ส้มตำช่วยลดน้ำหนัก ได้ไหม? ควรกินอย่างไรให้ได้ประโยชน์? ส้มตำถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ใครๆ เห็นแล้วก็ต้องโปรดปรานมากเป็นพิเศษ ด้วยรสชาติที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครเห็นแล้วก็ต้องชอบ แต่หารู้ไม่ว่าเมนูส้มตำนี้ยังเป็นเมนูที่มีแคลอรี่ต่ำอีกด้วย วันนี้แอดเลยจะพาคุณแม่ทุกคนมาทำความรู้จักกับส้มตำกันว่า ส้มตำช่วยลดน้ำหนัก อย่างไร ตามมาดูกันได้เลย
เมนูส้มตำ คือ
(รูปจาก freepik.com)
เป็นเมนูประจำท้องถิ่นของภาคอีสานที่คนนิยมนำมารับประทานกันอย่างแพร่หลาย แต่หลายคนก็เริ่มสงสัยว่าเมนูส้มตำนี้มีต้นกำเนิดมาจากไหน และความสงสัยนี้ก็ยังไม่สามารถสรุปได้เช่นกัน แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหา แถมยังเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนในประเทศไทยติดใจในรสชาติ ถึงกับเอ่ยปากชมว่า “ส้มตำ” เป็นเมนูที่อร่อยมากที่สุดเลยก็ว่าได้
รวมสูตรส้มตำ 5 เมนูยอดฮิตและแคลอรี่ต่ำ
สำหรับใครที่ชอบกินส้มตำเป็นชีวิตจิตใจบอกเลยว่าห้ามพลาด เพราะเรารวมสูตรเมนูส้มตำยอดฮิตมาให้ได้ลองทำกันแล้ว
ส้มตำปูปลาร้า 40 แคลอรี่
(รูปจาก freepik.com)
- มะละกอดิบ
- กระเทียม 5 กลีบ
- พริกขี้หนู 5 เม็ด
- มะเขือเทศ 1 ลูก
- น้ำมะนาวหรือน้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลาร้าต้มสุก 1 กระบวย (ปริมาณตามความชอบ)
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- ปูดอง 1 ตัว
- มะกอก 1 ลูก
วิธีทำ
ก่อนอื่นเลยเราต้องโขลกพริกกับกระเทียมให้ละเอียดก่อน โดยอาจจะเป็นพริกสดหรือพริกแห้งสามารถเลือกได้ตามความชอบ จากนั้นทำการนำวัตถุต่างๆ ลงไป ได้แก่ มะเขือเทศ มะกอก มะนาว น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขาม น้ำปลา และน้ำปลาร้าลงไป คลุกให้เข้ากันตามด้วยเส้นมะละกอ ตำให้เข้ากันและปรุงรสชาติที่ตัวเองชาติ พร้อมเสิร์ฟใส่จานได้เลย สำหรับใครที่เป็นสายสุขภาพก็สามารถเสิร์ฟคู่กับผักได้เช่นกัน
ตำไทย 55 แคลอรี่
(รูปจาก freepik.com)
- มะละกอสับ
- มะเขือเทศ 3 ลูก
- พริกขี้หนู 3-7 เม็ด
- กระเทียม 5 กลีบ
- น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วลิสง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
อันดับแรกตำพริกกับกระเทียมให้ละเอียด จากนั้นใส่ส่วนประกอบต่างๆ ลงไป ได้แก่ ถั่วฝักยาว น้ำตาลปี๊บ มะนาว มะเขือเทศ กุ้งแห้ง ถั่วลิสง และน้ำปลา เป็นต้น ตามด้วยเส้นมะละกอ จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสตามความชอบแล้วตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย
ตำข้าวโพด 90 แคลอรี่
(รูปจาก siamtodaystory.com)
- มะละกอสับ
- ข้าวโพด 1/3 ฝัก
- มะเขือเทศ 3 ลูก
- พริกขี้หนู 3-7 เม็ด
- กระเทียม 5 กลีบ
- น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วลิสง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ลักษณะการทำจะคล้ายๆ กับตำไทย ซึ่งอันดับแรกก็จะทำการตำพริกกับกระเทียมให้ละเอียดก่อน จากนั้นใส่ส่วนประกอบต่างๆ ลงไป ได้แก่ ถั่วฝักยาว น้ำตาลปี๊บ มะนาว มะเขือเทศ กุ้งแห้ง ถั่วลิสง และน้ำปลา เป็นต้น ตามด้วยข้าวโพด คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสตามความชอบพร้อมใส่จานใส่จานเสิร์ฟได้เลยเช่นกัน
ตำซั่ว 130 แคลอรี่
(รูปจาก cooking.kapook.com)
- มะละกอดิบ
- กระเทียม 5 กลีบ
- พริกขี้หนู 5 เม็ด
- เส้นขนมจีน
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วฝักยาวหั่น
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือเทศหั่น 1 ลูก
- น้ำมะขามเปียก2 ช้อนโต๊ะ
- ผักกาดดอง
- ถั่วงอก
- ปูดอง (ไม่ใส่ก็ได้)
- ผักชีฝรั่ง
- กากหมู
วิธีทำ
โขลกพริกและกระเทียมเข้าด้วยกัน ตามด้วยวัตถุดิบต่างๆ ได้แก่ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว มะเขือเทศ น้ำปลาร้า และปูดอง จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน พร้อมใส่เส้นมะละกอ เส้นขนมจีน แล้วนำมาคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง ปรุงรสชาติตามความชอบ ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ โรยด้วยถั่วงอก ผักชีฝรั่งและกากหมูก็อร่อยได้อย่าบอกใคร
ตำผลไม้ 150 แคลอรี่
(รูปจาก krokyimthaifood.com)
- ข้าวโพด 70 กรัม
- สับปะรด 80 กรัม
- แอปเปิ้ล 60 กรัม
- ฝรั่ง 60 กรัม
- ส้มโอ 60 กรัม
- มะเขือเทศสีดา 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกแดงจินดา 7 เม็ด
- กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วลิสงคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
- มะนาว 1 ½ ลูก
- กระเทียมไทย 12 กลีบ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ขั้นตอนการทำจะคล้ายๆ กับตำข้าวโพดและตำไทย โดยอันดับแรกก็จะโขลกพริกกับกระเทียมให้ละเอียดก่อน จากนั้นก็ใส่วัตถุดิบต่างๆ ลงไปตามลำดับ ได้แก่ ข้าวโพด สับปะรด แอปเปิ้ล ฝรั่ง ส้มโอ มะเขือเทศ กุ้งแห้ง และถั่วลิสง เป็นต้น จากนั้นปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ ได้แก่ น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลปี๊บ ทำการคลุกเคล้าให้เข้ากัน พร้อมปรุงรสชาติที่ตัวเองชื่นชอบ และตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย
ประโยชน์ของส้มตำ
นอกจากจะเป็นเมนูที่น่าสนใจแล้ว ส้มตำยังเป็นเมนูที่มีคุณค่าทางโภชนาสูงมากอีกด้วย ได้แก่
มะละกอ
(รูปโดย Any Lane จาก Pexels)
มากันที่อันดับแรกนั้นคือ มะละกอ ที่มีสรรพคุณช่วยในเรื่องของการย่อยอาหาร ช่วยขับพยาธิ และช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน ที่สำคัญยังสามารถบำรุงน้ำนมได้อีกด้วย
มะเขือเทศ
(รูปโดย Karolina Grabowska จาก Pexels)
เป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวให้สวยขึ้น สำหรับใครที่ไม่สามารถรับประทานมะเขือเทศแบบสดๆ ได้ ก็อาจจะลองรับทานคู่กับเมนูส้มตำได้เลย ดีไม่ดีอาจจะช่วยให้เรารับประทานได้ง่ายขึ้น
มะกอก
(รูปจาก sukkaphap-d.com)
ช่วยแก้ในเรื่องของโรคเลือดออกตามไรฟัน นอกจากนี้ผลมะกอกที่สุกแล้วยังช่วยแก้กระหายน้ำได้ด้วย
พริกขี้หนู
(รูปโดย Artem Beliaikin จาก Pexels)
ช่วยขับลม และช่วยย่อยอาหารให้กับร่างกายของเราได้ และด้วยลักษณะเด่นของพริกทีมีรสชาติเผ็ดสิ่งนี้ก็จะช่วยในเรื่องของการเจริญอาหารให้กับเราด้วยเช่นกัน
กระเทียม
(รูปโดย Isabella Mendes จาก Pexels)
มากด้วยสรรพคุณมากมาย ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการขับลมในขับไส้ ช่วยขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหารได้ดี ที่สำคัญกระเทียมยังสามารถช่วยยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียและเชื้อราให้กับเราได้อีกด้วย โดยส่วนที่นำจะเป็นน้ำมันกระเทียม
มะนาว
(รูปโดย Lukas จาก Pexels)
สำหรับใครที่มักไออยู่บ่อยๆ ก็สามารถกินน้ำมะนาวผสมกับน้ำอุ่นได้เลย เพราะมะนาวจะช่วยในเรื่องของอาการไอ แก้เสมหะ และแก้เลือดออกตามไรฟันนั่นเอง
ผักชนิดต่างๆ
(รูปจาก decor.mthai.com)
อาทิเช่น ถั่วฝักยาว รสมันหวาน จะช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการทำงานของกะเพาะลำไส้ภายในร่างกายเราให้ทำงานได้ดีมากขึ้น
เชื่อว่าใครหลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับรสชาติและได้ลิ้มลองเมนูส้มตำกันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะไม่รู้ว่าเมนูที่เรากินเข้าไปสามารถลดน้ำหนักได้จริงไหม แน่นอนว่าเมนูส้มต่ำเป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีแคลอรี่ต่ำก็จริง แต่การรับประทานทุกครั้งเราควรเลือกวัตถุที่ดีต่อสุขภาพด้วย รับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะถ้าเรารับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไป สิ่งนี้ก็อาจจะเป็นโทษต่อร่างกายเราได้เช่นกัน และสำหรับคุณแม่คนไหนที่กำลังลดน้ำหนักระหว่างให้นมลูกก็อาจจะรับประทานได้ แต่ต้องให้ถูกหลักอนามัยและอยู่ในความดูแลของคุณหมอด้วยนั่นเอง
บทความที่น่าสนใจ : “ส้มตำสายบัวกับปลาทอด” เมนูคนท้อง แซบซี๊ดยกครก
คนท้องเปรี้ยวปากอยากกินส้มตำได้ไหม?
ที่มา : 1, mthai, sanook
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!