รวมข้อสงสัย ผู้หญิงวัยทองท้องได้ไหม เผยทุกคำตอบกับท้องตอนวัยทอง

หมดประจำเดือนท้องได้ไหม หลายคนสงสัยกัน วันนี้เรามีคำตอบมาให้

การเป็นแม่คนคือสิ่งที่วิเศษ สำหรับ ผู้หญิงหลาย ๆ คน และ สำหรับหลายคนที่อายุเยอะแล้วก็อยากจะรู้ว่า ผู้หญิงวัยทองท้องได้ไหม การท้องตอนวัยทองจะเป็นไปได้ หรือเปล่า วันนี้เราจะมาศึกษาข้อเท็จจริง ไปพร้อม ๆ กันเลย ความจริงจะเป็นยังไงวันนี้เราหาคำตอบมาให้ทุกคนแล้ว กับ รวมข้อสงสัย ผู้หญิงวัยทองสามารถท้องได้ไหม หมดประจำเดือนท้องได้ไหม เผยทุกคำตอบกับท้องตอนวัยทอง

รวมข้อสงสัย ผู้หญิงวัยทองท้องได้ไหม หมดประจำเดือนท้องได้ไหม เผยทุกคำตอบกับท้องตอนวัยทอง

หมดประจำเดือนท้องได้ไหม รวมข้อสงสัย ผู้หญิงวัยทอง ท้องได้ไหม เผยทุกคำตอบ กับท้องตอนวัยทอง ท้องตอนวัยทอง จะมีปัญหาอะไร หรือเปล่า ทั้งปัญหาสุขภาพ และ ปัญหาต่อลูกน้อย ในครรภ์

ผู้หญิงวัยทองท้องได้ไหม ?

หมดประจำเดือนท้องได้ไหม วัยทอง หรือ ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause) คืออะไร ช่วงเวลาที่ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา และอายุ โดยช่วงเวลานี้ผู้หญิงจะเริ่มหมดประจำเดือน บางครั้ง ประจำเดือนจะมาผิดปกติ รวมถึง การตกไข่ด้วย ผู้หญิงวัยทองจะรู้สึก เป็นความรู้สึกร้อนขึ้นทันทีที่ผิวบริเวณศีรษะ หรือหน้าอก และจะมักมีเหงื่อออกมา รู้สึกหนาว อ่อนเพลีย และวิงเวียน

อาการหมดประจำเดือน (Perimenopause) เป็นอย่างไร? หมดประจำเดือนท้องได้ ไหม?

หมดประจำเดือนท้องได้ไหม วัยทองท้องได้หรือเปล่า ช่วงวัยทอง หรือ วัยหมดประจำเดือน ร่างกายของผู้หญิงจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ความต้องการทางเพศจะเริ่มน้อยลง รวมถึง อวัยวะเพศจะมีความแห้ง เวลามีเพศสัมพันธ์จะรู้สึกเจ็บปวดมาก บางคนอาจจะถึงขั้นภาวะกลัว การมีเพศสัมพันธ์ รวมไปถึง ภาวะซึมเศร้าด้วย เมื่อเข้าสู่วัยทอง ระดับเอสโตรเจน (Estrogen) ในร่างกายจะต่ำมาก จึงทำให้เวลามีเพศสัมพันธ์อาจมีอาการแสบร้อน ซึ่งสาเหตุเกิดจากผนัง และเยื่อบุผิวช่องคลอดแห้งสูญเสียความยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังทำให้ช่องคลอดแคบ และสั้นลงทำให้สร้างน้ำหล่อเลี้ยงได้น้อยจึงทำให้เกิดอาการเจ็บ

สำหรับผู้หญิงบางคนอาจจะต้องทนกับอาการเหล่านี้โดยใช้เวลาประมาณ 2 ปี แต่บางรายก็อาจจะกินเวลานานไปถึง 10 ปี ในทางวิทยาศาสตร์ สิ่งที่ผลักดันให้เกิดภาวะวัยทองนั้นก็คือ จำนวนไข่ที่ลดลง และ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และ โปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่ลดลงเช่นกัน

อายุเฉลี่ยของวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause) จะอยู่ระหว่าง 48 และ 52 โดยในบางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร (United Kingdom) นั้น ผู้หญิงวัยทองจะเริ่มตั้งแต่อายุ 40 ปี นั่นเป็นเพราะ พวกเธอเหล่านั้นได้เข้ารับการผ่าตัดรังไข่ตั้งแต่อายุยังน้อย เลยส่งผลกระทบในเรื่องของฮอร์โมนที่แปรผันไปมา

ข้อเท็จจริงของอัตราการตั้งครรภ์ของผู้หญิงในวัยทอง

โอกาสในการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติของผู้หญิงวัยทอง (Perimenopause) ต่ำมาก โดยมักจะไม่เกิน 2% และเทคนิคต่าง ๆ ในการตั้งครรภ์ก็อาจจะยังมีจำกัดเช่น เด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilization, IVF) เนื่องจากผู้หญิงวัยทองมีจำนวนไข่น้อย และ คุณภาพไข่ที่ต่ำกว่า อายุที่น้อยกว่า นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่าง ๆ มากมาย เช่น โอกาสแท้งบุตร ในวัยทองนั้นสูงมากถึง 50% รวมถึง ผู้หญิงอายุ 45 ปี เช่นเดียวกัน

ผู้หญิงวัยทองกับภาวะเจริญพันธุ์

ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงเพิ่มเติมของการตั้งครรภ์มากกว่า ผู้หญิงที่อายุยังน้อย แต่ปัจจุบันผู้หญิงวัยทองหลายคนก็มีการตั้งครรภ์สำเร็จ และปลอดภัยดีแล้ว แต่ก่อนอื่นเราต้องมาเรียนรู้เงื่อนไขก่อน การมีอายุมากขึ้นนั้นเราต้องเรียนรู้ร่างกายของเรามากกว่าปกติ โดย เฉพาะเมื่อผู้หญิงวัยทองอยากจะมีการตั้งครรภ์ การเรียนรู้เงื่อนไขของร่างกายตัวเองนั้นสำคัญมาก ต้องคอยเช็คว่า พวกเธอนั้นเป็นความดันโลหิต หรือเปล่า หรือมีอาการเบาหวาน มีเกณฑ์ที่จะเป็นเนื้องอกในมดลูก หรือ มะเร็งปากมดลูก หรือเปล่า ความเสี่ยงมากมายเกิดขึ้นกับแม่ท้องในวัยทอง เพราะฉะนั้นต้องอาจจะศึกษาเยอะหน่อย รวมถึง ผู้หญิงวัยทองที่มีอายุ มีเกณฑ์ที่จะเจออุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นจะมีเกณฑ์ที่เกิดการแท้งด้วย

อย่างไรก็ตามการดูแลตัวเอง และเรียนรู้ในวัยทอง รวมถึงการศึกษาการตั้งครรภ์ในช่วงวัยทองก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการตั้งครรภ์ที่ดี เพราะจากการศึกษาโอกาสที่ผู้หญิงวัยทองจะตั้งครรภ์สำเร็จมีถึง 40% โดยวิธี ที่ดีสำหรับการเตรียมตัวในการตั้งครรภ์คือ ออกกำลังกายเพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ไปยัง อวัยวะสืบพันธ์ุที่สำคัญรวมถึงรักษาน้ำหนักตัวเพื่อลดโอกาสในการแท้ง

ลดการสัมผัสสารพิษ โดยการลดการสูบบุหรี่ และ แอลกอฮอล์ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณรวมถึงรบกวนสัญญาณฮอร์โมน ในร่างกาย

อาหารที่ควรกินเมื่อตั้งครรภ์

1. โยเกิร์ตไขมันต่ำ

การกินโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวันนั้น ดีต่อสุขภาพของคุณแม่ ที่กำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่มาก ๆ เนื่องจากในโยเกิร์ตนั้นมีสารอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ชนิดต่าง ๆ แคลเซียม และโปรตีน โยเกิร์ตเป็นอะไรที่กินแล้วย่อยง่าย ดีต่อระบบขับถ่าย ซึ่งสารอาหารที่มีอยู่ในโยเกิร์ตนั้นจะเข้าไปช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อ จึงเหมาะอย่างมากที่คุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์ควรได้รับอย่างสม่ำเสมอ แต่ต้องเป็นโยเกิร์ตที่มีไขมันต่ำเท่านั้นถึงจะดีต่อคุณแม่

2. อาหารที่มีธาตุเหล็ก

การที่คุณแม่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงได้ จะต้องกินอาหารจำพวกที่มีธาตุเหล็กสูง เพราะจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคได้ ช่วยป้องกันโรคโลหิตจางได้เป็นอย่างดี หากร่างกายของเราขาดสารอาหารที่สำคัญอย่างธาตุเหล็กไป ก็จะมีผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันโรค ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ จึงควรกินอาหารที่มีธาตุเหล็ก จะพบได้จาก เนื้อสัตว์ ไก่ ตับ เลือด ปลา ไข่แดง ผักที่มีสีเขียวเข้ม ถั่วแดง งา ลูกพรุน และขนมปังโฮลวีต

3. ผักและผลไม้

อีกหนึ่งชนิดอาหารสำคัญที่คุณแม่ท้องอ่อน ๆ จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ ผัก และผลไม้ เนื่องจากในอาหารประเภทนี้มีวิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยในการบำรุงครรภ์ และช่วยสร้างกระบวนการเจริญเติบโตของลูกน้อยได้ ผลไม้ที่แนะนำให้กินก็ได้แก่ มะม่วง มะละกอ แอปเปิล ส้ม ส่วนผักก็เป็นจำพวกผักใบเขียวที่สามารถนำไปปรุงเป็นอาหาร หรือคั้นออกมาเป็นน้ำผักผลไม้ได้

4. อาหารที่มีโปรตีน

ในช่วงที่คุณสาว ๆ กำลังเริ่มตั้งครรภ์ใหม่ ๆ ร่างกายของคุณแม่ และเจ้าตัวเล็กนั้นต้องการได้รับโปรตีนที่เพียงพอเข้าไปช่วยสร้างกล้ามเนื้อและบำรุงให้ร่างกายแข็งแรง โดยสารอาหารจำพวกโปรตีนจะเข้าไปช่วยต้านทานโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย อีกทั้งยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย แล้วโปรตีนที่ดีจะได้จากไหนบ้าง ก็ได้แก่ เนื้อสัตว์ติดมัน เนื้อไก่ ไข่ และอาหารทะเล เป็นต้น

Source : https://www.sanook.com, Woman and Home

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

แม่ท้องอายุ 40 up เสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวาย

เลือดออกตอนท้องเป็นอะไรมั๊ย? เลือดออกแบบไหนต้องไปหาหมอด่วน

ท้องนานเกินลูกเสี่ยงตาย วิจัยเผยการท้องที่นานเกินไปอาจทำอันตรายให้ลูกถึงชีวิต

จิงจูฉ่าย สุดยอดสมุนไพรต้านมะเร็ง กินกับอะไรก็อร่อย แต่คนท้องต้องระวัง!

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!