มีลูกตอนฤดูร้อนหรือฤดูหนาวดี 5 ความแตกต่างระหว่างการตั้งครรภ์สองฤดู
แม้ว่าประเทศไทยจะอากาศค่อนข้างไม่ต่างกันมากในแต่ละช่วงปี แต่การ มีลูกตอนฤดูร้อนหรือฤดูหนาวดี ก็มาความแตกต่างกัน พอสมควร ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพบอกว่า มีความแตกต่างหลายอย่าง
อย่างที่ทราบ กันดีก็คือการตั้งครรภ์ ใช้เวลานาน 9 เดือน เพราะฉะนั้นมันจะกินเวลา ในแทบจะหลายฤดู มันมีฤดูที่ดีกว่าการตั้งครรภ์ หรือไม่ มีคุณแม่คนนึงโพสถาม กระทู้ใน Reddit ว่า เธอตั้งท้องในช่วงปลายปีแล้วเธอเป็นไข้บ่อยมาก มันเกี่ยวข้องกับฤดูที่ตั้งท้องหรือไม่
เธอยังพูดต่ออีกว่า ทุกคนควรที่จะเลี่ยงการตั้งครรภ์ช่วงสิ้นปี เพราะเธอรู้สึกแย่มาก แถมกลิ่นอาหารยังแย่มาก มันทำให้เธออยากจะอาเจียน นอกจากคุณแม่ท่านนี้แล้วยังมีคุณแม่อีกคน ที่บอกว่ามีประสบการณ์คล้ายกัน แต่ของเธอนั้นเป็นหน้าร้อน
พอเธอตั้งครรภ์ตอนหน้าร้อน เธอบอกว่าการคลอดของเธอเป็นไปได้ยากมาก เพราะมันมีปัญหาเรื่อง ความดันเลือดรวมอยู่ด้วย
Sanjima DeZoysa ผู้เชี่ยนชาญและให้คำแนะนำเรื่องการคลอดลูก กล่าวว่าจริงๆแล้ว การตั้งครรภ์ในสองฤดูนั้น มีความแตกต่างกันอยู่จริง
ไอ หรือ ภูมิแพ้
ในช่วงฤดูที่อากาศหนาว อาการเป็นไข้หวัด ไอ จะพบได้มากกว่า การที่คุณแม่ท้องมีภูมิคุ้มกันต่ำอยู่แล้ว ทำให้คุณสามารถติดโรคได้ง่าย กว่าคนทั่วไป การที่ทานอาหารมีประโยชน์และล้างมือตอนเข้าห้องน้ำบ่อยๆ จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้
ถ้าในกรณีที่คุณเป็นไข้ ให้พยายามทำตัวให้อุ่นที่สุด การฉีดวัคซีนก็ช่วยได้เช่นกัน แต่ต้องปรึกษาคุณหมอก่อนว่าวัคซีนชนิดไหน เหมาะกับคนท้องเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณ และ ลูก
การตั้งครรภ์ช่วงหน้าร้อน คุณจะไม่เป็นหวัดมาก แต่อาจจะมีอาการภูมิแพ้ แม้ว่าอาการลักษณะนี้ จะไม่ได้เป็นอันตรายต่อตัวแม่ และ เด็ก แต่มันจะสร้างความรำคาญอย่างมาก มันยังทำให้คนรู้สึกเหนื่อยล้าอีกด้วย รวมไปกับความเหนื่อยล้าที่คนท้องได้รับอยู่แล้ว ทำให้อาการอาจจะแย่ลงไปอีก
ถ้าอาการแย่มาก คุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
แดดร้อนเกินไป หรือ มืดเร็วเกิน Sunny & Gloomy
ตอนที่อากาศข้างนอกหนาวขึ้นมาก มันอาจจะทำให้คนแม่ไม่ได้รับ วิตามิน D จากแสงอาทิตย์ ซึ่งกรณีนี้ คงจะไม่เกิดขึ้นกับคุณแม่ในไทย เพราะอากาศของเรามีแสงแดดตลอดทั้งปี แต่คุณแม่ที่อยู่ในต่างประเทศ อาจจะต้องทานอาหารที่ให้ วิตามิน D กับร่างกาย อย่าง ปลาที่มีไขมัน หรือ ไข่
พอมาถึงตอนหน้าร้อน คุณแม่อย่าลืมใช้ ครีมกันแดด ดื่มน้ำเยอะๆ และเลี่ยงการปะทะกับแสงแดด โดยตรง
แดดเผา + โรคจากฤดูต่างๆ
โรคจากฤดูต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต จะถูกเรียกว่า Seasonal Affective Disorder (SAD) โรคเหล่านี้มักจะมากับสภาพอากาศที่ดู ทึมๆ เหงาๆ ทำตัวให้อุ่นไว้ จะดีที่สุด
ในหน้าร้อน ให้คุณแม่ระวังเรื่องการแต่งตัวที่อาจจะ ร้อนเกินไป แล้วเกิดอาการคุณแม่ เป็นลมเป็นแล้งไปจะไม่ดีกับใครหลายๆคน
ร้อนจนไม่อยากกิน + ไม่มีอารมรณ์จะกิน
เวลาช่วงปลายปี คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ อาจจะมีอาการเศร้า เพราะตัวเอง ไม่สามารถเอ็นจอย เทศกาลได้เต็มที่ กินเหล้าก็ไม่ได้ กินอะไรก็ไมได้ ทุกอย่างดูมีข้อห้ามเต็มไปหมด แม้ว่าจะลำบาก แต่ผู้เชี่ยวชาญว่า ให้คุณแม่ พยายามทานอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และ มองในแง่บวก คุณยังสามารถ พูดคุยกับคนอื่น และ เอ็นจอยได้ แม่ว่าคุณจะทานอาหารบางอย่างไม่ได้ก็ตาม
ความร้อน อาจจะทำให้คุณแม่ ไม่ชอบทานอาหาร ไม่อยากทานอาหาร คุณแม่ควรเปลี่ยนอาหารเป็นอาหารที่ให้ความรู้สึกเย็นแทน เช่น สลัด ผลไม้ หรือ อาหารทะเล ก็จะช่วยเรื่องการกินได้
อากาศร้อนจัด เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด
ไม่มีใครอยากให้ลูกคลอดก่อนกำหนด แม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกแข็งแรงสมบูรณ์ แต่จากการศึกษาวิจัยของ National Institute of Health เปิดเผยว่า สถานที่ที่แม่พักอาศัยมีผลต่อการคลอดก่อนกำหนด โดยเฉพาะคุณแม่ที่อาศัยในพื้นที่ร้อนจัดหรือหนาวจัด
สภาพอากาศมีอิทธิพลอย่างมากในช่วงเจ็ดเดือนแรกของการตั้งครรภ์และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพอากาศร้อน
นักวิจัยพบว่า การสัมผัสอากาศร้อนจัดสัมพันธ์กับการคลอดก่อนกำหนดมากกว่าการสัมผัสอากาศเย็นจัด เนื่องจากเวลาที่อากาศหนาวคนก็มักจะหาวิธีทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่เวลาที่อากาศร้อนจัด คนมักมีแนวโน้มที่จะทนกับความร้อน โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ไม่สามารถจ่ายค่าไฟที่เพิ่มขึ้น หรือซื้อเครื่องปรับอากาศได้
การสัมผัสอากาศร้อนจัดทำให้เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดเมื่ออายุครรภ์ 34 เพิ่มขึ้น 6% สัปดาห์ และความเสี่ยงจะเพิ่มเป็น 21% ในสัปดาห์ที่ 36-38 ของการตั้งครรภ์
นักวิจัยเชื่อว่า ภาวะเครียดจากอากาศที่ร้อนจัดอาจขัดขวางการพัฒนาของรกหรือเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนของเลือดไปยังมดลูก ซึ่งทั้งสองอย่างนี้อาจนำไปสู่การคลอดก่อนกำหนดได้
(หากตั้งครรภ์ครบกำหนด คุณแม่ควรจะคลอดระหว่างสัปดาห์ที่ 39-40 ในขณะที่การคลอดก่อนกำหนด คุณแม่จะคลอดก่อนครบ 37 สัปดาห์)
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ทารกคลอดก่อนกำหนดมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น และมีปัญหาสุขภาพในระยะยาว เช่น ความบกพร่องทางการมองเห็น การได้ยิน การหายใจ และการกิน
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่อพัฒนาการล่าช้า เช่น สมองพิการ ออทิสติก สมาธิสั้นโรคกล้ามเนื้อเสื่อม และโรคทูเร็ตต์ อีกด้วย
คุณแม่จะป้องกันการคลอดก่อนกำหนดได้อย่างไร
คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ได้แก่ ความดันโลหิตสูง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ การมีเลือดออกทางช่องคลอด น้ำหนักน้อยหรือน้ำหนักเกินก่อนการตั้งครรภ์ และโรคเบาหวาน
นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใช้สารเสพติด หรือความเครียด ก็เป็นสิ่งที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนดได้เช่นกัน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ผิวลูกแห้งเพราะอากาศหนาว ปัญหาใหญ่ของเบบี๋ที่ไม่ใช่แค่เรื่องผิวๆ
ไอเดียเสื้อกันหนาวเด็ก หน้านี้หนาวแล้ว อย่ารอช้า แต่งตัวให้ลูกกันเถอะ
วิธีดูแลทารกแรกเกิดถึง 1 ปี ช่วงหน้าหนาว เคล็ดลับการดูแลลูกน้อยวัยทารก (0-1 ปี) ช่วงหน้าหนาว
ที่มา : 1