แม่ ๆ หลายคนอาจเคยกังวล เวลาลูกเจอปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วร้องไห้ บ่นว่า “ทำไม่ได้” หรือรอให้ผู้ใหญ่เข้ามาช่วยแก้ทันที บางครั้งเราเองก็เผลอทำให้ลูกเคยชินกับการพึ่งพา โดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง แต่จริง ๆ แล้ว หากเรารู้จัก สอนลูกเรียนรู้จากปัญหา ด้วยแนวคิด Problem-Based Learning (PBL) ที่ทั่วโลกใช้ในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ลูกจะได้ทั้งความมั่นใจ ทักษะการคิด และความยืดหยุ่นทางใจค่ะ
Problem-Based Learning (PBL) คืออะไร?
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้อธิบายไว้ว่า Problem-Based Learning (PBL) คือ วิธีการเรียนรู้ที่เริ่มต้นจากปัญหา แล้วให้เด็ก ๆ เป็นคนหาคำตอบด้วยตัวเอง
จุดสำคัญของ PBL
- เด็กได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ฟังหรือท่องจำ
- กระตุ้นให้เด็กคิด วิเคราะห์ และหาวิธีแก้ปัญหา ด้วยตัวเอง
- พ่อแม่หรือครูจะทำหน้าที่เป็นโค้ช ไม่ใช่คนบอกคำตอบ
- เด็กจะได้ฝึกทักษะสำคัญ หลายด้าน เช่น
- คิดวิเคราะห์ (Critical Thinking)
- คิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
- ทำงานเป็นทีม (Collaboration)
- ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
PBL ต่างจากการเรียนรู้ทั่วไปยังไง?
- การเรียนปกติ: เด็กนั่งฟังครูบอกคำตอบ > ได้ความรู้ตรง ๆ
- PBL: เด็กเจอ “โจทย์หรือปัญหา” > ค้นคว้า ถาม ลองผิดลองถูก > ได้ทั้งความรู้และทักษะชีวิต
พูดง่าย ๆ คือ PBL ไม่ได้เน้น “ท่องจำ” แต่สอนให้เด็กคิดเป็น แก้ปัญหาเป็น และเรียนรู้ด้วยตนเอง

ประโยชน์ของการ สอนลูกเรียนรู้จากปัญหา
การ สอนลูกเรียนรู้จากปัญหา ไม่เพียงช่วยลูกในเรื่องการเรียน แต่ยังสร้างทักษะชีวิตที่ติดตัวไปตลอด
ลูกไม่เชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน แต่จะถาม คิด และตรวจสอบ
เด็กจะลองหาวิธีใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหา ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
-
พัฒนา EQ และความยืดหยุ่นทางอารมณ์
เมื่อเจอความล้มเหลว เด็กจะไม่รู้สึกว่าทุกอย่างจบสิ้น แต่จะเรียนรู้จากประสบการณ์
อ้างอิงจากงานของ Carol Dweck (2006) เด็กที่มองว่าความล้มเหลวเป็นโอกาสเรียนรู้ จะมีแรงบันดาลใจพัฒนาตัวเองมากกว่าเด็กที่กลัวผิดพลาด
วิธีสอนลูกด้วย PBL ในชีวิตประจำวัน
พ่อแม่สามารถเริ่มง่าย ๆ ได้เลย
- เริ่มจากปัญหาง่าย ๆ รอบตัว เช่น “ขนมหมดแล้วจะทำยังไงดี?”
- ถามคำถามปลายเปิด เช่น “มีวิธีไหนอีกบ้าง?”
- ให้ลูกลองผิดลองถูก ไม่รีบแก้แทน
- สะท้อนผลลัพธ์ เช่น “หนูเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?”
- เสริมแรงเชิงบวก ชมลูกที่ความพยายามมากกว่าผลลัพธ์

ตัวอย่างสถานการณ์จริง
นี่คือ 10 เหตุการณ์ที่แม่ ๆ สามารถใช้ PBL สอนลูกเรียนรู้จากปัญหา ได้จากปัญหาใกล้ตัว
- ลูกทำน้ำหก: แทนที่จะรีบเช็ดเอง ชวนถามว่า “หนูจะแก้ยังไงดี?” แล้วให้ลูกลองเช็ดเอง
- ลูกลืมการบ้าน: แทนที่จะตำหนิ ถามว่า “ครั้งหน้าเราจะไม่ลืมได้ยังไง?” เช่น ทำเช็กลิสต์ก่อนนอน
- ลูกใส่รองเท้าผิดข้าง: ให้ลูกลองเดินแล้วสังเกตความรู้สึก ก่อนถอดมาแก้เอง
- ลูกหาของเล่นไม่เจอ: ชวนคิดตามรอยว่า “ครั้งล่าสุดหนูวางไว้ตรงไหน?”
- ลูกอยากได้ของเล่นราคาแพง: ถามว่า “ถ้าอยากได้ หนูมีวิธีออมเงินหรือเก็บแต้มยังไงดี?”
- ลูกทะเลาะกับเพื่อน: ชวนถามว่า “มีวิธีไหนที่เราจะเล่นด้วยกันโดยไม่ทะเลาะ?”
- ลูกเปิดขนมไม่ออก: ให้ลองหาวิธี เช่น ใช้กรรไกร หรือขอความช่วยเหลือ
- ลูกไม่อยากกินผัก: ถามว่า “จะทำยังไงให้มันอร่อยขึ้น?” เช่น คลุกกับข้าว หรือน้ำจิ้ม
- ลูกอยากเล่นต่อแต่ถึงเวลานอน: ชวนคิดว่า “ถ้าลูกนอนดึก พรุ่งนี้จะเป็นยังไง?”
- ลูกเล่นเกมแพ้แล้วร้องไห้: ถามว่า “หนูจะฝึกยังไงให้เก่งขึ้นในรอบหน้า?”
การสอนให้ลูกเรียนรู้จากปัญหา ก็มีข้อที่ต้องระวัง เช่น ไม่ควรโยนปัญหาที่ใหญ่เกินไปให้กับลูก เช่น เรื่องการเงินของครอบครัว และเมื่อลูกพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเอง พ่อแม่ยังคงต้องอยู่ใกล้ ๆ คอยช่วยเหลือ ไม่ให้ลูกรู้สึกถูกทอดทิ้ง รวมถึง อย่าใช้ PBL เป็นข้ออ้างแล้วปล่อยลูกจัดการทุกอย่างเอง เพราะอย่างไรก็ตาม เด็กยังต้องการผู้ใหญ่เป็นที่พึ่งทางใจอยู่นั่นเอง
สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่า ปัญหาไม่ได้มีไว้ให้กลัว แต่มีไว้ให้ลูกได้เรียนรู้ และพ่อแม่คือ “โค้ชคนแรก” ที่จะอยู่ข้าง ๆ เวลาลูกลองผิดลองถูกไปด้วยกันค่ะ
ที่มา: เอกสารประกอบการบรรยาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
10 เกมฝึก EF เสริมทักษะสมอง คิดก่อนทำ คุมอารมณ์ได้ แก้ปัญหาเป็น
สอนลูกให้มี ทักษะคิดแก้ปัญหา เอาตัวรอดได้ ในวันที่พ่อแม่ไม่สามารถอยู่ช่วยลูกได้ตลอด
12 วิธี เลี้ยงลูกให้คิดเป็น ในยุคที่ AI ตอบทุกอย่างให้หมด
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!