โรครูมาตอยด์ หรือ ที่บางคนเรียกกันว่า โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคที่ยังไม่มีสาเหตุ และที่มาอย่างแน่ชัด บทความนี้ จะพามาทำความรู้จักกับโรค เพื่อให้ผู้อ่าน ได้รับความรู้ และสาระดี ๆ เกี่ยวกับโรคนี้กัน
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ คืออะไร?
โรครูมาตอยด์ หรือ ไขข้ออักเสบ เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่มีการเจริญงอกงามของเบื่อบุ ซึ่งจะทำลายกระดูก และข้อในที่สุด จึงทำให้เกิดการอักเสบของข้อต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งมีสาเหตุมาจากระบบภูมิคุ้มกัน ในร่างกาย เกิดการทำงานผิดปกติ ทำให้ไปทำลายอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายของผู้ป่วยเอง ซึ่งผู้ป่วยบางรายจะมีผลกระทบ ต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น หัวใจ ปอด หลอดเลือด และดวงตา เป็นต้น
โรครูมาตอยด์ จะพบได้บ่อยในช่วงวัย 20-30 ปี และ 50-60 ปี ซึ่งจะพบในผู้หญิงมากกว่าในช่วงที่อายุน้อย แต่ในช่วงอายุมาก จะพบทั้งในเพศหญิง และ เพศชาย เท่า ๆ กัน
โรครูมาตอยด์เกิดจากอะไร?
โรครูมาตอยด์ เป็นโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เกิดการทำลายตนเอง โดยจะทำลายเนื้อเยื่อหุ้มข้อ ทำให้เกิดการอักเสบ และบวม ทำให้ไปทำลายกระดูกข้อต่อ และกระดูกอ่อน ไปจนถึงเส้นเอ็นที่ยึดกล้ามเนื้อและกระดูก
ที่มาของโรครูมาตอยด์ ยังไม่มีผลการวิจัยที่แน่ชัด แต่มีการศึกษาไว้ว่า อาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม และการติดเชื้อบางอย่างได้
ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงของโรครูมาตอยด์
- เพศ ผู้หญิงจะมีแนวโน้มที่เป็นโรคมากกว่าผู้ชาย
- อายุ โรครูมาตอยด์ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัย แต่มักเกิดช่วงอายุ 20-30 ปี และ 50-60 ปี
- กรรมพันธุ์ หากมีคนในครอบครัว มีประวัติการเป็นโรครูมาตอยด์ จะทำให้ลูกมีความเสี่ยงเช่นกัน
- การสูบบุหรี่ จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรครูมาตอยด์ และยังเพิ่มโอกาศให้ความรุนแรงของโรคอีกด้วย
- ความอ้วน ในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือ เป็นโรคอ้วน จะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรครูมาตอยด์
อาการของโรครูมาตอยด์เป็นอย่างไร?
อาการของโรครูมาตอยด์ จะสังเกตได้จากผู้ป่วยจะมีอาการปวด โดยเริ่มปวดอย่างช้า ๆ และอาจนานเป็นสัปดาห์ และเป็นเดือน ซึ่งจะทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนล้า และเมื่อยล้า จนอาจทำให้น้ำหนักลดลง หรือ มีไข้อ่อน ๆ
อาการของโรคอื่น ๆ มีดังนี้
- มีอาการปวด บวม แดง ข้อฝืด โดยจะเกิดขึ้นหลาย ๆ บริเวณในร่างกาย เช่น บริเวณ มือ ข้อมือ ข้อศอก เข่า คอ เป็นต้น
- อาการข้อฝืดแข็ง ซึ่งอาจเกิดจากร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว เช่น เมื่อนั่งเป็นเวลานาน
- ปุ่มรูมาตอยด์ เป็นปุ่มเนื้อนิ่ม ๆ ที่เกิดบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อย ๆ เช่น บริเวณข้อศอก ข้อนิ้ว เป็นต้น
การวินิจฉัยโรครูมาตอยด์
แพทย์จะวินิจฉัยโรค ด้วยการตรวจร่างกาย ร่วมกับการตรวจในห้องปฏิบัติการ ซึ่งการตรวจร่างกาย แพทย์จะดูว่าอาการที่ปวด มีการอักเสบอย่างไร มีอาการบวม แดง ร้อน หรือไม่ ในกรณีที่ไม่สามารถระบุได้ชัดเจน แพทย์จะใช้การเอ็กซ์เรย์ หรือ ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพิ่มเติม เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
การรักษาโรครูมาตอยด์เป็นอย่างไร?
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาให้หายขาด แต่สามารถบรรเทาอาการของโรคได้ หากเริ่มต้นรักษาเร็ว ซึ่งการรักษาจะขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณา ความรุนแรงของโรค อาการ และ ระยะเวลาเกิดโรค
โดยปกติแล้ว การรักษาโรครูมาตอยด์ สามารถทำได้ ดังนี้
- การบำบัด
แพทย์จะวินิจฉัยโรค และทำการส่งผู้ป่วย ไปยังผู้เชี่ยวชาญการบำบัดโรค หรือนักกายภาพ เพื่อจะช่วยให้ผู้ป่วยได้ทำการบริหารร่างกาย เพื่อให้ข้อต่าง ๆ มีความยืดหยุ่น และใช้อุปกรณ์ในการช่วยเหลือ เพื่อลดความเจ็บปวดลงได้
2. การผ่าตัด
การรักษาด้วยการผ่าตัด จะเกิดขึ้นเมื่อการรักษาด้วยยาไม่ได้ผล ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการรักษา ซึ่งการผ่าตัดจะช่วยให้ข้อต่อ สามารถกลับมาทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดความเจ็บปวดลง และช่วยแก้ไขส่วนที่ผิดรูป ให้กลับมาเป็นปกตได้
การป้องกันโรครูมาตอยด์
โรครูมาตอยด์ ที่จริงแล้ว เป็นโรคที่ไม่สามารถป้องกันได้ แต่สามารถใช้การบำบัด ร่วมกับการรักษา ที่จะช่วยทำให้ชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยสามารถดูแลคนเอง ให้แข็งแรงอยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรม ที่ต้องใช้งานข้อต่อมาก ๆ และต้องรับประทานยาให้ครบ เพื่อป้องกันอาหารอักเสบ และความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจตามมาได้
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ อาจเป็นโรคที่ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ป่วยได้ไม่น้อย ซึ่งการรักษาในสมัยนี้ แม้จะยังไม่สามารถทำให้หายขาดได้ แต่ก็สามารถทำให้อาการบรรเทาลงได้ ดังนั้นใครที่สงสัย ว่าตนเองกำลังป่วยเป็นโรครูมาตอยด์ ควรรีบพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการวินิจฉัย เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที
ที่มาข้อมูล : พบแพทย์ , โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์
บทความที่น่าสนใจ :
โรค HIV คือโรคอะไร ใช่โรคเอดส์ไหม ? มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง ?
ไข้หวัดใหญ่ สังเกตอาการไข้หวัดใหญ่ พร้อมวิธีป้องกัน ดูแลตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลโรค
มีอาการท้องเสีย เมื่อมีอาการท้องเสียทำอย่างไร ท้องร่วงสิ่งที่ควรกินและไม่ควรกิน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!