จะพาคุณแม่ไปหาคำตอบ พร้อมทั้งไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความเครียดขณะตั้งครรภ์ และวิธีคลายเครียดสำหรับแม่ท้องค่ะ
สาเหตุที่ทำให้ แม่เครียดตอนท้อง
สาเหตุที่ทำให้แม่ท้องเครียดนั้นมีหลายปัจจัย ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน
ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนอย่างมาก เช่น ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและฮอร์โมนเอสโตรเจน การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อการทำงานของสมองและสารสื่อประสาท ทำให้คุณแม่อารมณ์แปรปรวนได้ง่ายขึ้น หงุดหงิดง่าย หรือรู้สึกเศร้าได้
2. การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
ร่างกายของคุณแม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ เช่น น้ำหนักเพิ่มขึ้น อาการแพ้ท้อง ปัสสาวะบ่อยขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้คุณแม่รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว และส่งผลต่ออารมณ์ได้
3. ความกังวลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก
คุณแม่หลายท่านมีความกังวลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก เช่น กลัวว่าจะดูแลลูกได้ไม่ดี กลัวลูกไม่แข็งแรง หรือกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูก ความกังวลเหล่านี้อาจทำให้คุณแม่รู้สึกเครียดและกดดันได้
4. ปัญหาครอบครัวและปัญหาการเงิน
ปัญหาความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว หรือปัญหาการเงิน ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณแม่รู้สึกเครียดได้ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความมั่นคงในชีวิต
5. การเปลี่ยนแปลงบทบาท
เมื่อมีลูก คุณแม่ต้องรับบทบาทใหม่ ซึ่งอาจต้องมีการปรับตัวทั้งในเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้คุณแม่รู้สึกกดดันและเครียดได้
6. การขาดการสนับสนุน
การขาดการสนับสนุนจากคนรอบข้าง เช่น สามี ครอบครัว หรือเพื่อน ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คุณแม่รู้สึกโดดเดี่ยวและเครียดได้
7. ความคาดหวัง
คุณแม่อาจมีความคาดหวังที่สูงเกี่ยวกับการเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกกดดันเมื่อไม่สามารถทำได้ตามที่คาดหวัง
8. ประสบการณ์ในอดีต
หากคุณแม่เคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ หรือการเลี้ยงลูกในอดีต ก็อาจทำให้รู้สึกกังวลและเครียดในการตั้งครรภ์ครั้งใหม่
9. การรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากเกินไป
ในยุคปัจจุบันมีข้อมูลข่าวสารมากมายเกี่ยวกับ การตั้งครรภ์และการเลี้ยงลูก ซึ่งอาจทำให้คุณแม่สับสนและกังวลได้
10. การพักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ส่งผลต่ออารมณ์และทำให้คุณแม่รู้สึกเครียดได้
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลให้คุณแม่เครียดได้ เช่น สภาพแวดล้อมในการทำงาน ปัญหาสุขภาพ หรือเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในชีวิต หากคุณแม่รู้สึกเครียดมากเกินไป ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำและการช่วยเหลือ

แม่เครียดตอนท้อง ส่งผลเสียอย่างไร
ความเครียดของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพกายและใจของคุณแม่เองแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ได้อีกด้วย
-
แม่เครียดตอนท้อง ผลกระทบต่อคุณแม่
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์เกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีน ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ดังนี้
|
ด้านร่างกาย
|
ด้านจิตใจ
|
- ทานอาหารไม่ได้ หรือทานได้มากกว่าปกติ นำไปสู่ภาวะน้ำหนักเกินหรือขาดสารอาหาร
|
|
|
- อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
|
|
|
|
- ไม่รู้สึกผูกพันกับลูกในท้อง
|
- ภูมิต้านทานต่ำลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ
|
|
- ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว
|
|
|
|
-
แม่เครียดตอนท้อง ผลกระทบต่อลูกในครรภ์
ฮอร์โมนความเครียดที่หลั่งออกมาจากแม่ สามารถผ่านทางรกไปยังลูกน้อย ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของลูกได้ ดังนี้
|
ระยะสั้น
|
ระยะยาว
|
- เสี่ยงต่อการแท้ง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก
|
- พัฒนาการทางสมองและพฤติกรรมล่าช้า เช่น สมาธิสั้น
|
- ทารกมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์
|
- มีปัญหาทางอารมณ์ เช่น ก้าวร้าว วิตกกังวล ซึมเศร้า
|
|
- เสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ภูมิแพ้
|
- มีปัญหาในการปรับตัวหลังคลอด เช่น งอแง ร้องไห้บ่อย
|
|
จะเห็นได้ว่า ความเครียดของคุณแม่ตั้งครรภ์ส่งผลกระทบต่อทั้งแม่และลูกน้อยในครรภ์อย่างมาก ดังนั้น คุณแม่ท้องควรดูแลสุขภาพกายและใจให้ดี เพื่อให้ทั้งแม่และลูกมีสุขภาพแข็งแรงค่ะ

ความเชื่อ vs. ความจริง แม่เครียดตอนท้อง ลูกเลี้ยงยากจริงหรือ?
ความเชื่อ: มีหลายความเชื่อที่เชื่อมโยงความเครียดของแม่ระหว่างตั้งครรภ์กับพฤติกรรมของลูกหลังคลอด เช่น
- ลูกเลี้ยงยาก: เชื่อว่าถ้าแม่เครียดตอนท้อง ลูกจะงอแง ร้องไห้โยเย นอนหลับยาก และควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
- พัฒนาการช้า: เชื่อว่าความเครียดของแม่จะส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของลูก ทำให้ลูกพูดช้า เดินช้า หรือมีปัญหาในการเรียนรู้
- นิสัยก้าวร้าว: เชื่อว่าลูกจะมีแนวโน้มก้าวร้าว หงุดหงิดง่าย และควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
ความจริง: งานวิจัยทางการแพทย์พบว่า ความเครียดของแม่ระหว่างตั้งครรภ์ อาจ ส่งผลต่อลูกได้จริง แต่ ไม่ใช่ ปัจจัยเดียวที่ทำให้ลูกเลี้ยงยาก
- ระดับความเครียด: ความเครียดระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง อาจไม่ส่งผลกระทบต่อลูกมากนัก แต่ความเครียดเรื้อรัง ความเครียดรุนแรง หรือภาวะซึมเศร้า อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาพัฒนาการและพฤติกรรมของลูกได้
- ปัจจัยอื่นๆ: มีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก เช่น พันธุกรรม สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู และการได้รับการกระตุ้น
- พัฒนาการเด็ก: เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน การที่เด็กงอแง ร้องไห้ หรือมีพัฒนาการบางด้านช้า อาจไม่ได้เกิดจากความเครียดของแม่เพียงอย่างเดียว
วิธีจัดการความเครียดขณะตั้งครรภ์
เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีของทั้งคุณแม่และลูกน้อย มาดูวิธีคลายเครียดที่คุณแม่ท้องสามารถทำได้ง่ายๆ กันค่ะ
-
ผ่อนคลายด้วยกิจกรรมที่ชอบ
- พักผ่อน หาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน งีบหลับในช่วงกลางวัน หากรู้สึกเหนื่อยล้า
- กิจกรรมที่ผ่อนคลาย ทำกิจกรรมที่ชอบและช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ ทำสวน เย็บปักถักร้อย วาดรูป เล่นโยคะ หรือฝึกสมาธิ
- กิจกรรมใหม่ๆ ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ ที่สนใจ เช่น เรียนทำอาหาร เรียนภาษา หรือเข้าร่วมกลุ่มกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างสีสันและความสุขให้กับชีวิต
-
พูดคุยกับคนใกล้ชิด
- ระบายความรู้สึก พูดคุยกับคนใกล้ชิดที่ไว้ใจได้ เช่น สามี ครอบครัว เพื่อนสนิท เพื่อระบายความรู้สึก ความกังวล และความเครียด การได้แบ่งปันจะช่วยให้รู้สึกสบายใจขึ้น
- เข้าร่วมกลุ่มสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หากรู้สึกเครียดมาก หรือมีปัญหาที่ไม่สามารถจัดการได้เอง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา จิตแพทย์ หรือที่ปรึกษา เพื่อรับคำแนะนำและการช่วยเหลือ
-
สร้างสัมพันธ์กับลูกน้อย
- สัมผัส ลูบท้องบ่อยๆ พูดคุยกับลูกน้อยในครรภ์ ร้องเพลง หรืออ่านนิทานให้ลูกฟัง เพื่อสร้างความผูกพันและความรู้สึกใกล้ชิด
- จินตนาการถึงลูกน้อย นึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขร่วมกัน เพื่อสร้างความรู้สึกบวกและลดความเครียด
-
ดูแลตัวเอง
- โภชนาการ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ และหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
- ออกกำลังกาย ออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดิน ว่ายน้ำ โยคะ หรือกายบริหาร เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดี
- ผ่อนคลาย ฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การหายใจลึกๆ หรือนั่งสมาธิ เพื่อลดความตึงเครียดของร่างกายและจิตใจ
-
คิดบวก มองโลกในแง่ดี
ฝึกคิดบวก มองโลกในแง่ดี มองหาสิ่งดีๆ รอบตัว และขอบคุณสิ่งที่มี ในขณะเดียวกันก็ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งทางร่างกายและจิตใจ และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง และให้รางวัลตัวเองเมื่อบรรลุเป้าหมาย เพื่อสร้างแรงจูงใจและความรู้สึกภาคภูมิใจ
-
ฝึกสมาธิ
การนั่งสมาธิ ช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย และมีสติ ส่งผลดีต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อย ช่วยให้ลูกน้อยในครรภ์ได้รับความสงบ และส่งเสริมพัฒนาการที่ดีทั้งทางสมองและจิตใจ
ความเครียดของแม่ระหว่างตั้งครรภ์ อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ทำให้ลูกเลี้ยงยาก แต่ไม่ใช่สาเหตุเดียว และไม่ใช่ทุกกรณีนะคะ คุณแม่ลองนำวิธีจัดการความเครียดต่างๆ เหล่านี้ไปปรับใช้ และหาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อให้ช่วงเวลาแห่งการตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่สวยงามและมีความสุขนะคะ
ที่มา : โรงพยาบาลพญาไท , โรงพยาบาลบางปะกอก
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
คนท้องกินอีโนได้ไหม ลมในท้องเยอะ อาหารไม่ย่อย คนท้องควรทำอย่างไร
นวดคนท้อง ที่ไหนดี 10 พิกัด ที่นวดคนท้อง ปี 2568
สรุป! อาการตั้งครรภ์ แต่ละสัปดาห์ และพัฒนาการลูกน้อยตลอด 40 สัปดาห์
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!