แม่แจ้งจับ พ่อเลี้ยงข่มขืนลูกสาวพิการ ซ้ำยังขอให้เป็นเมียอีกคน อ้างว่าจะได้เลี้ยงดูทั้งแม่ และลูกไปตลอดชีวิต พอปฏิเสธกลับโดนทำร้ายร่างกาย ตรวจสอบพบประวัติลักทรัพย์ และยาเสพติด ติดตัวหลายคดี
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2564 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ได้เปิดเผยว่า มีสาวเข้ามาร้องเรียน หลังผัวใหม่ ติดยา และข่มขืนลูกสาววัย 11 ปี ที่มีอาการพิการทางสมอง เมื่อจับได้ กลับอ้างขอให้เป็นเมียอีกคน จะได้เลี้ยงดูทั้งแม่และลูกไปด้วยกันตลอดชีวิต แต่เมื่อปฏิเสธกลับถูกทำร้ายร่างกายจนบอบช้ำ
ต้นเหตุการแจ้งความร้องทุกข์
โดยเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้มีนางสาว A (นามสมมุติ) ได้เข้ามาร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าตนถูกสามีใหม่ทำร้ายร่างกาย และสามีใหม่ได้ทำการข่มขืนลูกสาวของตน ด.ญ. B (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี ซึ่งมีความปกติพิการทางสมองแต่กำเนิด
นางปวีณา หงสกุล ได้รับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือจากนางสาว A (นามสมมุติ)
ซึ่งก่อนหน้านี้ นางสาว A ได้เลิกสามีคนก่อน แล้วจึงขายบ้านของตนเองที่ จ.พิษณุโลก จึงได้มีเงินเก็บมาประมาณ 3 แสนบาท แล้วได้ย้ายมาอยู่กับ นาย K (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ซึ่งได้มีการรู้จักกันผ่านแอปพลิเคชั่น เฟชบุ๊ค (Facebook) เพื่อหวังจะได้ช่วยกันทำมาหากิน และช่วยเลี้ยงลูก
นางสาว A กล่าวต่อว่า ตลอดมาระยะเวลา 3 ปี นาย K เป็นคนดี และดูแลตนเองดีทุกอย่าง แต่เมื่อเงินเก็บเริ่มหมด พฤติกรรมของนาย K ก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยเริ่มมีการหันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย และเริ่มทุบตี ทำร้ายร่างกายตนเองบ่อยขึ้น
ช่วงเดือน มกราคม 2564 นาย K ได้เข้ามาสารภาพกับตนว่า ได้ข่มขืนลูกสาว ด.ญ. B มาแล้ว 3 ครั้ง แล้วอยากให้นางสาว A ยก ด.ญ. B ให้เป็นภรรยาอีกคน โดยอ้างว่าจะได้เลี้ยงดูทั้งแม่ และลูกด้วยกันไปตลอดชีวิต แต่ทางด้านนางสาว A ได้ปฏิเสธ เหตุเพราะไม่สามารถรับได้กับพฤติกรรมแบบนี้ จึงต่อว่าไปอย่างรุนแรง ทำให้นาย K โมโห และทำร้ายร่างกายจนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
วันเกิดเหตุ
เนื่องจากช่วงเวลานั้น นางสาว A ไม่มีเงินเก็บ และยังไม่มีที่ไป จึงจำเป็นต้องทนอยู่กับ นาย K ไปก่อน จนกระทั่งช่วงเดือน เมษายน 2564 ได้ย้ายไปอาศัยที่บ้านญาติของนาย K ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากสถานการณ์โควิดระบาด ทำให้นาย K ไม่มีงานรับจ้าง และขาดรายได้
นาย K ได้บอกให้นางสาว A ไปทวงเงินค่าแรงจากนายจ้างเก่า และไม่ยอมให้พาลูกสาวไปด้วย อ้างว่าจะไม่ทำอะไร และถ้าพาไปด้วยจะทำให้เสียเวลา และไม่สะดวก นางสาว A จึงตัดสินใจรีบไปรีบกลับ เพราะห่วงความปลอดภัยของลูก แต่เมื่อกลับมา ลูกสาวก็ได้บอกนางสาว A อีกครั้งว่า ตนได้ถูกนาย K ข่มขืนขณะที่ผู้เป็นแม่ได้ออกจากบ้านไป
ร่องรอยการถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย จนเป็นบาดแผลทั่วร่างกายของเด็กหญิง B
เมื่อนาย K รู้ว่า ด.ญ. B ฟ้องผู้เป็นแม่ ก็เกิดบันดาลโทสะ ตุบตี ด.ญ. B จนเป็นรอยช้ำตามตัว เมื่อผู้เป็นแม่เข้าไปห้าม ก็ถูกนาย K ทุบตีทำร้ายเช่นกัน นางสาว A จึงตัดสินใจพาลูกออกมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน และเข้าแจ้งความที่ สภ.เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2564 และช่วยแจ้งเรื่องมายังมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากนางสาว A ไม่มีเงินพอที่จะพาลูกสาวไปตรวจร่างกายได้ และต้องการดำเนินคดีกับนาย K ให้ถึงที่สุด
หลังจากนั้น นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา จึงได้ประสานกับทาง พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ เพ็ชรศักดิ์ ผกก.สภ.เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา ให้ทำการช่วยเหลือสองแม่ลูกโดยด่วน และทำการตามจับกุมนาย K ให้ได้เร็วที่สุด
เข้าทำการช่วยเหลือ และเก็บหลักฐานดำเนินคดี
โดย พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.ฤชายุส คงอุตส่าห์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เขาหินย้อย ไปรับตัวสองแม่ลูก และทำการส่งด.ญ. B เข้าตรวจร่างกายที่ รพ.พนมสารคาม และสอบสหวิชาชีพ พร้อมทั้งได้มอบเงินช่วยเหลืออีกจำนวนหนึ่ง และฝากงานรับจ้างให้กับ นางสาว A รวมถึงช่วยหาที่อยู่ให้กับสองแม่ลูกนี้ด้วย
นาย K (นามสมมุติ) ถูกจับกุม และถูกดำเนินคดี ข้อหาล่วงละเมิดทางเพศและกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี และคดีอื่น ๆ
ต่อมาเมื่อทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยายานหลักฐานเรียบร้อย จึงอนุมัติหมายจับ นาย K ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 13 ปี, ข่มขืนกระทำชำเราผู้ทุพพลภาพ และทำร้ายร่างกาย นอกจากนี้ จากการสืบประวัติยังพบว่านาย K เคยก่อเหตุลักทรัพทย์ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ และถูกดำเนินคดีเสพยาบ้าในพื้นที่ สภ.เขาสมิง จ.ตราด อีกด้วย
ทำการจับกุมผู้ก่อเหตุ
โดยล่าสุดในวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้รับรายงานว่า สามารถจับกุมตัวนาย K มาดำเนินคดีได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า นาย K ได้หลบหนีเข้าไปอยู่ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี จึงได้ติดตาม และดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดีในที่สุด โดยจะทำการฝากขังศาลในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้
ทำการจับกุมผู้ก่อเหตุ หลังจากหนีมากบดาลในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี
เบอร์โทรฉุกเฉิน เมื่อต้องการแจ้งเหตุ
ในขณะที่สังคมมีการกระทำที่เลวร้ายเกิดขึ้นมากมายให้เราได้พบเห็นตามข่าว ตามสื่อโซเชียล แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะช่วยให้การกระทำเลวร้ายนี้หมดไปจากสังคม หรือทำให้พฤติกรรมเลวร้ายนี้ลดน้อยลง คือการช่วยกัน เป็นหูเป็นตา และไม่นิ่งนอนใจในการหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือ ตามศักยภาพของเราที่จะสามารถทำได้ เช่นการโทรแจ้งตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- 191 โทรหาตำรวจ เหตุด่วนเหตุร้าย เบอร์ศูนย์กลางในการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายทุกชนิด ไฟไหม้ รถพยาบาล ก็สามารถโทรได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- 199 โทรหาดับเพลิง กรณีไฟไหม้รถ มักจะเกิดขึ้นได้เสมอ หรือไม่ในเส้นทางที่คุณกำลังเดินทางไป ก็อาจจะกำลังมีเหตุไฟไหม้
- 1554 โทรหากู้ชีพ หน่วยแพทย์กู้ชีวิต วชิรพยาบาล หากพบคนได้รับบาดเจ็บ ควรโทรเรียกรถพยาบาลโดยเร็วที่สุด
- 1669 โทรหาแพทย์ฉุกเฉิน ให้บริการฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ตลอด 24 ชั่วโมง
- 1196 โทรเมื่อมีอุบัติเหตุทางน้ำ เดินทางไกลอาจจะต้องขึ้นรถลงเรือ และอาจเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ หากต้องการความช่วยเหลือ ให้โทรเข้าเบอร์นี้ได้เลย
- 1646 โทรหาศูนย์เอราวัณ บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร ไม่คิดค่าบริการ
- 1808 โทรหา จส.100 รับแจ้งปัญหาที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุบนท้องถนน
- 1300 แจ้งคนหาย สถานที่ท่องเที่ยวช่วงเทศกาลที่มีคนพลุกพล่านมักมีแก๊งลักพาตัวแอบแฝงอยู่
- 1192 โทรหาเมื่อรถหาย เมื่อเดินทางไกล จำเป็นต้องจอดในสถานที่ไม่คุ้นเคย อาจเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมได้ง่าย จึงควรมีเบอร์นี้ไว้
- 1193 ตำรวจทางหลวง เมื่อมีเหตุด่วนเหตุร้ายบนทางหลวง การติดต่อไปยังตำรวจทางหลวงโดยตรงจะมีความรวดเร็วในการช่วยเหลือมากกว่า
- 1134 สายด่วน มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี (องค์กรสาธารณประโยชน์)
ที่มา : pavenafoundation
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
พ่อแม่ช็อค! ลูกถูกทำร้ายในสถานรับเลี้ยง
พ่อข่มขืนลูกแท้ๆ เรื่องน่าเศร้ามาอีกข่าว จับได้อีกแล้ว พ่อใจอำมหิต
สุดช็อค!! คนท้องโดนข่มขืน คนท้อง 8 เดือน โดนข่มขืนจากผู้ชาย 8 คน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!