การต้องรับมือกับลูกที่ต้องเจอกับ ผื่นคัน ตั้งแต่ยังอายุน้อย นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พ่อแม่หลายคนแอบมองข้าม โดยอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และสามารถหายได้เอง แต่รู้หรือไม่คะ ว่าปัญหานี้อาจเป็นจุดกำเนิดของการที่ลูกน้อยพัฒนาการสะดุดได้ เพราะการคันอาจสร้างความหงุดหงิดในเด็กเล็ก จนส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ได้ไปในชั่วขณะหนึ่ง วันนี้ theAsianparent จะพาไปไขข้อสงสัยกับวิธีรับมือ ที่ลูกมีอาการคันเพราะผดผื่นด้วยเทคนิคดี ๆ จาก หมอปอม พญ. ณัทดา สามัคยานุสรณ์ แพทย์ผิวหนัง ในรายการ TAP Ambassador กันค่ะ
ในอดีตเคยมีความเชื่อที่ว่า การที่ปล่อยให้ลูกกินนมด้วยตัวเองและมีการเลอะเทอะ จะส่งผลให้ลูกเป็นเกลื้อนนมหรือผื่นนมนั้นไม่เป็นความจริง เพราะโรคเกลื้อนน้ำนม เป็นผื่นที่เกิดจากผิวบริเวณหน้าแก้ม หรือมุมปากมีการสร้างเม็ดสีน้อยลง จึงเป็นความเข้าใจผิดคิดว่าผื่นที่เกิดมาจากการทานนมหก ส่วนสาเหตุของการเกิดไม่แน่ชัด สามารถเกิดได้กับเด็กที่ทั้งแรกเกิด ไปจนถึงเด็กวัยรุ่นได้ การเกิดผื่นน้ำนมจะค่อย ๆ ดีขึ้น หรือมีอาการที่จางลงด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยาที่มีส่วนผสมของสเตรียรอยด์
พัฒนาการของลูกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ขวบ มีอะไรบ้าง?
พัฒนาการของเด็กตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 3 ขวบ เป็นช่วงที่สำคัญมาก ๆ รวมไปถึงนิสัยหรือบุคลิกที่พ่อแม่สามารถวางแผนให้ลูกเติบโตไปเป็นอย่างไรได้บ้าง ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่พ่อแม่ควรให้เวลากับลูกมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่กำลังพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด และเป็นช่วงที่ควรจับตามอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : คราบฟันเหลือง ปัญหาเริ่มต้นสำหรับสุขภาพช่องปาก พร้อมวิธีดูแลฟันลูกน้อย
พัฒนาการลูกกับช่วงอายุ
- แรกเกิด – 6 เดือน : ลูกจะเริ่มส่งเสียงอ้อแอ้ หันตามเสียงได้ถูก มองตามสิ่งของ หรือกะพริบตาเมื่อถูกเรียกได้
- 6 เดือน – 12 เดือน : เริ่มสนใจผู้พูด เลียนเสียงพูด ลุกหรือนั่งได้เอง ทำตามคำสั่งแบบง่าย ๆ เช่น โบกมือ บ๊ายบาย เริ่มเล่นของเล่นถูกวิธี
- 1 ขวบ – 1 ปีครึ่ง : ยืนได้เอง เดินในรถหัดเดินได้ ขีดเขียนบนกระดาษ พูดได้เอง 1-3 คำ
- 1 ปีครึ่ง – 2 ปี : วิ่งได้ ชี้หรือหยิบวัตถุได้ ใช้ช้อนกินข้าวได้เอง เริ่มพูดเป็นประโยค
- 2 ปี – 2 ปีครึ่ง : กระโดดเท้าพ้นพื้น พูดหรือตอบรับได้ ปีนหยิบของ สนใจนิทาน มองตามคนบ่อย ๆ เริ่มร้องเพลงหรือพูดเป็นประโยคมากขึ้น
- 2 ปีครึ่ง – 3 ปี : ยืนขาเดียวได้ พูดเป็นประโยค ใส่หรือถอดกางเกงได้เอง มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเพิ่มขึ้น
การฝึกลูกแบบ BLW
BLW ย่อมาจาก Baby-Led Weaning ก็คือ การฝึกให้ลูกได้หยิบจับอาหารกินด้วยตัวเอง โดยที่คุณแม่ไม่ต้องคอยตามประกบใกล้ชิดเพื่อป้อนอาหารให้ จะเริ่มฝึกเมื่อเด็กมีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป โดยอาหารที่ใช้ฝึกลูกกินข้าวเองตามแบบ BLW ก็คืออาหารที่ดีต่อสุขภาพของทารกและเหมาะสมกับวัยของทารก เช่น ผักต้ม ผลไม้สุก เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ไปจนถึงไข่ต้ม ค่อย ๆ เริ่มจากอาหารที่มีเนื้อนิ่มละเอียดก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มอาหารที่มีเนื้อสัมผัสแข็งขึ้น เป็นหนึ่งในการฝึกเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อของลูกน้อย รวมไปถึงฝึกเพื่อให้ลูกน้อยสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
การอ่านนิทานกับการพัฒนาการเด็ก
การอ่านนิทานให้ลูกฟังมีประโยชน์หลายอย่าง ตั้งแต่ช่วยสร้าง EF หรือ Executive Function ให้กับเจ้าตัวน้อย เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว ช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้คำใหม่ ๆ พัฒนาทักษะทางภาษา จนกระทั่งช่วยให้เข้าใจความแตกต่างหลากหลายของโลกใบนี้ นอกจากนั้นยังเป็นการส่งเสริมให้ลูกรักการอ่านไปในตัว คุณพ่อคุณแม่อาจจะเริ่มจากการฝึกให้ลูกได้เลือกหนังสือภาพหรือนิทานด้วยตัวเองจากการหยิบให้ดูก็ได้ค่ะ
ผื่นคัน ที่พบในเด็กเล็กบ่อย
-
ผื่นผ้าอ้อม
ผื่นผ้าอ้อมเป็นผื่นผิวหนังอักเสบที่เกิดขึ้นบนบริเวณที่เด็กสวมใส่ผ้าอ้อม พบมากในวัยทารกโดยเฉพาะช่วงอายุ 9-12 เดือน เกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่พบมากคือการอักเสบจากการระคายเคืองสัมผัส ปัจจัยกระตุ้นสำคัญเกิดจากการสัมผัสปัสสาวะหรือ อุจจาระเป็นเวลานาน ผิวหนังเกิดความอับชื้น โดยเฉพาะผิวหนังส่วนที่นูน เช่น แก้มก้น อวัยวะเพศ ด้านในของต้นขา ท้องน้อย และมักจะไม่พบผื่นบริเวณซอกร่องของผิวหนัง
-
ผดร้อน
มักเกิดขึ้นได้ง่ายกับทารกแรกเกิดที่ผิวบอบบางเป็นพิเศษ พบบ่อยในทารกช่วงอายุ 1-2 สัปดาห์ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการอุดตันของต่อมเหงื่อ เนื่องจากโครงสร้างชั้นผิวและต่อมเหงื่อของเด็กเล็กยังอยู่ในช่วงพัฒนาให้สมบูรณ์จึงทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนและเหงื่อได้มากนัก จึงเกิดเป็นผดร้อนตุ่มใสขึ้นที่ผิว ผดร้อนในเด็กเล็กมักเกิดบริเวณหน้า คอ หน้าอก หลัง ข้อพับต่าง ๆ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีความร้อนและเหงื่อออกเยอะ รวมไปถึงการใส่เสื้อผ้าหนา แน่นมากเกินไปทำให้เหงื่อลูกออกง่าย อยู่ในห้องที่ระบายอากาศไม่ได้
ปัญหาผิวส่งผลกระทบต่อพัฒนาการลูกอย่างไร?
พ่อแม่หลายคนอาจคิดว่าการที่ลูกเป็นผดผื่น เป็นเรื่องเล็กน้อย สามารถปล่อยทิ้งไว้ได้ แต่การปล่อยให้หายเองจะส่งผลต่อการพัฒนาการของลูกในเรื่องของอาการคันหรือแพ้ได้ เช่น การขาดสมาธิจากการคัน นอนไม่เพียงพอเพราะคัน อารมณ์หงุดหงิดในเด็กเกิดขึ้นได้ง่าย ในเด็กบางคนที่มีอาการแพ้รุนแรงอาจจะเกิดเป็นการติดเชื้อหรือเป็นแผลเป็นได้เช่นกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : ความเครียดกับผู้หญิง เพราะผู้หญิงอย่างเราเป็นทุกอย่างก็เครียดนะ
วิธีแก้ปัญหาผิวของลูก
1. หลีกเลี่ยงอากาศร้อน อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดี
อากาศร้อนเป็นสาเหตุหลักของการมีผดผื่น ซึ่งการให้ลูกอยู่ในที่ที่ร้อน หรือไม่ระบายอากาศ จะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ร่างกายเด็กไม่สามารถระบายเหงื่อได้ดี อาจจะแก้ด้วยวิธีเปิดแอร์ในระดับที่สบาย ๆ หรือเปิดพัดลมเพื่อเพิ่มความถ่ายเทก็ได้ค่ะ
2. เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับผิวลูก
โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ เช่นผ้าฝ้าย เพราะเนื้อบางเบา ระบายอากาศได้ดี อ่อนโยนต่อผิวลูก และควรเลือกให้พอดีตัวลูก ไม่คับแน่นเกินไป เพราะเสื้อผ้าอาจรัดตัวลูกจนอึดอัดหรือเสียดสี เป็นอันตรายต่อผิวได้
3. อาบน้ำให้ถูกวิธี สร้างผิวลูกแข็งแรง
การอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนให้ลูกถือเป็นการทำลายไขมันที่เคลือบชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวลูกแห้ง เป็นขุยได้ เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเวลาอาบน้ำให้ลูกควรผสมน้ำในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่อุ่นหรือร้อนจนเกินไปค่ะ และที่สำคัญควรอาบน้ำด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ระคายเคืองผิว
4. ทาโลชั่นให้ลูกทันทีหลังอาบน้ำ
ทุกครั้งหลังอาบน้ำ เมื่อเช็ดตัวให้แห้งแล้วควรทาโลชั่นให้ทั่วตัวลูกทันที เพื่อให้ผิวยังคงกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ สำหรับเด็กที่มีผิวแห้งมากให้คุณแม่ทาครีมสำหรับเด็กที่มีผิวแห้งซ้ำอีกครั้งเพื่อบำรุงผิวลูกให้แข็งแรงและเนียนนุ่มชุ่มชื้น ที่สำคัญหากลูกมีอาการผดผื่น ต้องงดใช้แป้งทาบนผิว โดยเฉพาะจุดที่อับชื้น เนื่องจากจะยิ่งทำให้เป็นผดร้อนมากขึ้น
5. หลีกเลี่ยงสารกระตุ้นที่ทำให้ลูกผิวแห้ง
ควรหลีกเลี่ยงการพาลูกออกในที่ที่มีฝุ่นละอองหรือแสงแดดจัด งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมี น้ำหอม พาราเบน หรือแอลกอฮอล์กับลูก เพราะจะทำให้ผิวลูกแห้ง ระคายเคืองจนเกิดอาการคัน หรือเป็นผื่นแพ้ได้
6. ให้ลูกดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
ควรให้ลูกจิบน้ำระหว่างวัน เพื่อป้องกันการเสียสมดุลของร่างกายและสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยเฉพาะช่วงที่อากาศร้อน เหงื่อออกมาก และสำหรับเด็กทารกวัยแรกเกิดถึง 6 เดือน ควรให้ดื่มนมแม่อย่างเดียวดีที่สุด
อย่างที่บอกตั้งแต่แรกค่ะว่าปัญหาผิวหนัง หรือปัญหาผื่นคัน เป็นเรื่องที่อาจฉุดรั้งพัฒนาการของลูกน้อยได้ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ซึ่งหากเกิดขึ้นในครั้งแรกแล้ว สิ่งที่พ่อแม่ควรจะทำในเวลาต่อมาก็คือการช่วยปกป้องผิวของลูกน้อย ซึ่งตัวช่วยหลักก็คือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของเด็กโดยเฉพาะ เช่น ครีมอาบน้ำ โลชั่น และครีมบำรุงผิว ควรเลือกแบบที่ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสารเคมี พาราเบนหรือสารที่ทำให้ลูกแพ้หรือระคายเคือง และควรเลือกแบบที่เป็นสูตรอ่อนโยน กรดอ่อนที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น สเป็นเกรนแว็กซ์ เชียบัตเตอร์, อาร์แกนออยล์, โอลีฟ ออยล์ พีอีจี7 เพราะจะช่วยคงความชุ่มชื้นและปรับสภาพผิวลูกให้สมดุลตลอดทั้งวัน
ยิ่งช่วงปลายปีที่อากาศค่อนข้างแห้ง แถมยังมีฝุ่น มลพิษต่าง ๆ ด้วยแล้ว การดูแลผิวลูกให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ลูกน้อยสบายตัว ร่าเริงตลอดทั้งวัน หากใครที่ต้องการรับฟังคำตอบของหมอปอมแบบเต็ม ๆ สามารถเข้าไปรับชมต่อได้ที่ Facebook :
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ลูกแพ้นมวัว ทำอย่างไรดี พร้อมไขข้อข้องใจวิธีรับมือ สำหรับคุณแม่มือใหม่ทั้งหลาย!
ป้องกันภูมิแพ้ ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์
โรคยอดฮิตหน้าฝน ที่พ่อแม่ต้องเฝ้าระวัง อย่าให้ลูกน้อยติด!
ที่มา : theAsianparent