การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและเปี่ยมไปด้วยความหวังสำหรับคุณแม่ทุกคน แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความกังวลและคำถามมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอด คุณแม่หลายคนมักสงสัยว่า อาการคนใกล้คลอด เป็นอย่างไร และอาการใกล้คลอดแบบไหนควรไปหาหมอ บทความนี้จะพาคุณแม่ไปไขข้อข้องใจเกี่ยวกับอาการต่างๆ ที่บ่งบอกว่าคุณแม่ใกล้คลอด รวมถึงคำแนะนำในการดูแลตัวเองและเมื่อใดควรขอความช่วยเหลือจากแพทย์ เพื่อให้คุณแม่ได้เตรียมตัวรับมือกับการคลอดลูกน้อยได้อย่างมั่นใจ
ท้องแข็งแบบไหนใกล้คลอด
อาการท้องแข็ง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายของคุณแม่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดลูกน้อยค่ะ การที่มดลูกหดตัวทำให้ท้องแข็งตัวเป็นช่วงๆ นั้นเป็นเรื่องปกติ แต่การสังเกตความแตกต่างของอาการท้องแข็ง จะช่วยให้คุณแม่ทราบได้ว่าใกล้ถึงกำหนดคลอดหรือไม่
- ท้องแข็งแบบมีจังหวะ: หากคุณแม่รู้สึกว่าท้องแข็งเป็นช่วงๆ มีจังหวะเว้นระยะ และความแข็งของท้องค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามดลูกกำลังหัดบีบตัวเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด
- ท้องแข็งบ่อยขึ้นและนานขึ้น: เมื่อใกล้คลอด ท้องจะแข็งบ่อยขึ้นและนานขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดจริง
- ท้องแข็งพร้อมกับอาการอื่นๆ: หากท้องแข็งร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ปวดหลัง ปวดท้องแบบประจำเดือน หรือมีเลือดออก ควรปรึกษาแพทย์ทันที
อาการคนใกล้คลอด อาการก่อนคลอด 1-2 สัปดาห์
แม้ว่าอาการเหล่านี้จะไม่ใช่สัญญาณที่บ่งบอกว่าจะคลอดทันที แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณแม่ใกล้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการตั้งครรภ์แล้วค่ะ
- ร่างกายเบาขึ้น: เมื่อใกล้คลอด ทารกจะค่อยๆ เคลื่อนตัวลงมาอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมสำหรับการคลอด ทำให้คุณแม่รู้สึกว่าร่างกายส่วนบนเบาขึ้น เหมือนมีพื้นที่มากขึ้น
- ปัสสาวะบ่อย: เนื่องจากทารกตัวโตขึ้นและเคลื่อนตัวลงมาด้านล่าง ทำให้กดทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้คุณแม่รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น
- เจ็บกระดูกเชิงกราน: ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาในช่วงใกล้คลอด ทำให้ข้อต่อและกระดูกเชิงกรานคลายตัว เพื่อเตรียมช่องคลอดสำหรับการคลอด ทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บปวดหรือไม่สบายบริเวณกระดูกเชิงกราน
- มีตกขาวเพิ่มขึ้น: ปริมาณตกขาวจะเพิ่มขึ้นและมีลักษณะข้นเหนียว เนื่องจากระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง และปากมดลูกเริ่มเปิดตัว
อาการคนใกล้คลอด อาการก่อนคลอด 3 วัน
เมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอด 3 วันสุดท้าย ร่างกายของแม่ท้องจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากขึ้น มาดูกันว่าอาการเหล่านั้นคืออะไรบ้าง
- ปวดท้องแบบประจำเดือน: อาการนี้เกิดจากการหดตัวของมดลูกเพื่อเปิดปากมดลูก ซึ่งจะทำให้รู้สึกปวดท้องเป็นช่วงๆ คล้ายกับช่วงมีประจำเดือน แต่ความรุนแรงและความถี่ของการปวดจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
- ปวดหลังส่วนล่าง: เนื่องจากทารกเคลื่อนตัวลงมาด้านล่าง และมดลูกหดตัว ทำให้เกิดแรงกดทับเส้นประสาทบริเวณหลัง ทำให้คุณแม่รู้สึกปวดเมื่อยบริเวณหลังส่วนล่าง
- มีอาการบีบรัดที่ท้องส่วนล่าง: อาการนี้เกิดจากการที่มดลูกหดตัวบีบรัด ทำให้รู้สึกเหมือนมีแรงกดที่ท้องส่วนล่าง
- น้ำเดิน: น้ำเดินเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว ทำให้น้ำคร่ำไหลออกมาทางช่องคลอด ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าใกล้ถึงเวลาคลอดแล้ว
เมื่อเกิดอาการเหล่านี้ คุณแม่ควรทำอย่างไร?
- บันทึกเวลา: บันทึกเวลาที่เริ่มมีอาการปวดท้อง หรือเวลาที่น้ำเดิน เพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบ
- ติดต่อแพทย์: เมื่อมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรติดต่อแพทย์หรือไปโรงพยาบาลทันที เพื่อให้แพทย์ประเมินอาการและให้คำแนะนำที่เหมาะสม
- เตรียมตัวให้พร้อม: หากมีอาการบ่งบอกว่าใกล้คลอด ควรเตรียมกระเป๋าสำหรับเข้าโรงพยาบาลให้พร้อม
ท้อง 37 สัปดาห์ อาการใกล้คลอด
เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 37 ของการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะเริ่มปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดลูกน้อย ซึ่งจะส่งผลให้อาจมีอาการบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป มาดูกันว่าอาการเหล่านั้นคืออะไรบ้าง
1. ทารกดิ้นน้อยลง
- สาเหตุ: เมื่อใกล้คลอด ทารกจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีพื้นที่เคลื่อนไหวในครรภ์น้อยลง ทำให้รู้สึกว่าทารกดิ้นน้อยลง
- สิ่งที่ควรทำ: แม้ว่าทารกจะดิ้นน้อยลง แต่คุณแม่ก็ควรสังเกตความเคลื่อนไหวของทารกเป็นประจำ หากรู้สึกว่าทารกดิ้นน้อยผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
2. น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
- สาเหตุ: ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะเก็บสะสมน้ำและไขมันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการให้นมบุตร ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- สิ่งที่ควรทำ: ควรควบคุมอาหารให้หลากหลายและมีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
3. มีอาการบวม
- สาเหตุ: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการกดทับของทารกต่อหลอดเลือด ทำให้เกิดการสะสมของน้ำในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณเท้าและข้อเท้า
- สิ่งที่ควรทำ: พักผ่อนให้เพียงพอ ยกเท้าขึ้นสูงขณะนั่งหรือนอน หลีกเลี่ยงการยืนนานๆ และควรปรึกษาแพทย์หากอาการบวมรุนแรงขึ้น
นอกจากอาการเหล่านี้แล้ว คุณแม่อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น
- ปวดหลัง: เนื่องจากทารกมีน้ำหนักมากขึ้นและกดทับกระดูกสันหลัง
- ปวดท้อง: เป็นอาการหดตัวของมดลูก ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าใกล้คลอด
- น้ำเดิน: น้ำคร่ำไหลออกมาจากช่องคลอด
- มีเลือดออก: อาจเป็นเลือดสีชมพูหรือสีน้ำตาลแดง ปริมาณน้อยหรือมาก
เมื่อมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและคำแนะนำที่เหมาะสม
ท้อง 38 สัปดาห์ อาการใกล้คลอด
เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 38 ของการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะเริ่มส่งสัญญาณบอกว่าใกล้ถึงเวลาได้พบกับลูกน้อยแล้วค่ะ อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ เป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกายเพื่อการคลอด ซึ่งอาจทำให้คุณแม่รู้สึกตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกัน
- ปากมดลูกเริ่มเปิด: ปากมดลูกจะค่อยๆ เปิดกว้างและบางลง เพื่อเตรียมช่องทางสำหรับให้ทารกออกมาได้
- มีการหดตัวของมดลูก: มดลูกจะเริ่มหดตัวเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นการฝึกบีบตัวเพื่อช่วยให้ทารกเคลื่อนตัวลงมาด้านล่าง และเปิดปากมดลูก
- ร่างกายพร้อมสำหรับการคลอด: ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการหดตัวของมดลูก และเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการคลอด เช่น ฮอร์โมนออกซิโทซิน
นอกจากอาการที่กล่าวมาข้างต้น คุณแม่อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น
- ปวดท้อง: อาการปวดท้องจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นและมีความถี่มากขึ้น
- น้ำเดิน: น้ำคร่ำไหลออกมาจากช่องคลอด
- มีเลือดออก: อาจมีเลือดออกเล็กน้อยปนกับมูก
- รู้สึกเหนื่อยล้า: ร่างกายจะรู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ
- อยากถ่ายอุจจาระ: เนื่องจากทารกกดทับลำไส้
เจ็บท้องเตือน VS เจ็บท้องคลอด
หลายคุณแม่มักจะสับสนระหว่างอาการเจ็บท้องเตือนกับเจ็บท้องคลอดจริง ๆ เพราะอาการทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่การแยกแยะให้ได้นั้นสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณแม่เตรียมตัวไปโรงพยาบาลได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที
อาการ | เจ็บท้องเตือน | เจ็บท้องคลอด |
ความสม่ำเสมอ | ไม่สม่ำเสมอ เป็นๆ หายๆ | สม่ำเสมอ |
ระยะห่างของการปวด | ห่างๆ เช่น ชั่วโมงละครั้ง | ถี่ขึ้นเรื่อยๆ เช่น ทุก 10 นาที, ทุก 5 นาที |
ความรุนแรงของอาการปวด | ไม่มาก | เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ |
ตำแหน่งที่ปวด | ท้องน้อย | ส่วนบนของมดลูก หรือยอดมดลูกและแผ่นหลัง |
ผลของการใช้ยาแก้ปวด | อาการปวดหาย มดลูกหยุดบีบตัว | อาการปวดลดลง แต่การบีบตัวของมดลูกยังคงอยู่ |
การเปลี่ยนแปลงของปากมดลูก | ไม่เปิดขยาย | เปิดขยาย |
การตั้งครรภ์และการคลอดบุตรเป็นประสบการณ์ที่มหัศจรรย์ แต่ก็เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ อาการคนใกล้คลอด จะช่วยให้คุณแม่สามารถเตรียมตัวและรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณแม่มีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับอาการใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อย ขอให้คุณแม่ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงและคลอดบุตรได้อย่างราบรื่น
ที่มา : โรงพยาบาลนครธน , inspireivf , enfababy
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ลูกดิ้นแบบไหนอันตราย ลูกแค่นอนหลับหรือเข้าขั้นวิกฤต
อาการครรภ์เป็นพิษ 8 เดือน สัญญาณเตือนแบบนี้ รีบพบแพทย์ด่วน!
Checklist เตรียมของไปคลอด จัดกระเป๋าเตรียมคลอด ต้องมีอะไรบ้าง