ของกินหน้าโรงเรียน
เรื่องต้องระวังจากของกินหน้าโรงเรียน ตอนที่ 2
หลังเลิกเรียน ระหว่างที่ ลูก รอ คุณ ไปรับก็อาจจะหิว เลยหาอะไรรองท้องกินเล่น ๆ ปัญหา คือ อาหาร ที่ ขายบางอย่าง ก็ไม่ปลอดภัย คุณจึงต้องสอนลูก ให้รู้จัก การเลือกกิน ของดีมีประโยชน์ หรือ ระมัดระวังอันตราย สำหรับ ตอนที่ 2 ขอกล่าวถึง อันตรายจาก สารพัดยำ และ อะไร หวาน ๆ ทั้งหลาย
1) ยำต่าง ๆ
เมนู ยำ ถ้วยเล็ก ๆ ก็เป็น ของขึ้นชื่อ ทั้ง ยำเส้นหมี่ ยำกุนเชียง ยำลูกชิ้น แล้วแต่ จะสรรหา แต่ สิ่งที่ คุณต้องสอนลูกให้ระวังคือ การกินของเผ็ดอาจจะถูกปาก แซ่บลิ้น แต่ถ้าไม่สะอาด ของที่ใช้ยำไม่สด ก็อาจท้องเสียกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูร้อนที่อาหารจะบูดเสียได้ง่ายกว่าปกติ (อันที่จริงประเทศไทยก็ร้อนตลอดปี) บางเจ้าก็ทำยำเอาใจคนกิน ใส่เค็มจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ อีกเรื่องที่ต้องระวังคือบางร้านอาจใช้น้ำมะนาวเทียมแทนการใส่บีบน้ำมะนาวสด ๆ ใส่ลงในยำเพื่อความสะดวกและประหยัด แต่น้ำมะนาวเทียมที่ไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้ท้องเสียหรือไประคายเคืองหลอดอาหารได้
ศึกษาเพิ่มเติมจาก เอกสารข่าวกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กับผลการตรวจสอบมาตรฐานน้ำมะนาวเทียม https://www.dmsc.moph.go.th/dmsc/?p=2547
2) ขนมและของหวาน
ขนมหลาย ๆ ชนิดมีน้ำตาลประกอบอยู่ด้วยในปริมาณที่มากกว่าเราคิดไว้ เด็ก ๆ โดยปกติก็ชอบของหวานกันอยู่แล้ว เช่น ขนมปังปิ้งราดนมข้นและน้ำตาล เครปไส้แยมต่าง ๆ เจอของหวานเข้าไปเต็ม ๆ แบบนี้เด็ก ๆ จะติดหวานและอ้วนกันได้ง่าย ๆ ถ้ากินเข้าแล้วไม่ได้วิ่งเล่นออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญออกอย่างเหมาะสม สอนลูกให้เลือกกินและอย่ากินบ่อยก็แล้วกัน
สาเหตุโรคอ้วนในเด็ก
3) เครื่องดื่ม
เครื่องดื่มหลาย ๆ ชนิดมีน้ำตาลซ่อนอยู่ ตั้งแต่น้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำชา น้ำสมุนไพร ส่วนกาแฟ โกโก้ ที่ชงกันสด ๆ ก็มีใส่นม ใส่นมข้น และน้ำตาลเพิ่มในปริมาณที่น่าตกใจ บางคนบอกว่าไม่หวานก็ไม่อร่อย แต่นี่เป็นเหมือนภัยร้ายต่อสุขภาพโดยแท้ คุณต้องสอนลูกให้หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอุดมน้ำตาลเหล่านี้ หรือสอนให้บอกคนขายว่า “ไม่ใส่น้ำตาล” หรือ “ไม่หวาน” ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ การให้ลูกดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ แต่ต้องเป็นน้ำผลไม้แบบ 100% และไม่ใส่น้ำตาลเพิ่มนะ
ศึกษาเพิ่มเติมจาก บทความคำเตือนเรื่องเครื่องดื่มที่ไม่เหมาะกับเด็ก
อันตรายจากกินอาหารไม่สะอาด มีสารพิษเจือปนอยู่มาก ก็จะเกิดอันตรายต่อร่างกายทั้งระยะสั้นหรือเฉียบพลัน และระยะยาวหรือเรื้อรังได้ โดยจะเกิดเป็นโรคต่างๆ ตามมาอีกมากเช่นกัน เช่น โรคอุจจาระ ร่วงอย่างแรง โรคอาหารเป็นพิษต่างๆ ตลอดจนการเกิดโรคเรื้อรังที่ยากในการรักษาให้หายได้ ตัวอย่างเช่นโรคมะเร็งที่ได้ทำลายชีวิตมนุษย์มามากมาย และต้องใช้ทรัพยากรมากมายในการรักษา แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาได้เท่าใดนัก ซึ่งจะได้กล่าวในรายละเอียดถึงสา เหตุของปัญหาและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนการป้องกันแก้ไขต่อไป
ปัญหาพิษภัยในอาหาร
การกินอาหารที่สกปรกมีสารพิษเจือปนก็จะเกิดพิษภัยต่อร่างกายได้ โดยอาจแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ
ลักษณะที่ 1 การเกิดพิษภัยแบบเฉียบพลัน (Acute toxicity) หมายถึงการได้รับสิ่งเป็นพิษร้ายแรง และเป็นจำนวนมากในครั้งเดียว จากอาหารที่สกปรกมากๆ หรือมีสารพิษปนเปื้อนระดับสูง ก็ จะเกิดอาการพิษให้เห็นภายในระยะเวลาสั้นๆ อาจจะเกิดทันทีที่กินอาหาร หรือภายหลังกินอาหารเล็กน้อย ระยะเวลาเป็นชั่วโมงหรือ เพียงไม่กี่วัน เช่น กินขนมจีนนํ้ายาแล้วท้องร่วงอย่างแรงภายใน 2-3 ชั่วโมง เพราะขนมจีนน้ำยานั้นมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่มาก หรือดื่มนํ้าหวานที่ปนเปื้อนด้วยยาฆ่าแมลง เป็นต้น
ลักษณะที่ 2 การเกิดพิษภัยแบบเรื้อรัง (chronic poisoning) อันตรายที่เกิดขึ้นนั้นจะใช้เวลานานหลังจากกินอาหารที่ปนเปื้อนด้วยสารพิษบางอย่างแล้ว บางครั้งอาจใช้เวลานานมาก เช่น การเกิดมะเร็งจากการกินอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง (carcinogens) ปนเปื้อนอยู่ กว่าจะแสดงอาการมะเร็งให้เห็น อาจใช้เวลานานหลายปี จนเราไม่สามารถย้อนกลับไปค้นหาสาเหตุได้ว่ามันเกิดมากจากการกินอาหารอะไรแน่ และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว เป็นการยาก เหลือเกินที่จะรักษาให้หายเป็นปกติได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเป็น มะเร็งขั้นรุนแรงแล้ว
ติดตาม เรื่องต้องระวังจาก ของกินหน้าโรงเรียน ตอนที่ 3 เร็ว ๆ นี้
เรื่องต้องระวังจากของกินหน้าโรงเรียน ตอนที่ 1
ลูกชอบทานอาหารขยะ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!