ตับอ่อนอักเสบ โรคร้ายที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง สังเกตตัวเอง เพื่อการป้องกันและรู้เท่าทันโรค บทความนี้จะพาไปดูรายละเอียด โรคตับอ่อนอักเสบ เพื่อการป้องกันและรักษาที่ถูกต้อง
ตับอ่อนอักเสบ คืออะไร?
ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) คือ การอักเสบที่เกิดขึ้นที่ตับอ่อน ทำให้เนื้อเยื่อของตับอ่อนเกิดอ่อนบวม และถูกทำลาย โดยปกติแล้วตับอ่อนมีลักษณะยาว แบน อยู่ด้านหลังกระเพาะอาหาร อยู่ที่ท้องส่วนบน ทำหน้าที่ในการผลิตเอนไซม์ย่อยอาหาร และผลตฮอร์โมนที่ช่วยในการควบคุม กระบวนการทำงานของน้ำตาลในร่างกาย
![ตับอ่อนอักเสบ](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2021/12/shutterstock_2006387603-300x200.jpg?width=700&quality=10)
อาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน
อาการตับอ่อนอักเสลเฉียบพลัน คือ ภาวะที่ตับอ่อนเกิดการอักเสบรุนแรงเฉียบพลัน โดยจะเป็นการอักเสบที่บริเวณเซลล์ของตับอ่อน ที่เกิดจากการมีน้ำย่อยจากตับอ่อน ไหลผ่านท่อของตับอ่อน ทำให้น้ำย่อยเนื้อเยื่อตับอ่อน เกิดอาการอักเสบขึ้น โดยอาการจะรุนแรง และรวดเร็วกว่าปกติ ซึ่งโดยปกติแล้ว อาการจะดีขึ้นหลังจากได้รับการรักษา 1-2 สัปดาห์
ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน เป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงทันที และอาจปวดท้องแบบเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งอาจใช้เวลานานถึงหลายปี โดยผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง จะสามารถหายได้เอง โดยไม่ต้องทำการรักษา แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ประเภทของโรคตับอ่อนอักเสบแบบเฉียบพลัน
โรคตับอ่อนอักเสบแบบเฉียบพลัน แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ตับอ่อนอักเสบบวมน้ำ และตับอ่อนอักเสบที่มีเนื้อตาย ดังนี้
- ตับอ่อนอักเสบบวมน้ำ (Interstitial Edematous Pancreatitis) สามารถพบมากในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน โดยจะมีอาการตับอ่อนบวม และมีการสะสมของสารน้ำในรอบ ๆ ตับอ่อน
- ตับอ่อนอักเสบที่มีเนื้อตาย (Necrotizing Pancreatitis) โดยมีเนื้อตายของตับอ่อนจากการที่เลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ และมีเนื้อตายรอบ ๆ ตับอ่อน โดยส่วนใหญ่จะเกิดร่วมกัน แต่อาจเกิดในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง
สาเหตุของการเกิดตับอ่อนอักเสบ
ตับอ่อนอักเสบ เกิดขึ้นเมื่อเอนไซม์จากตับอ่อนซึ่งทำหน้าที่ย่อยอาหาร เริ่มทำงานตั้งแต่อยู่ในตับอ่อน โดยเฉพาะเอนไซม์ที่ชื่อว่าทริปซิน (Trypsin) ซึ่งทำหน้าที่ใสนการย่อยโปรตีน ที่ปกติแล้วจะไม่ทำงานเมื่ออยู่ในตับอ่อน แต่จะทำงานเมื่ออยู่ในลำไส้เล็กเท่านั้น เมื่อตับอ่อนเกิดการอักเสบ จะทำให้เกิดภาวะสารเคมีผิดปกติ ซึ่งจะกระตุ้นให้น้ำย่อยของตับอ่อน และทริปซินทำงาน น้ำย่อยเหล่านี้ จะย่อยสลายเซลล์ของตับอ่อน และทำให้เกิดภาวะตับอ่อนอักเสบในที่สุด
หากเซลล์ในตัยอ่อน มีอาการอักเสบอย่างต่อเนื่อง หรือ เกิดการอักเสบเรื้อรัง โดยอาจเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบเฉียบพลัน ที่รักษายังไม่หาย เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม การทำงานที่บกพร่องของตับอ่อน จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร และทำให้เกิดโรคเบาหวานได้
![ตับอ่อนอักเสบ](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2021/12/shutterstock_1105739429-300x200.jpg?width=700&quality=10)
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรค
- การดื่มแอลกอฮอล ในปริมาณที่มาก และติดต่อกันเป็นเวลานาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักดื่มมากกว่า 50 กรัมต่อวัน ติดต่อกัน เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี มากกว่า 25 – 35%
- นิ่วในถุงน้ำดี มักเกิดจากนิ่วที่หลุดออกมาจากถุงน้ำดีที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร โดยสาเหตุนี้สามารถพบได้ในผู้ป่วย มากถึง 40 – 70%
- เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น ไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูง เนื้องอกตับอ่อน โรคเกี่ยวกับตับอ่อนที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ระดับแคลเซียมในเลือดสูง ยาชนิดต่าง ๆ
อาการตับอ่อนอักเสบเป็นอย่างไร?
อาการตับอ่อนอักเสบ จะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชนิดของการอักเสบ ดังนี้
- ปวดท้องอย่างรุนแรง ปวดบริเวณท้องส่วนบน อาจมีอาการปวดร้าว ลามไปถึงหลังได้ โดยจะปวดประมาณ 2-3 วัน
- ปวดท้องมากขึ้นเมื่อรับประทานอาหาร
- กดแล้วเจ็บเมื่อสัมผัสหน้าท้อง อาจมีอาการท้องอืด
- มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน
- เกิดภาวะช็อค จากการขาดน้ำ มีอาการกระสับกระส่าย เหงื่ออก ตัวเย็น ชีพจรเต้นเบา หรือ เต้นเร็ว ความดันต่ำ
- มีอาการดีซ่าน
อาการตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง อาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้
- ปวดท้องส่วนบน เป็น ๆ หาย ๆ หรือ อาจปวดตลอดเวลา
- น้ำหนักตัวลดผิดปกติ แบบไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเกิดจากร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างปกติ
- มีภาวะอุจจาระมีไขมันมาก อุจจาระเป็นสีเทา สีซีด หรือ มีกลิ่นมากกว่าปกติ
การตรวจวินิจฉัยโรคตับอ่อนอักเสบ
- ซักประวัติส่วนตัว
- ตรวจร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ตรวจทางห้องปฏิบัติการณ์ทั่วไป เช่น ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือก การตรวจการทำงานของตับ ระดับน้ำตาล ระดับแคลเซียม และ ระดับไตรกลีเซอไรด์
- เจาะเลือดตรวจหาเอนไซม์อะไมเลส (Amylase) และ ไลเปส (Lipase) โดยตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน จะพบเอนไซม์อะไมเลส ที่มีค่าสูงขึ้น ภายใน 6-12 ชั่วโมง และค่าไลเปสในเลือดจะสูงขึ้นตั้งแต่มีการอักเสบ
- การทำอัลตราซาวด์ (Ultrasound)
- การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
- การส่องกล้องตรวจท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (ERCP)
![ตับอ่อนอักเสบ](https://static.cdntap.com/tap-assets-prod/wp-content/uploads/sites/25/2021/12/senior-woman-with-medical-problems-300x200.jpg?width=700&quality=10)
การรักษาโรคตับอ่อน
การรักษาตับอ่อนอักเสบ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
-
การรักษาตับอ่อนอักเสบแบบเฉียบพลัน
- โดยปกติแล้ว การรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอ่อนอักเสบแบบเฉียบพลัน จำเป็นจะต้อให้สารน้ำทางหลอดเลือด และให้ยาบรรเทาอาการปวด โดยผู้ป่วย อาจต้องงดรับประทานอาหารและน้ำ เพื่อลดการทำงานของตับอ่อนก่อน จนกว่าอาการที่อักเสบจะทุเลาลง โดยแพทย์จะทำการให้น้ำเกลือ และสารอาหารทางหลอดเลือดดำ เพื่อป้องกันภาวะช็อค จากการขาดน้ำ และเป็นการรักษาสมดุลของเกลือแร่ จนกว่าผู้ป่วยจะรับประทานอาหารทางปากได้เอง
- สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง จะต้องพักรักษาตัวที่ห้องดูแลผู้ป่วยหนัก หรือ ห้องไอซียู (Intensive Care Unit: ICU) ซึ่งแพทย์จะทำการดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะตับอ่อนอักเสบ จะสร้างความเสียหายแก่หัวใจ ปอด หรือ ไต
- ผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรง อาจทำให้เนื้อเยื่อตับอ่อนตายได้ ถ้ามีการติดเชื้อ อาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเนื้อเยื่อเสียหาย
- หากนิ่วในถุงน้ำดีกำเริบ อาจจำเป็นจะต้องนำถุงน้ำดีออก หรือ ผ่าตัดท่อน้ำดี โดยหลังจากนำนิ่วออกแล้ว การอักเสบจะหายไป ตับอ่อนก็จะกลับมาทำงานได้อย่างปกติ
- ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน มักจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน โดยอาการของผู้ป่วยมักจะดีขึ้น และหายได้เป็นปกติ ภายในประมาณ 1-2 สัปดาห์
2. การรักษาตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง
- การรักษาตับอ่อนอักเสบเรื้อรังเป็นการทำได้ยาก แพทย์จะต้องรักษาด้วยการลดอาการปวด และจัดแจงเรื่องโภชนาการ โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะได้รับเอนไซม์ของตับอ่อน และ จำเป็นต้องได้รับสารอินซุลิน และต้องปรับตัวไปรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำด้วยเช่นกัน
- การผ่าตัดอาจจำเป็นสำหรับผู้ป่วยโรคนี้ในบางราย เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง คืนการระบายเอนไซม์ หรือ ฮอร์โมนของตับอ่อน การรักษาตับอ่อนอักเสบที่เกิดจากการปิดกั้นของท่อตับอ่อน หรือ ลดความถี่ของอาการกำเริบของโรค
- ผู้ป่วยตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง จำเป็นต้องหยุดสูบบุหรี่ และ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล ตามที่แพทย์แนะนำ และต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ภาวะแทรกซ้อนของตับอ่อนอักเสบ
ภาวะแทรกซ้อนของตับอ่อนอักเสบ อาจเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยบางราย โดยในผู้ป่วยมักพบอาการต่าง ๆ ดังนี้
- เกิดความเสียหายกับไต
- เป็นมะเร็งตับอ่อน
- โรคเบาหวาน
- ขาดสารอาหาร
- ตับอ่อนติดเชื้อ
- หายใจลำบาก
- เกิดภาวะช็อคจากการขาดน้ำ
- ตัวซีด
การป้องกันตับอ่อนอักเสบ
ตับอ่อนอักเสบ สามารถป้องกันได้ ดังนี้
- งดการดื่มแอลกอฮอล
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
- หากมีนิ่วในถุงน้ำดี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา
ตับอ่อนอักเสบ หรือ ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน อาจเป็นโรคที่ไม่มีอาการที่แน่ชัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการทั่ว ๆ ไป ดังนั้นการตรวจสุขภาพประจำปี จึงเป็นวิธีป้องกันที่ดี ที่จะช่วยให้รู้ว่าร่างกายแข็งแรงหรือไม่ หากใครที่มีอาการผิดปกติใด ๆ ก็ตาม ควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย และการรักษาต่อไป
ที่มาข้อมูล bangkokhospital pobpad
บทความที่น่าสนใจ
อาการโรคตับเริ่มแรก ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับอาการของโรคตับ
โรคตับแข็งอาการเป็นอย่างไร โรคตับแข็งมีวิธีรักษาหรือไม่ รวมความรู้เกี่ยวกับโรคตับแข็ง
โรคตับอักเสบ และโรคตับแข็งในเด็ก เกิดได้อย่างไร และควรป้องกันอย่างไร
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!