X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้าเข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

โรคตับอักเสบ และโรคตับแข็งในเด็ก เกิดได้อย่างไร และควรป้องกันอย่างไร

บทความ 5 นาที
โรคตับอักเสบ และโรคตับแข็งในเด็ก เกิดได้อย่างไร และควรป้องกันอย่างไร

โรคตับอักเสบ ส่วนใหญ่ถ้าเราได้ยินคำว่า โรคตับ มักจะเข้าใจว่า โรคนี้เกิดกับผู้ใหญ่หรือผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมไม่ดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง

โรคตับอักเสบ ส่วนใหญ่ถ้าเราได้ยินคำว่า โรคตับ มักจะเข้าใจว่า โรคนี้เกิดกับผู้ใหญ่หรือผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมไม่ดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง เช่น ดื่มเหล้าหนัก จนเป็นตับแข็ง ลามไปเป็นมะเร็งตับ หรือมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี แล้วเกิดตับอักเสบเรื้อรัง แต่ความจริงแล้ว โรคตับสามารถเกิดกับเด็กเล็กๆ ได้แม้แต่เด็กทารก

 

โรคตับอักเสบ

โรคตับอักเสบ เกิดขึ้นกับทารกได้ ดังนั้นมารู้จัก “ตับ” ว่ามีหน้าที่อะไรบ้าง

“ตับ” คืออวัยวะอยู่ในช่องท้องด้านขวาบน ตับมีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง เช่น เป็นอวัยวะคล้ายเป็นตัวกลางรับเลือดจากลำไส้ ส่งผ่านสารอาหารที่มาจากลำไส้ไปสู่ร่างกายอื่น อธิบายง่ายๆ มีหน้าที่คือ

  1. ตับคือตัวกลางส่งผ่านสารอาหารจากลำไส้ไปสู่อวัยวะอื่นๆ
  2. ตับมีหน้าที่ทำลายสารพิษที่ปนในเลือดผ่านลำไส้
  3. ตับมีหน้าที่ผลิตน้ำดีและไปตามท่อน้ำดีแล้วเก็บไว้ที่ถุงน้ำดี
  4. ตับมีหน้าที่ย่อยและดูดซึมไขมันที่ส่งจากน้ำดีสู่ลำไส้เล็ก ช่วยให้เลือดแข็งตัว

 

โรคตับอักเสบ ในเด็ก เกิดจากอะไร แสดงอาการอย่างไร

อย่างที่กล่าวไปว่า โรคตับอักเสบ ไม่ได้เกิดเฉพาะแค่ผู้ใหญ่เท่านั้น แต่สามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัน ที่น่าตกใจคือ สามารถเกิดในวัยเด็กเล็กมาก ๆ

 

วิธีสังเกตอาการโรคตับอักเสบในเด็ก

  1. เด็กที่ป่วยเป็นโรคตับจะมีอาการดีซ่าน ตา หรือผิวหนังเป็นสีเหลือง
  2. โรคตับเรื้อรัง เด็กจะมีอาการท้องโต เกิดจากภาวะมีน้ำในช่องท้อง ตับและม้ามมีขนาดใหญ่ขึ้น
  3. อวัยวะบวมขึ้น เช่น ขาบวม แขนบวม หน้าบวม เป็นเพราะว่าตับไม่สามารถสร้างโปรตีนได้
  4. รูปร่างผอมลง แขนลีบ ขาลีบ เนื่องจากรับประทานอาหารได้น้อยลง รวมถึงร่างกายเผาผลาญสารอาหารมากผิดปกติ
  5. อาการรุนแรงถึงขั้นอาเจียนเป็นเลือด และถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ เพราะเส้นเลือดในหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหารที่โป่งพองขึ้นแล้วแตกทำให้มีเลือดออกไม่หยุด สาเหตุเพราะตับไม่สามารถผลิตสารที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว

 

โรคตับในเด็กที่เกิดอย่างเฉียบพลัน

โรคตับเรื้อรังแบบเฉียบพลันในเด็กสามารถหายเองได้ นั่นเป็นเพราะว่า ถ้าเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แพทย์จะรักษาตามอาการที่เป็นอยู่ ไม่ใช้ยาแรงหรือผ่าตัดใดๆ ถ้าต้องหยุดยารับประทาน เช่น การรับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาด แพทย์จะคอยเฝ้าระวังอาการและให้ยาล้างสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย

 

 

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคตับอักเสบเรื้อรัง

1. เกิดจากความผิดปกติของท่อน้ำดี

โรคตับอักเสบเรื้อรังเกิดจากท่อน้ำดีตีบตัน ท่อน้ำดีโป่งพอง โรคท่อน้ำดีในตับมีจำนวนลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เด็กมีอาการดีซ่านพบได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด จนถึงอายุ 2-3 สัปดาห์

 

2. เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ จากแม่สู่ลูก

โรคตับอักเสบที่เกิดจาก การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี หรือ ซี ซึ่งเด็กที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี มักเกิดจากติดเชื้อจากมารดาระหว่างคลอด แต่ทารกแรกเกิดกลับจะไม่แสดงอาการผิดปกติจนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ ผ่านไปจนเติบโต จนเด็กบางคนอาจเกิดตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็งเป็นมะเร็งตับได้เหมือนผู้ใหญ่ ส่วนเด็กที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี เกิดจากได้รับเลือดจากคนที่มีเชื้อไวรัสอยู่ได้น้อยมาก ดังนั้นจึงมีการตรวจเลือดของผู้บริจาคเลือดทุกครั้งว่ามีเชื้อไวรัสสายพันธุ์ต่างๆหรือไม่ ก่อนจะนำไปรักษาผู้ป่วยโรคต่าง ๆ

 

3. เกิดจากสารทองแดงสะสมในตับมากกว่าปกติ

เคยได้ยินคำว่า โรคไขมันพอกตับหรือไม่ ปกติถ้าเราลดน้ำหนัก ลดไขมัน ทางผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำการออกกำลังกายและควบคุมอาหารประเภทไขมันเพื่อลดไขมันที่เกาะตับอยู่ ซึ่งโรคตับอักเสบจะเกิดจากโรคไขมันในตับ ซึ่งพบในเด็กที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ซึ่งเด็กที่เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด อาจจะมีการรักษาจริงจังถึงขั้นผ่าตัด แต่อย่างไรก็ตาม แพทย์จะพิจารณารักษาตามอาการก่อน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องเป็นไวรัสตับอักเสบบี ถ่ายทอดจากแม่ท้องสู่ทารก ท้อง เป็นไวรัสตับอักเสบบี ลูกเสี่ยงมะเร็งตับ

 

โรคตับอักเสบ

ข้อควรระวังและสังเกตลูกๆ ที่เสี่ยงต่อโรคตับอักเสบ

อย่างที่กล่าวไปว่า คนส่วนใหญ่มักคาดไม่ถึงว่า เด็กทารกจะเป็นโรคตับอักเสบได้ ปัจจุบันแพทย์พยายามสื่อสารให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจว่า โรคตับอักเสบที่เด็กเป็นนั้น นอกจากเกิดติดเชื้อจากมารดาระหว่างคลอดแล้ว ยังเกิดจากความผิดปกติของท่อน้ำดีที่ตีบตันแล้วไปพบแพทย์ไม่ทันการณ์ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่คิดว่าเกิดจากเด็กรับประทานนมแม่ แล้วพยายามให้ลูกดื่มน้ำมากๆ แทน ซึ่งจริงๆ แล้วโรคท่อน้ำดีตีบตันต้องรักษาด้วยการผ่าตัดภายในอายุ 2 เดือน เพื่อไม่ให้ตับเกิดการอักเสบรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นตับแข็ง จนอาจส่งผลให้เด็กเสียชีวิตภายในอายุ 2 ปี  ทั้งนี้ถ้าประชาชนทั่วไปรู้จักโรคตับอักเสบในเด็กดีขึ้น และพาลูกมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็จะทำให้เด็กหายจากโรคตับและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 

มาดูภาวะโรคตับแข็งในเด็กกันบ้าง

อย่างที่ทราบว่า ตับ มีหน้าที่ขับของเสียในเลือด ดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์และจำเป็น สร้างน้ำดี นำสารอาหารจากลำไส้เล็กไปสู่อวัยวะต่างๆ หากเซลล์ในตับถูกทำลาย ของเสียจะไม่ได้รับการกำจัด ทำให้เกิดการสะสมของเสียจนเป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งภาวะตับแข็งไม่ใช่แค่การดื่มแอลกอฮอล์อย่างที่เราเคยได้ยินมา แต่เกิดจากหลายสาเหตุ

 

1. เกิดจากไวรัสตับอักเสบ

เด็กทารกอาจได้รับเชื้อไวรัสผ่านทางมารดาตอนคลอด แล้วมารดาก็เป็นพาหะนำโรค ผ่านทางอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค หรือใช้ของร่วมกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ

 

บทความจากพันธมิตร
วิธีเล่นกับลูกน้อย แรกเกิด – 1 ปี เสริมสร้างพัฒนาการแบบปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ
วิธีเล่นกับลูกน้อย แรกเกิด – 1 ปี เสริมสร้างพัฒนาการแบบปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ
ชวนคุณแม่ ฝึกลูกน้อยเคลื่อนไหว เสริมพัฒนาการร่างกาย ในวัยขวบปีแรก
ชวนคุณแม่ ฝึกลูกน้อยเคลื่อนไหว เสริมพัฒนาการร่างกาย ในวัยขวบปีแรก
วิธีเลือก ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ให้ปลอดภัย ลูกใส่สบาย ไม่งอแง คุณแม่เบาใจ
วิธีเลือก ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ให้ปลอดภัย ลูกใส่สบาย ไม่งอแง คุณแม่เบาใจ
เคล็ดลับแม่ต้องรู้!! เลือก ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบกางเกง อย่างไร ให้ดีต่อพัฒนาการของลูกรัก?  และควรให้ลูกน้อยเปลี่ยนมาใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบกางเกงตอนไหนดี?
เคล็ดลับแม่ต้องรู้!! เลือก ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบกางเกง อย่างไร ให้ดีต่อพัฒนาการของลูกรัก? และควรให้ลูกน้อยเปลี่ยนมาใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแบบกางเกงตอนไหนดี?

2. ตับแข็งเกิดจากโรคทางพันธุกรรม

เกิดจากโรควิลสัน (Wilson’s Disease), โรคไกลโคเจนสะสม (Glycogen Storage Disease) หรือร่างกายมีเหล็กในร่างกายมากกว่าปกติ (Hemochromatosis) ธาตุทองแดงมากเกินไป อีกทั้งมีความบกพร่องของการดูดซึมคาร์โบไฮเดรตจนทำให้ภาวะตับแข็ง

 

3. ตับแข็งเกิดจากท่อน้ำดีทำงานผิดปกติ

ทารกแรกเกิดที่มีสุขภาพร่างกายไม่สมบูรณ์มีท่อน้ำดีตีบตัน แล้วน้ำดีไม่สามารถพาของเสียออกจากร่างกายได้ ของเสียไปอุดตันตามท่อต่างๆ ของร่างกาย ส่วนน้ำดีก็ย้อนกลับเข้าสู่กระแสเลือด และสะสมค้างอยู่ในตับ เมื่อของเสียไม่ได้รับการขับออก ตับก็จะเริ่มแข็งตัว ร้ายแรงสุดคือ ตับล้มเหลวเฉียบพลัน

 

4. การได้รับยาบางชนิดเกินขนาด

เรามักจะได้รับการตักเตือนว่าไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดมากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อตับ อย่างยาลดไข้ประเภทพาราเซตามอล ยิ่งคุณแม่กินยาตอนตั้งครรภ์เป็นประจำ ตัวยาก็จะส่งผ่านสายสะดือ ทำให้ไปสะสมในตัวเด็ก ส่งผลให้มีอาการตับแข็งตอนโตได้

 

โรคตับแข็งจะแสดงอาการอย่างไร แล้วคุณแม่สังเกตลูกน้อยได้อย่างไรบ้าง?

ในเด็กเล็กอาการของโรคตับแข็งจะไม่ค่อยแสดงออกให้เห็นทันที จนกระทั่งการทำงานของตับเริ่มล้มเหลว มีความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งคุณแม่สามารถสังเกตอาการของลูกได้ดังนี้

  • สังเกตร่างกายของลูกว่ามีเลือดคั่งตามฝ่ามือ ฝ่าเท้าหรือไม่มี มีเส้นเลือดสีแดงอมม่วงปรากฏตามร่างกายหรือเปล่า โดยเฉพาะบริเวณสะดือที่สามารถสังเกตได้ชัดเจน
  • หากลูกเกิดมีเส้นผมและขนตามตัวขาดหลุดร่วงโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • หากลูกมีไข้ขึ้นสูง อาเจียนเป็นเลือด ให้รีบพาลูกพบแพทย์ทันที
  • สังเกตดูว่าท้องโตหรือไม่ รวมถึงขาทั้งสองบวมใหญ่ เนื่องจากเกิดจากมีน้ำในร่างกายมากเกินไปจนไม่ขับออก
  • อย่านิ่งนอนใจหากเกิดผื่นคันตามผิวหนัง อาจเป็นสาเหตุของโรคตับแข็งได้
  • หากกล้ามเนื้อกระตุกๆ และร่างกายมีอาการสั่นเทาผิดปกติ ให้รีบพาลูกพบแพทย์ทันที
  • สังเกตดูว่าลูกของคุณมีอาการตัวเหลือง นัยน์ตาเหลืองไหม นั่นเป็นเพราะเกิดการสะสมของน้ำดีมากเกินไป

 

โรคตับอักเสบ

โรคตับแข็งวินิจฉัยได้อย่างไร

ใบเบื้องต้นแพทย์จะมีการสอบถามประวัติสุขภาพ เช็คประวัติสุขภาพ หรือกิจวัตรประจำวันว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ มีพฤติกรรมการดื่มสุราหรือไม่ จากนั้นจะมีการตรวจร่างกายทั่วไปโดยการคลำดูขนาดและตำแหน่งของตับ เพื่อประเมินการรักษาต่อไป

 

1. ใช้วิธีตรวจเลือด

เป็นการตรวจสารเคมีในเลือดเพื่อวัดประสิทธิภาพในการทำงานและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตับ เช่น ตรวจดูการแข็งตัวของเลือด เช็คค่าการทำงานของตับโดยดูค่าสารบิลิรูบิน (Bilirubin) คือการแตกตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดงหรือเอนไซม์และทดสอบหาโรคไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี

 

2. ใช้วิธีสแกนตับ

แพทย์จะใช้การสแกนตับโดยถ่ายภาพจากการเอกซเรย์ เพื่อดูสภาพของเนื้อเยื่อว่าเกิดพังผืดหรือรอยแผลขึ้นหรือไม่ เช่น เข้าเครื่องอัลตราซาวด์ (Ultrasound) เอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือซีที สแกน (CT Scan) ไปจนถึงการตรวจตับและม้ามด้วยรังสี (Radioisotope Liver/Spleen Scan) หรือไฟโบร สแกน (Fibro Scan)

 

3. ใช้วิธีการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ

แพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อและนำตัวอย่างบางส่วนของเนื้อเยื่อตับจากผู้ป่วยไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วยยืนยันผลที่แม่นยำอีกครั้ง ซึ่งวิธีนี้เป็นการวินิจฉัยของแพทย์และช่วยหาสาเหตุของโรคได้ค่อนข้างตรงจุด

 

คุณพ่อคุณแม่มีวิธีป้องกันลูกจากโรคตับแข็งได้อย่างไรบ้าง?

หากลูกของคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบตอนแรกคลอด ฉะนั้นก็อย่างวางใจว่า เด็กๆ จะไม่สามารถเป็นโรคนี้ได้ ควรมีวิธีป้องกันโรคตับให้ลูกวัยเด็กเล็กของเราได้ง่ายๆ

  • เช็ควัคซีนที่ลูกควรได้รับตามวัย โดยเฉพาะ HB2 ที่ป้องกันโรคตับอักเสบบี ซึ่งมีกำหนดฉีดเมื่อเด็กอายุ 1 เดือน
  • เช็คสุขภาพลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด ว่าท่อน้ำดีของลูกสมบูรณ์เป็นปกติหรือไม่ หากผิดปกติ ควรรีบผ่าตัดภายในอายุ 2 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันในท่อน้ำดี แล้วเป็นโรคตับแข็งในตอนโต
  • หมั่นทำความสะอาดภาชนะใส่อาหารของลูกน้อย จากนั้นนำภาชนะต่างๆ ไปอบความร้อนเพื่อฆ่าเชื้อโรค นอกจากนี้ควรระวังเรื่องอาหารของลูก ต้องมั่นใจว่าปรุงสุกและสดใหม่ทุกครั้ง
  • ดูแลเรื่องโภชนาการของลูกน้อยให้เหมาะสม ไม่ควรให้ลูกกินขบเค้ยวมากเกินไป เนื่องจากมีโซเดียมสูง รวมถึงอาหารรสเค็มจัด อาหารรสเผ็ดจัด นอกจากจะทำให้ลูกน้อยเสี่ยงเป็นโรคอ้วนแล้ว ยังเกิดไขมันพอกที่ตับอีกด้วย

 

 

บทความที่น่าสนใจ :

วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ

โรคตับในเด็ก จากใจของแม่ที่ลูก 9 เดือน ป่วยเป็นตับแข็งระยะสุดท้าย

ทำความรู้จัก 6 โรคอันตรายในเด็ก ที่ป้องกันได้ด้วย วัคซีนรวม เพียงเข็มเดียว

ที่มา : 1 , 2

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Chatchadaporn Chuichan

  • หน้าแรก
  • /
  • ทารก
  • /
  • โรคตับอักเสบ และโรคตับแข็งในเด็ก เกิดได้อย่างไร และควรป้องกันอย่างไร
แชร์ :
  • โรคติดต่อที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวัง 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ

    โรคติดต่อที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวัง 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ

  • ชี้เป้า 10 เครื่องฟอกอากาศห้อยคอ ช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ!

    ชี้เป้า 10 เครื่องฟอกอากาศห้อยคอ ช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ!

  • 8 วิธีง่าย ๆ อยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ พ่อแม่ไม่เก่งก็ฝึกลูกได้

    8 วิธีง่าย ๆ อยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ พ่อแม่ไม่เก่งก็ฝึกลูกได้

  • โรคติดต่อที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวัง 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ

    โรคติดต่อที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวัง 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ

  • ชี้เป้า 10 เครื่องฟอกอากาศห้อยคอ ช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ!

    ชี้เป้า 10 เครื่องฟอกอากาศห้อยคอ ช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ!

  • 8 วิธีง่าย ๆ อยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ พ่อแม่ไม่เก่งก็ฝึกลูกได้

    8 วิธีง่าย ๆ อยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ พ่อแม่ไม่เก่งก็ฝึกลูกได้

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2023. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลทารกและสุขภาพไปให้กับคุณ