คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หลาย ๆ คน คงจะประสบปัญหา เกิดอาการแพ้ท้อง ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ซึ่งในแม่ท้องแต่ละคน ก็อาจมีอาการที่แตกต่างกันออกไป เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ไวต่อกลิ่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรืออารมณ์แปรปรวน เป็นต้น วันนี้เรามี 10 อาหารแก้แพ้ท้อง มาแนะนำ ตามไปดูกันเลย
10 อาหารแก้แพ้ท้อง ที่น่าสนใจ
1. ขิง
ขิง สมุนไพรที่คนนิยมนำมาประกอบอาหาร และทำเป็นเครื่องดื่ม ด้วยสรรพคุณทางยามากมายจึงเหมาะที่มารักษาอาการป่วยสำหรับคนที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ขับลม แก้อาการท้องเฟ้อ ท้องอืด ท้องเสียได้ดี แต่บางคนถึงไม่ป่วยก็จะดื่มน้ำขิงเพื่อให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ซึ่งส่งผลดีในการช่วยอาการแพ้ท้อง โดยแม่ท้องสามารถเลือกทานได้ว่าจะกินขิงแบบไหน มีทั้งน้ำขิงร้อน น้ำขิงเย็น น้ำขิงโซดา และ การทานขิงจริง ๆ ก็ช่วยได้ดีเหมือนกัน รวมถึงยาแคปซูลขิง ก็จะลดอาการแพ้ท้องด้วย คนท้องสามารถดื่มน้ำขิงได้ แถมยังเป็นเครื่องดื่มที่ดีมากอีกด้วย เนื่องจากประโยชน์ที่สามารถป้องกันหรือบรรเทาอาการไข้หวัด อาการไอ ขับเสมหะ และยังสามารถช่วยลดอาการเป็นไข้ตัวร้อนได้อีกด้วย
2. มะนาว
การวิจัยเผยว่า การกินมะนาวสดหั่นบาง ๆ สามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ในแม่ท้อง หรือหากแม่ท้องคนไหนไม่ชอบมะนาว ก็สามารถใช้เป็นการดมกลิ่นแทน เพื่อช่วยลดอาการคลื่นไส้ตอนแพ้ท้องได้เหมือนกัน น้ำมะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซีสูง อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยทำให้สุขภาพผิวดีจากภายในสู่ภายนอก ทำให้ผิวพรรณผุดผ่อง เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ลดริ้วรอย สิว และแก้ปัญหาผิวมัน นอกจากนี้สารอาหารอื่น ๆ ในน้ำมะนาว อย่าง วิตามินบี แร่ธาตุ ไฟเบอร์ แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และโปรตีน ยังเป็นประโยชน์ต่อแม่ท้องในขณะตั้งครรภ์ด้วย
3. เคพกูสเบอร์รี หรือโทงเทงฝรั่ง
เคพกูสเบอร์รี่ มีประโยชน์มากมายทั้งด้านสารอาหาร และคุณสมบัติทางยา เนื่องจากเป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่จึงมีวิตามินซีและเอสูง ช่วยบำรุงกระดูก ฟัน ป้องกันโรคไข้หวัดและภูมิแพ้ เสริมสร้างภูมิต้านทาน บำรุงสายตา ป้องกันโรคตาบอดในที่มืด นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานิน ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งบางชนิด มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ และลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยในประเทศอินเดีย คุณหมอหลายท่านแนะนำให้กินเคพกูสเบอร์รี่เพื่อลดอาการแพ้ท้อง เพราะรสชาติที่หวานอมเปรี้ยวช่วยลดอาการคลื่นไส้ของคุณแม่แพ้ท้องได้เป็นอย่างดี
4. ขนมปัง
เวลาเกิดอาการแพ้ท้อง ขนมปังช่วงได้อย่างดีเลยทีเดียว เพราะขนมปังดูดซับกรดเกินซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ท้อง แม่ท้องอาจทานขนมปังปิ้งทาเนย เพื่อช่วยอาการแพ้ท้องก็ได้ แต่ขอแนะนำให้ทานชนิดที่ทำจากแป้งข้าวโอ๊ตหรือผสมธัญพืชเป็นส่วนประกอบหลัก เพราะจะได้ให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพแม่ท้องไปพร้อมกันด้วย
5.โค้ก
น้ำอัดลม มีส่วนประกอบของน้ำตาล ซึ่งแปรรูปเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย ยังทำให้สดชื่นมีพลังกระฉับกระเฉงขึ้นได้มากอีกด้วย แต่การดื่มน้ำอัดลมก็ใช่ว่าจะดีต่อสุขภาพเสมอไป เพราะในน้ำอัดลมก็เต็มไปด้วยคาเฟอีนสูงถึง 27% และมีน้ำตาลสูง อย่างไรก็ตาม เราควรดื่มเพื่อระงับหรือป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนในบางครั้งเท่านั้น ไม่ควรดื่มแทนน้ำปกติ ยิ่งโดยเฉพาะอายุครรภ์ในไตรมาสที่สองและสาม ถ้าหากคุณแม่หลีกเลี่ยงน้ำอัดลมได้จะยิ่งดีต่อสุขภาพทารกในครรภ์มากที่สุด ถึงแม้ว่าจะไม่น่าเชื่อแต่ Kate Middleton ดัชเชสแห่งประเทศอังกฤษยังแนะนำว่า โค้กหนึ่งกระป๋องสามารถช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ และ ทางวังแห่งอังกฤษก็ยืนยันแล้วว่า เธอดื่มมันจริง ๆ เพื่อลดอาการแพ้ท้อง และ คลื่นไส้!
บทความที่เกี่ยวข้อง : รวม 10 เมนูอาหาร บรรเทาอาการแพ้ท้อง สำหรับคุณแม่แพ้ท้องหนัก
6. น้ำมะพร้าว
น้ำมะพร้าวนั้นมีประโยชน์มากมายต่อแม่ท้อง และ หนึ่งในนั้นก็คือ ช่วยลดอาการแพ้ท้องในไตรมาสแรก ยิ่งดื่มในช่วงท้องไตรมาสแรก ก็ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ และ ยังลดความเหนื่อยล้า สร้างภูมิคุ้มกันให้คุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ เนื่องจากในน้ำมะพร้าวอุดมไปด้วย
กรดลอริก (Lauric Acid) ซึ่งเป็นไขมันอิ่มตัวชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในน้ำนมแม่ มีคุณสมบัติต้านไวรัส เชื้อหวัด และเชื้อรา น้ำมะพร้าวจัดเป็นน้ำสะอาดไม่มีการปนเปื้อน เนื่องจากธรรมชาติได้สรรค์สร้างให้น้ำมะพร้าวถูกห่อหุ้มด้วยกะลาของมะพร้าว อย่างแน่นหนา คนท้องสามารถดื่มน้ำมะพร้าวได้ เพียงแต่ต้องดื่มในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไปจนเกิดผลเสีย โดยปริมาณที่แนะนำคือ 1 แก้วต่อวัน
7. ซีเรียล
ในซีเรียลมีวิตามินบี 6 สูงซึ่งเป็นหนึ่งในวิตามินที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้ แต่ยังไงก็ตามสำหรับแม่ท้อง แนะนำให้หันมาทานซีเรียลที่ทำจากธัญพืช สูตรน้ำตาลต่ำ เพราะให้ประโยชน์ในด้านของพลังงานแก่ร่างกายอย่างครบถ้วน อีกทั้งยังมาพร้อมรสชาติอันแสนอร่อยจากเนื้อผลไม้สดที่ผสมอยู่ด้วย ทานแบบนี้รับรองไม่มีอ้วนแน่นอน ซีเรียสยังอุดมไปด้วยใยอาหารสูงดีต่อระบบขับถ่ายอีกด้วย
8. อะโวคาโด
อาการแพ้ท้องรักษาได้ด้วยวิตามิน B6 และ อาหารที่เป็นแหล่งรวมของวิตามิน B6 นั้นก็คือ อะโวคาโด โดยแม่ท้องสามารถดูดซึมวิตามิน B6 จากอะโวคาโดได้ง่าย ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ผลวิจัยชี้ชัดเผยแพร่ผ่าน Nutrients ว่า อะโวคาโด คือสุดยอดผลไม้ที่ดีสำหรับคุณแม่ท้องและคุณแม่ให้นม นั่นเป็นเพราะ อะโวคาโด มีโฟเลตและโพรแทสเซียม ที่มีประโยชน์กับคุณแม่ ทั้งยังไม่ทำให้อ้วนด้วยนะคะ ทำไมน่ะเหรอ … นั่นเป็นเพราะไขมันที่ได้จากผลอะโวคะโดนั้นเป็นไขมันอิ่มตัว และยังช่วยขจัดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีให้ออกไปจากร่างกายได้นั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องกินอะโวคาโดได้ไหม แม่ท้องอยากกินอะโวคาโดทำไงดี?
9. แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลช่วยให้ร่างกายของแม่ท้องมีสุขภาพดี และแน่นอนว่า ช่วยรักษาอาการแก้ท้องด้วย จากการศึกษาพบว่า แอปเปิ้ลช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้ได้อย่างดี เนื่องมาจากปริมาณเส้นใยของแอปเปิ้ลที่ช่วยกำจัดสารเคมีบางชนิดที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ท้อง ซึ่งการทานแอปเปิ้ลจะช่วยให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น เพราะมีเส้นใยสูง และลดปัญหาท้องผูกได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว จากผลการวิจัยของสถาบันต่าง ๆ มากมายพบว่าการที่คุณแม่กินแอปเปิ้ลในช่วงตั้งท้อง ช่วยป้องกันลูกน้อยจากโรคหอบหืด และภูมิแพ้ต่าง ๆ ได้ แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์มากมาย โดยปริมาณแอปเปิ้ลที่คุณแม่ท้องควรทานในแต่ละวันนั้น คือวันละประมาณ 1 ลูก
10. ซุปผัก
อาการแพ้ท้องรักษาได้ด้วยการซดซุปผักร้อน ๆ เพราะเมนูซุปผัก อุดมไปด้วยวิตามินเอ กรดโฟเลต แคโรทีน วิตามินซี โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี โปรตีน และไฟเบอร์จึงมั่นใจได้เลยว่าลูกที่เกิดมาสุขภาพแข็งแรงแน่นอน ในขณะที่แม่ก็จะได้รับแร่ธาตุ และยังส่งไปสู่ลูกอย่างครบถ้วน ผักใบเขียวยังช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยชะลอความแก่ ช่วยบำรุงสายตาและยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายด้วย
และทั้งหมดนี้ก็เป็น 10 อาหารที่ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องสำหรับแม่ท้องทุก ๆ คนนะคะ คุณแม่สามารถนำวัตถุดิบไปรังสรรค์เมนูอื่น ๆ ที่อยากกินได้อีกด้วยนะ อย่างไรก็ตาม อาหารบางอย่างที่ได้แนะนำไป อาจมีปริมาณน้ำตาลในตัวของมันเองค่อนข้างสูง ดังนั้น อย่าลืมเลือกทานอย่างพอดี ด้วยล่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
13 วิธีแก้อาการแพ้ท้อง คนท้องต้องรับมือยังไง ให้ได้ผลชัวร์!
อาการแพ้ท้อง เป็นยังไง เริ่มแพ้ท้องวีคที่เท่าไหร่ เตรียมตัวอย่างไรไม่ให้แพ้ท้อง
ที่มา :eatingwell,healthline , daynurseries