X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

แพ้น้ำอสุจิ โรคภูมิแพ้ที่ผู้หญิงไม่อยากเป็น แล้วมีลูกได้ไหม

บทความ 5 นาที
แพ้น้ำอสุจิ โรคภูมิแพ้ที่ผู้หญิงไม่อยากเป็น แล้วมีลูกได้ไหม

แพ้น้ำอสุจิ หรือโรคภูมิแพ้น้ำอสุจิ ปัญหาที่ผู้หญิงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคู่ของตัวเอง แน่นอนว่ากิจกรรมร่วมรักของคุณต้องสะดุดลงทันที ทราบหรือไม่ว่า โรคแพ้น้ำอสุจิ ไม่ใช่โรคใหม่หรือโรคประหลาด แต่กลับพบในผู้หญิงจำนวนไม่น้อย ซึ่งบางคนแสดงอาการและไม่แสดงอาการ สงสัยกันใช่ไหมล่ะ? ว่าถ้าร่วมรักกับสามีแล้วเกิดแพ้น้ำอสุจิขึ้นมาจะแก้ปัญหาอย่างไร แล้วสามารถมีลูกได้หรือไม่

แพ้น้ำอสุจิ

แพ้น้ำอสุจิ มีสาเหตุมาจากอะไร และพบมากในผู้หญิงหรือผู้ชาย

โรคภูมิแพ้น้ำอสุจิ นั้นไม่ใช่โรคร้ายแรงแต่ก็ไม่มีสาวๆ คนไหนอยากเป็นแน่นอน เพราะไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กับคนรักได้อย่างปกติ ต้องคอยระวังร่างกายว่าจะเกิดอาการแพ้ ทำให้ชั่วโมงแห่งรักนั้นต้องสะดุด หรือไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อีกเลย ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การแพ้น้ำอสุจินั้นมาจากที่ร่างกายของคนคนนั้นแพ้โปรตีน ซึ่งผู้ชายก็สามารถเกิดอาการนี้ได้ เรียกว่าเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิง

1. แพ้โปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในน้ำอสุจิ

จากที่เราเคยทราบว่า น้ำอสุจิก็คือโปรตีน ดังนั้น บางคนที่มีอาการแพ้โปรตีนอยู่แล้วก็สามารถแพ้น้ำอสุจิได้อย่างไม่น่าสงสัย โดยอาการจะเกิดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ 2-3 นาที โดยเฉพาะผู้หญิงจะมีอาการแสบๆ คันๆ ยิบๆ บริเวณปากช่องคลอด หรือถ้าหากมีอาการแพ้มากจะเกิดผื่นแดงขึ้นทั่วร่างกาย ในบางรายนั้นแพ้ขั้นรุนแรงจนถึงขั้นส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจได้ด้วย

2. เปลี่ยนคู่นอนบ่อย เสี่ยงต่อการแพ้น้ำอสุจิได้

แพ้น้ำอสุจิไม่ได้เกิดจากการที่คุณแพ้โปรตีนอย่างเดียว แต่ถ้าหากคุณมีความสัมพันธ์ทางเพศกับหลายคน จะเปลี่ยนชาย หรือเปลี่ยนหญิง ทั้งนี้ในกรณีเปลี่ยนคู่นอนก็มีผลต่ออาการแพ้เช่นกัน เพราะในน้ำอสุจิของแต่ละคนมีสารแอนติเจนที่ไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของผู้ที่ได้รับแตกต่างกัน ดังนั้นบางครั้งการร่วมหลับนอนกับคนหนึ่งอาจเกิดอาการแพ้ ในขณะที่การร่วมหลับนอนกับอีกคนหนึ่งอาจไม่เกิดอาการแพ้ก็ได้

3. แพ้น้ำอสุจิตัวเอง มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง

อาการแพ้น้ำอสุจินั้น ผู้ชายก็สามารถน้ำอสุจิตัวเองได้เช่นกัน ซึ่งอาการนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีการหลั่งน้ำอสุจิผ่านบริเวณท่อปัสสาวะ โดยอาการของผู้ชายที่แพ้น้ำอสุจิจะมีอาการปวดเมื่อย ไข้หวัด มีน้ำมูก ไข้ขึ้น เป็นต้น บางคนคิดว่าตัวเองเป็นไข้จึงแค่กินยาพาราเซตามอลเท่านั้น ซึ่งควรสังเกตอาการตัวเองให้ดี แล้วรีบปรึกาษแพทย์ทันที

4. แพ้อสุจิจากภูมิคุ้มกันตัวเองอ่อนแอ

ไม่ว่าชายหรือหญิง สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้น้ำอสุจินั้น ก็ใช่ว่าจะเกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นกับผู้ชายทุกคน เพราะในน้ำอสุจิของแต่ละคนนั้นมีสารที่จะไปกระตุ้นอาการแพ้มากน้อยแตกต่างกันไป หมายความว่าการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้แล้วเกิดอาการแพ้ แต่พอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายอีกคนแล้วอาจไม่เกิดอาการแพ้ก็ได้ ขณะเดียวกัน ผู้ชายบางคนก็อาจมีอาการแพ้น้ำอสุจิของตัวเองด้วยได้เหมือนกัน และจะเกิดอาการทุกครั้งที่หลั่งน้ำออกมา

 

อาการของโรคแพ้น้ำอสุจิที่เห็นได้ชัด

อาการของโรคแพ้น้ำอสุจิ นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับอาการภูมิแพ้หลายๆ อย่างที่พวกเราอาจเคยเห็นกัน โดยอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นภายใน 20 นาทีหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ หรือการสัมผัสกับน้ำอสุจิผ่านทางผิวหนัง ปาก และอื่นๆ ก็ด้วย ซึ่งอาการเบื้องต้นที่สังเกตเห็นได้ง่ายก็คือ

  • มีผื่นแดงขึ้นตามตัวหรือตรงบริเวณปากช่องคลอด ให้ผู้หญิงสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเกิดจากการแพ้น้ำอสุจิ อย่าเพิ่งกลืนกินหรือสัมผัสด้วยปาก อาการคันและผื่นแดงอาจลามไปทั่วใบหน้า ลำคอ จนเกิดอาการอักเสบได้
  • ปวดเมื่อยเนื้อตัวทั้งผู้ชายและผู้หญิงอาจคิดว่า ทำกิจกรรมร่วมรักมากเกินไปจนเกิดอาการปวดเมื่อยคล้ายออกกำลังกายมา ซึ่งก็อาจเป็นได้ แต่อย่าลืมว่า โรคภูมิแพ้น้ำอสุจิก็มีอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ มีอาการปวดเมื่อย ปวดหัว เหมือนจะไข้ขึ้นเช่นกัน
  • รู้สึกแสบคันบริเวณที่สัมผัสกับน้ำอสุจิ อย่างที่กล่าวไปว่า เนื้อเยื่ออ่อนๆ ภายในอาจมีการแพ้โปรตีนอยู่แล้ว เมื่อสัมผัสกับน้ำอสุจิ ทางปาก ลำคอ ช่องคลอด ย่อมเกิดอาการแพ้ได้ง่าย
  • มีอาการบวมตรงบริเวณต่างๆ มักพบเห็นได้บ่อยจากคนที่เป้นภูมิแพ้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแพ้อาหาร แพ้ยา แพ้ขนสัตว์ จะเกิดอาการแสบๆ คันๆ มีอาการปวด หลังร่วมเพศเสร็จลองสังเกตดูร่างกายตัวเองว่า มีอาการบวมหรือไม่ นั่นให้สันนิษฐานก่อนว่า แพ้น้ำอสุจิ ไม่ใช่การแพ้โซเดียมหรืออาการบวมน้ำแน่นอน

ทั้งนี้หากว่าอาการแพ้รุนแรงมากๆ แล้ว อาจส่งผลทำให้ไข้ขึ้นสูง รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ลิ้นบวม กระทบกับระบบทางเดินหายใจ หายใจติดขัด ซึ่งในกรณีเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน

บทความที่เกี่ยวข้อง: 8 ภูมิแพ้สุดแปลก !!! สิ่งของธรรมดา อาจทำให้คุณแพ้ได้

โรคแพ้น้ำอสุจิ เกิดจากอะไร

ผู้หญิงแพ้น้ำอสุจิแล้วจะตั้งครรภ์ได้หรือไม่

เมื่อมีเพศสัมพันธ์แล้วผู้หญิงมีอาการแพ้ หรือทราบว่าเป็นโรคภูมิแพ้อสุจิ ถ้าอย่างนั้น จะสามารถตั้งครรภ์ได้หรือไม่ แม้ว่าอาการแพ้นั้นไม่ได้ไปรบกวนต่อการปฏิสนธิแต่อย่างใด เมื่ออสุจิวิ่งเข้าไปแล้วจึงสามารถตั้งครรภ์ได้ตามปกติ เพียงแต่อาการแพ้มันส่งผลกระทบต่อการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้นเอง แต่หากผู้หญิงคนไหนไม่ห่วงว่าต้องมีเพศสัมพันธ์เพื่อการตั้งครรภ์เสมอไป แพทย์ก็อาจแนะนำตัวเลือกอื่นๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น การทำเด็กหลอดแก้ว เป็นต้น สรุปได้ว่า ถึงแม้ว่าคุณแม่หรือผู้หญิงเกิดอาการแพ้น้ำอสุจิก็สามารถตั้งครรภ์ได้ เพราะน้ำอสุจิไม่มีผลกระทบต่อการปฏิสนธิเพียงแค่ จะเกิดอาการแพ้ภายนอกเท่านั้นเอง

วิธีการป้องกันโรคภูมิแพ้น้ำอสุจิ สามารถทำได้หลายวิธี

  1. เวลาทำกิจกรรมรักร่วมกัน ทั้งสามีภรรยา หรือคู่รักต้องตกลงกันว่า ให้ผู้ชายหลั่งน้ำอสุจิข้างนอก และต้องไปรดผิวหนังของฝายตรงข้าม หรือให้คู่รักของคุณสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งระหว่างมีเพศสัมพันธ์ เพ่อป้องกันการแพ้ในผู้หญิง หรือหากเป็นคู่รักเพศเดียวกันแต่มีอาการแพ้ของคนใดคนหนึ่งก็ควรสวมถุงยางอนามัยเช่นกัน
  2. ตกลงกันก่อนทำกิจกรรมรักว่า ให้ผู้ชายใช้วิธีการหลั่งน้ำอสุจิภายนอก ตรงนี้ฝ่ายชายต้องมีความอดทนอดกลั้น และต้องนึกถึงสุขภาพของผู้ที่ร่วมรักเป็นสำคัญว่า อีกฝ่ายหนึ่งเป็นโรคภูมิแพ้น้ำอสุจิ ดังนั้นเมื่อถึงจุดสุดยอดแล้ว ฝ่ายชายควรรีบนำเอาอวัยวะเพศชายหลั่งข้างนอกในกรณีที่ไม่อยากสวมถุงยางอนามัย
  3. ตอนนี้มีถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง ซึ่งการสวมถุงยางอนามัยมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ป้องกันการตั้งครรภ์ ป้องกันโรคติดต่อจากคู่รัก หรือป้องกันโรคภูมิแพ้น้ำอสุจิที่ตัวเองเป็น การพกถุงยางอนามัยเอง มีประโยชน์สำหรับผู้หญิงมากๆ ในกรณีที่ผู้ชายมักจะลืม หรือไม่ชอบสวม ผู้หญิงก็สวมเสียเอง
  4. สังเกตอาการแพ้น้ำอสุจิ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่แพ้น้ำอสุจิ ลองสังเกตว่าอาการแพ้เหล่านั้นเกิดจากการใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ ในบางคนอาจแพ้โปรตีนหรือสารหล่อลื่น วิธีนี้แก้ไขได้โดยการเปลี่ยนชนิดถุงยางอนามัย
  5. หากคุณผู้หญิงหรือผู้ชายคนใดมีอาการแบบข้างต้นที่กล่าวมา หรือไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้น้ำอสุจิหรือไม่ แนะนำให้ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการวินิจฉัยโรคและรักษา เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของตัวคุณเอง

 

แพ้น้ำอสุจิระวังปากมดลูกอักเสบ

นอกจากอาการแพ้น้ำอสุจิจะสร้างความรำคาญใจระหว่างมีเพศสัมพันธ์แล้ว ผู้หญิงควรระวังไว้อย่างหนึ่งคือ การแพ้น้ำอสุจิอาจนำไปสู่โรคปากมดลูกอักเสบได้ ซึ่งภาวะปากมดลูกอักเสบมักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ โดยอาการที่พบจะรุนแรงและพบได้บ่อย มักเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม โรคเริมที่อวัยวะเพศ การติดเชื้อทริโคโมแนส เป็นต้น

นอกจากนี้ ภาวะปากมดลูกอักเสบอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่นๆ ด้วยดังนี้

  • ผู้หญิงอาจแพ้สารเคมีในยาฆ่าเชื้ออสุจิที่ใช้สวนล้างช่องคลอดจากวิธีคุมกำเนิดชนิดหนึ่ง รวมถึงแพ้ยางจากถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ระงับกลิ่นหรือใช้สวนล้างช่องคลอด
  • ช่องคลอดมีการระคายเคืองจากผ้าอนามัยแบบสอดเครื่องมือคุมกำเนิดอย่างหมวกครอบปากมดลูก หรืออุปกรณ์ที่ใช้สอดเข้าไปในช่องคลอดเพื่อช่วยพยุงอวัยวะในอุ้งเชิงกรานที่หย่อนตัว
  • ผู้หญิงมีฮอร์โมนในร่างกายที่ขาดสมดุล เช่น มีฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือโปรเจสเตอโรนสูงเกินไป เป็นต้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอดได้
  • ผู้หญิงมีความไม่สมดุลของเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย เนื่องจากมีแบคทีเรียชนิดที่ไม่ดีที่เป็นอันตรายมากเกินไป จึงทำปฏิกิริยาทางปากมดลูกทำให้เกิดอาการอักเสบจนต้องไปพบแพทย์
  • สาเหตุนี้ลุกลามมาจากการที่เป็นโรคมะเร็งหรือรับการรักษามะเร็งด้วยวิธีฉายรังสี ซึ่งอาจทำให้บริเวณปากมดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลง และทำให้เกิดอาการปากมดลูกอักเสบตามมาได้

บทความที่เกี่ยวข้อง: ควรทำอย่างไรดีเมื่อ ช่องคลอดติดเชื้อ ระหว่างช่วงตั้งครรภ์

โรคแพ้น้ำอสุจิ เกิดจากอะไร

การรักษาปากมดลูกอักเสบ

เมื่อเกิดอาการอักเสบบริเวณปากมดลูก ไม่ว่าจะแพ้น้ำอสุจิหรือเหตุผลใดๆ ก็ตาม ผู้หญิงเราต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุทันที แพทย์จะรักษาโดยพิจารณาจากอาการและความรุนแรง ประวัติสุขภาพของผู้ป่วย และสาเหตุของภาวะปากมดลูกอักเสบ โดยมีวิธีรักษา ดังนี้

  • แพทย์จะสั่งหยุดใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิดที่เป็นสาเหตุของการระคายเคืองเช่น หยุดมีเพศสัมพันธ์ หรือโดนน้ำอสุจิ หยุดใช้ผ้าอนามัยแบบสอด อุปกรณ์พยุงช่องคลอด หมวกครอบปากมดลูก เป็นต้น
  • แพทย์จะใช้ยารักษาอาการอักเสบของปากมดลูกซึ่งหากภาวะปากมดลูกอักเสบเกิดจากการติดเชื้อ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ ยาต้านเชื้อรา หรือยาต้านไวรัส ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อที่เป็นสาเหตุ เพื่อป้องกันเชื้อแพร่กระจายไปสู่มดลูกและปีกมดลูก และป้องกันการติดเชื้อของทารกในกรณีที่ผู้ป่วยตั้งครรภ์
  • สำหรับผู้หญิงที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างโรคหนองในแท้หรือโรคหนองในเทียม แพทย์จะแนะนำให้คู่ของผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วย ตรงนี้อาจเช็คว่าทั้งคู่มีอาการแพ้น้ำอสุจิร่วมด้วยหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดการติดเชื้ออีกครั้ง ซึ่งผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหายดี และจะต้องมาตรวจอาการซ้ำอีกรอบเพื่อยืนยันผล ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคเริมบริเวณอวัยวะเพศ อาจได้รับยาต้านไวรัสเพื่อช่วยบรรเทาอาการช่องคลอดอักเสบ แต่จะไม่สามารถรักษาโรคเริมให้หายขาดได้
  • การแพทย์สมัยใหม่มีการผ่าตัดด้วยความเย็นซึ่งสามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่ปากมดลูกอักเสบจากโรคมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งในระยะเริ่มต้น โดยแพทย์จะใช้ความเย็นจัดเพื่อทำลายเซลล์ที่ผิดปกติในปากมดลูก หรืออาจใช้สารซิลเวอร์ไนเตรทเพื่อช่วยทำลายเซลล์ที่ผิดปกติด้วย

 

การป้องกันภาวะปากมดลูกอักเสบ ที่เกิดจากการแพ้น้ำอสุจิหรือโรคทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ

  • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันการเกิดภาวะปากมดลูกอักเสบจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ โดยควรใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ
  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อช่องคลอด เช่น น้ำยาสวนล้างช่องคลอด ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องคลอด หากจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่ใส่เข้าไปในช่องคลอด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งาน อย่างการใส่ การถอด และการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี
  • ต้องอยู่ในการควบคุมอาการป่วยผู้ป่วยโรคเบาหวานควรควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะปากมดลูกอักเสบ

 

สำหรับแนวทางการรักษาโรคภูมิแพ้น้ำอสุจินั้นอย่างที่เราทราบกันดีว่าอาการภูมิแพ้นั้นยังไม่มีแนวทางการรักษาที่หายขาด เพราะฉะนั้นอาการในลักษณะนี้จึงทำได้เพียงแค่บรรเทาให้กลับมาเป็นปกติด้วยการกินยาหรือฉีดวัคซีนเท่านั้นเอง

 

บทความที่น่าสนใจ

มีใครอยากอสุจิแข็งแรงบ้าง? วิธีทําให้น้ําอสุจิออกเยอะๆ วิธีบำรุงสเปิร์ม

วิธีใส่ถุงยางอนามัย ข้อควรระวังในการใส่ถุงยางอนามัย ถุงยางอนามัยป้องกันอะไรได้บ้าง

เลือก ถุงยางอนามัย อย่างไร ถึงจะเจอในแบบที่ใช่สำหรับคุณ

ที่มา: catdumb , issm , sanook

บทความจากพันธมิตร
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
การมีสติ ฉบับเด็ก ๆ เป็นอย่างไร ฝึกลูกให้มีสติ ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ส่งเสริมพัฒนาการเด็กยุคใหม่ด้วย ทักษะ Executive Function
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
ปี 2567 เด็กป่วยด้วยโรคอะไร? LUMA แบ่งปันสถิติให้เข้าใจมากขึ้น
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023
Value Health (Kids) ประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อย เจ้าของรางวัล Most Promising จากเวที TAP Awards 2023

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Chatchadaporn Chuichan

  • หน้าแรก
  • /
  • ชีวิตครอบครัว
  • /
  • แพ้น้ำอสุจิ โรคภูมิแพ้ที่ผู้หญิงไม่อยากเป็น แล้วมีลูกได้ไหม
แชร์ :
  • เลี้ยงลูกแบบเทวดา เท่ากับ ทำร้ายลูกแบบซาตาน

    เลี้ยงลูกแบบเทวดา เท่ากับ ทำร้ายลูกแบบซาตาน

  • ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหา เพราะโตมาในบ้านที่ไม่มีใคร "กอด" กันเลย

    ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหา เพราะโตมาในบ้านที่ไม่มีใคร "กอด" กันเลย

  • รวมสูตรลับสุดฮา (แต่ได้ผล!) 9 วิธีหลอกลูกให้กินผัก โดยไม่ร้องไห้

    รวมสูตรลับสุดฮา (แต่ได้ผล!) 9 วิธีหลอกลูกให้กินผัก โดยไม่ร้องไห้

  • เลี้ยงลูกแบบเทวดา เท่ากับ ทำร้ายลูกแบบซาตาน

    เลี้ยงลูกแบบเทวดา เท่ากับ ทำร้ายลูกแบบซาตาน

  • ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหา เพราะโตมาในบ้านที่ไม่มีใคร "กอด" กันเลย

    ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหา เพราะโตมาในบ้านที่ไม่มีใคร "กอด" กันเลย

  • รวมสูตรลับสุดฮา (แต่ได้ผล!) 9 วิธีหลอกลูกให้กินผัก โดยไม่ร้องไห้

    รวมสูตรลับสุดฮา (แต่ได้ผล!) 9 วิธีหลอกลูกให้กินผัก โดยไม่ร้องไห้

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว