TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

การออกเสียง : 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ

บทความ 5 นาที
การออกเสียง : 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ

การออกเสียง หรือการพูด เป็นการสื่อสารที่มีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญ และใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเด็กเล็กนั้น

การออกเสียง หรือการพูด เป็นการสื่อสารที่มีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญ และใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเด็กเล็กนั้น ยังไม่มีความสามารถที่จะสื่อสาร หรือพูดออกมาให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะบอก การสื่อสารของเด็กวัยนี้ จึงทำได้เพียง การออกเสียง ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องเรียก หรือเสียงงอแง นั่นคือสิ่งที่เด็กวัยนี้จะสามารถสื่อสารกับเราได้

พัฒนาการทางภาษาของเด็กวัย 0 – 1 ขวบนั้น เด็กจะเกิดการเรียนรู้จากเสียงรอบข้าง หรือเสียงที่คุณพ่อคุณแม่สื่อสารถึงเขาโดยตรง เด็กในวัยนี้ จะเกิดการเรียนรู้ที่เร็วหรือช้านั้น คุณพ่อคุณแม่คือผู้กำหนดนั่นเองค่ะ

 

  • เด็กอายุ 1 เดือน

เด็กในวัย 1 เดือน แม้จะไม่สามารถสื่อสารอะไรได้มาก แต่การออกเสียงในลักษณะของการส่งเสียงร้อง เป็นการสื่อสารเมื่อตัวเด็กรู้สึกหิว หรือรู้สึกไม่สบายตัว ทำให้คุณพ่อคุณแม่จะต้องรีบพุ่งตัวเข้าไปหา เพื่อดูว่า ลูกน้อยต้องการอะไร

ซึ่งเด็กในวัยนี้จะสามารถตอบสนองต่อเสียงที่ดัง เช่นเกิดการสะดุ้งตัว หรือขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงรอบข้าง การพูดคุยกับลูกน้อย หรือการร้องเพลงกล่อม แม้ว่าเด็กยังไม่สามารถเข้าใจแต่ก็ประสาทสัมผัสจากคลื่นเสียงที่ส่งมา ก็สามารถกระตุ้นการเรียนรู้ให้เด็กในวัยนี้ได้เช่นกัน

 

  • เด็กอายุ 2 – 3 เดือน

การรับรู้และได้ยินเสียงรอบข้างจะเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนั้นเด็กในช่วงวัยนี้ จะเริ่มหันหาเสียงที่เกิดขึ้นอย่างสนใจใคร่รู้ และเกิดการเคลื่อนไหวตอบสนองเมื่อได้ยินเสียง ทำให้เกิดพฤติกรรมการเลียนเสียงเกิดขึ้น โดยเสียงที่ถูกสื่อสารออกในช่วงนี้จะเป็นเพียงเสียงอ้อแอ้ และก็จะเริ่มมีเรื่องของอารมณ์เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น เสียงอ้อแอ้เมื่อมีความพึงพอใจ หรืออ้อแอ้ในลักษณะไม่พอใจ หรือถูกขัดใจนั้นเอง

ช่วงวัยนี้คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตว่าลูกน้อยมีการตอบสนองจากเสียงที่เราพูดออกไปหรือไม่ เช่น มีปฏิกิริยาเมื่อได้ยินเสียงรอบข้าง เริ่มมีการสบตา และส่งเสียงอ้อแอ้ ตอบกลับ

 

  • เด็กอายุ 5 – 6 เดือน

พัฒนาการทางการออกเสียง และการได้ยินจะเริ่มชัดเจน ทำให้รู้จักแยกทิศทางของเสียงได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น รู้จักที่จะหันศีรษะไปทิศทางที่เป็นต้นกำเนิดของเสียง ทำให้ช่วงวัยนี้ เด็กจะเริ่มมีพัฒนาการ การออกเสียงที่แปลกแตกต่างจากเสียงอ้อแอ้ เราจะเริ่มได้ยินเสียงที่จะถูกเปล่งออกมาจากลำคอ เป็นเสียงต่าง ๆ มากกว่าเดิม

ช่วงเวลานี้ คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะพูดคุยกับเด็กให้มาก เพื่อลูกน้อยจะได้เกิดการจดจำการออกเสียง และฝึกโต้ตอบ แม้จะยังไม่สามารถพูดออกมาได้เป็นภาษาหรือเป็นคำก็ตาม โดยคุณพ่อคุณแม่ควรพูดให้ลูกฟัง แล้วหยุดรอฟังเมื่อเวลาเด็กออกเสียงโต้ตอบ แล้วจึงค่อยพูดกลับ จะทำให้เด็กรู้จักเรียนรู้ที่จะหยุดฟัง และพูดอย่างมีระบบ

การเปล่งเสียงของเด็กในวัยนี้จะเริ่มมีการเปล่งเสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ เริ่มมีการเล่นเสียง (Vocal Play) แม้ว่าจะไม่มีความหมายใด ๆ แต่เป็นการเรียกร้องความสนใจ และบอกความต้องการบางอย่างได้มากขึ้นนั่นเอง

 

การออกเสียง

 

  • เด็กอายุ 9 เดือน

เด็กในวัยนี้จะเริ่มเข้าใจความหมายของคำที่คุณพ่อคุณแม่สื่อสาร สามารถทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้แล้ว เช่น สวัสดี บ๊ายบาย ส่งจูบ หอมแก้ม หรือยิ้มหวาน เมื่อเด็กเริ่มเข้าใจคำสั่งที่เราสื่อสารออกไปแล้ว เด็กก็จะมีพัฒนาการการออกเสียงเพิ่มมากขึ้น เด็กจะสามารถพูดตามและเลียนเสียง ได้เป็นคำ ๆ และชัดเจนขึ้นกว่าเดิม

ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรพูดสื่อสารกับเด็กในลักษณะของการพูดคุยเหมือนผู้ใหญ่คุยกัน ออกเสียงให้ชัดเจน พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หรืออาจจะเริ่มเล่านิทานสั้น ๆ ให้ลูกฟัง เพราะทำเสียงและท่าทางประกอบ จะทำให้เด็กสามารถฝึกการเรียนรู้ได้เร็วยิ่งขึ้น

 

  • เด็กอายุ 10 – 12 เดือน

ช่วงนี้เด็กจะเริ่มพูดคำสั้น ๆ ที่มีความหมาย เพราะเด็กจะเริ่มเข้าใจกับคำพูดที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง เริ่มรู้จักหันไปหา เมื่อถูกเรียก เริ่มใช้โทรเสียงและท่าทางเพื่อเรียกชื่อ หรือสื่อสารถึงสิ่งต่าง ๆ จะเริ่มตอบคำถามด้วยการใช้ท่าทางร่วมกันกับเสียงได้ด้วยเช่นกัน แม้ว่าการออกเสียงของลูกนั้น จะยังไม่ชัดเจนหรือสมบูรณ์ ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มีการพัฒนาการที่ดี

การเล่านิทานพร้อมแสดงท่าทางประกอบ พร้อมทำเสียงหนัก เบา สูง และต่ำ ทำให้เกิดการเรียนรู้กับตัวเด็กได้มากยิ่งขึ้น ในช่วงวัย 1 ขวบนี้ จะเป็นช่วงพัฒนาของสมองอย่างไร้ขีดจำกัด เด็กจะเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะยังไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งนั้น ๆ ได้อย่างเต็มที่ก็ตาม

 

 

การออกเสียง

 

เทคนิคช่วยพัฒนาภาษาลูก

การส่งเสียงอ้อแอ้ของเจ้าตัวน้อยในช่วงเดือนแรก ๆ คือการนำไปสู่การพัฒนาด้านการสื่อสาร และการพูดในเวลาต่อมา เกิดจากการสังเกต และเลียนแบบในสิ่งที่เห็นจากผู้ที่เลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด เด็กที่สามารถออกเสียงสระคำเดี่ยว ๆ ได้ตั้งแต่อายุ 3 เดือน ก็จะสามารถออกเสียงคำ 2 พยางค์ได้หลายเสียงในช่วง 7 เดือน และเริ่มเรียนรู้คำศัพท์ในช่วง 8 เดือน พอเข้าสู่ช่วงวัย 10 เดือน ก็จะเริ่มพูดคำแรกออกมาได้กแล้ว หลังจากนั้นก็จะพัฒนาเป็น 2 – 3 คำในวัยครบ 1 ปี

ถึงแม้ว่าหนทางในการพัฒนาทางด้านภาษาจะต้องใช้เวลายาวนาน แต่หากได้รับแรงเสริม หรือการสนับสนุนจากผู้เลี้ยงดู เจ้าตัวน้อยก็จะสามารถฝึกฝนการออกเสียงนั้นได้มาก และรวดเร็วยิ่งขึ้น จนกระทั่งสามารถเปล่งเสียงออกมาเป็นคำ ๆ ได้วัยกว่าเด็กคนอื่นที่ไม่ได้รับการฝึกฝน

เทคนิคการฝึกสำหรับเด็กวัย 0 – 6 เดือน

มาดูกันว่า สิ่งที่พ่อแม่จะช่วยได้ เพื่อการพัฒนาภาษาลูกในวัยนี้มีอะไรบ้าง

  • ส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์ และความเชื่อมั่นในตนเอง โดยการแสดงความรัก ความต้องการ การให้ความอบอุ่น ขณะที่สัมผัส หรือโอบอุ้ม และพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความนุ่มนวล เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ลูกเรียนรู้ที่จะดำรงชีวิตในโลกด้วยความรัก และไว้ใจบุคคลรอบข้าง ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาความเชื่อมั่นในตัวเองต่อไป
  • ส่งเสริมให้ลูกเลียนแบบเสียงต่าง ๆ โดยการเลียนแบบการเล่นเสียงของลูก เพื่อให้ลูกสนใจ และเลียนแบบเสียงของผู้อื่นบ้าง
  • ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการฟัง โดยการเปิดเพลงให้ลูกฟัง หรือให้ลูกเล่นของเล่นที่มีเสียงต่าง ๆ ซึ่งอาจจะใช้รูปภาพที่น่าใจ หรือใช้ของเล่นที่มีเสียง และเคลื่อนไหวได้ เป็นตัวกระตุ้นให้ลูกมอง และฟังเสียงมากขึ้น
  • ส่งเสริมให้ลูกมองการเคลื่อนไหวของอวัยวะที่เกี่ยวข้อง กับการพูด เพื่อให้สามารถเลียนแบบการออกเสียงตามได้ โดยจัดให้ระดับหน้าของลูก อยู่ในระดับเดียวกับหน้าของพ่อแม่ ซึ่งอาจทำได้โดยให้ลูกนั่งเก้าอี้ของเด็ก ที่มีความสูงพอเหมาะ
  • ส่งเสริมการเรียนรู้การสัมผัสของเล่นต่าง ๆ เพื่อให้สามารถรับรู้ลักษณะของสิ่งต่าง ๆ ด้วยการสัมผัสในการนำไปใช้ผสมผสานกับการเรียนรู้ภาษาพูดได้

 

บทความจากพันธมิตร
รีวิวเจาะลึกนมผง เด่นเรื่องสมอง เสริม DHA และพัฒนาการรอบด้านของเด็ก แถมมีสารอาหารแน่น มาดูกันชัดๆ ว่ากล่องไหน ตอบโจทย์แม่ที่สุด
รีวิวเจาะลึกนมผง เด่นเรื่องสมอง เสริม DHA และพัฒนาการรอบด้านของเด็ก แถมมีสารอาหารแน่น มาดูกันชัดๆ ว่ากล่องไหน ตอบโจทย์แม่ที่สุด
ไม่ใช่แค่ยุงกัด...แต่คือวิกฤต เมื่อ “ไข้เลือดออก” สร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งมากกว่าที่คิดในครอบครัว
ไม่ใช่แค่ยุงกัด...แต่คือวิกฤต เมื่อ “ไข้เลือดออก” สร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งมากกว่าที่คิดในครอบครัว
อาหารมื้อแรก สำหรับลูกรัก กินอะไรดี? เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
อาหารมื้อแรก สำหรับลูกรัก กินอะไรดี? เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
Dadi International Kindergarten เรียนรู้สนุก เล่นอย่างสร้างสรรค์ ด้วย 3 ภาษา พร้อมเสริมสร้างทักษะ EF
Dadi International Kindergarten เรียนรู้สนุก เล่นอย่างสร้างสรรค์ ด้วย 3 ภาษา พร้อมเสริมสร้างทักษะ EF

การออกเสียง

 

เทคนิคการฝึกสำหรับเด็กวัย 6 – 12 เดือน

  • ส่งเสริมให้ลูกพูดคำแรกที่มีความหมาย โดยการพูดคำพูดง่าย ๆ และคุ้นเคย ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในขณะนั้น แล้วให้โอกาสลูกพูดเลียนแบบ ถ้าลูกพูดไม่ชัด ไม่ควรไปแก้ไขการพูดไม่ชัด เพียงแค่พูดเป็นตัวอย่างให้ชัดเจน และไม่สนับสนุน ให้ทำท่าใบ้เพื่อบอกความต้องการของตัวเอง เพราะอาจทำให้ลูกไม่เห็นความสำคัญของการพูด
  • ส่งเสริมให้ลูกฟังเสียงต่าง ๆ ในสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น การฟังเพลง เสียงกริ่งโทรศัพท์ เสียงประตู เสียงน้ำไหล เป็นต้น เพื่อให้ลูกเรียนรู้การเชื่อมโยงเสียงต่าง ๆ กับวัตถุ เลียนแบบเสียงต่าง ๆ รวมทั้งฝึกให้รู้ว่าสิ่งต่าง ๆ มีเสียงเฉพาะ
  • ส่งเสริมการพูดของลูก โดยพูดกับลูกในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยคำพูดที่ต้องการให้ลูกเข้าใจได้ เช่น ชื่อสิ่งของต่าง ๆ กริยาอาการต่าง ๆ เป็นต้น พูดซ้ำ 2 – 3 ครั้ง แล้วเว้นช่วงเวลาเพื่อรอให้ลูกพูดตามสัก 2 – 3 วินาที แต่ไม่ควรคาดหวัง หรือบังคับให้ลูกพูดตามทุกคำ เพราะจะทำให้ลูกเกิดความคับข้องใจได้
  • ส่งเสริมให้ลูกพูดกับตัวเอง เป็นการให้เวลาลูกเล่นคนเดียว และหัดพูดกับของเล่น หรือพูดกับตนเอง โดยอาจใช้ของเล่นที่ส่งเสริมการพูด เช่น ตุ๊กตา รถ กระจกเงา เป็นต้น
  • ส่งเสริมการพูดด้วยการเล่นเกมส์ต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้ลูกมีวุฒิภาวะ ที่พร้อมในการที่จะพูด และพัฒนาคำศัพท์ต่าง ๆ เช่น เล่นเลียนเสียงสัตว์
  • ส่งเสริมให้ลูกรู้จัก และบอกชื่อเล่นของตัวเอง รวมทั้งสิ่งของต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน หรือ สิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยการเรียกชื่อลูก และบอกชื่อต่าง ๆ รอบตัวลูก บ่อย ๆ

 

อาการแบบไหนจึงควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์

คุณพ่อและคุณแม่สามารถสังเกตลูกว่ามีพัฒนาการการสื่อสารเป็นไปตามวัยหรือไม่ โดยสังเกตว่าหากเราเรียกลูกแล้วลูกไม่สามารถหันมองตามเสียงเรียกได้ หรือไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับเสียงรอบข้าง ให้สันนิษฐานว่า อาจจะมีปัญหาจากระบบการได้ยิน ซึ่งจะส่งผลถึงการพัฒนาทางด้านการออกเสียง และการสื่อสารด้วยเช่นกัน หากมีอาการดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนั้น ควรรีบพาไปปรึกษาแพทย์โดยทันที เพราะการหาสิ่งผิดปกติในตัวลูกน้อยได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะสามารถเข้าถึงการดูแลรักษา และบำบัดได้รวดเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น

 

ที่มา : (pobpad) , (parentsone) , (planforkids)

 

 

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

ความสามารถทั่วไป : 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ

พัฒนาการทางภาษา เด็กวัย2เดือน มีพัฒนาการและสื่อสารอย่างไร

 

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Arunsri Karnmana

  • หน้าแรก
  • /
  • ทารก
  • /
  • การออกเสียง : 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ
แชร์ :
  • ลูกไม่ยอมพูด? 7 กิจกรรมพัฒนาทักษะภาษา ฝึกลูกให้พูดเก่ง ช่างเจรจา

    ลูกไม่ยอมพูด? 7 กิจกรรมพัฒนาทักษะภาษา ฝึกลูกให้พูดเก่ง ช่างเจรจา

  • ทำไมแค่ ให้ลูกช่วยงานบ้าน ถึงช่วยให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ประสบความสำเร็จมากกว่า?

    ทำไมแค่ ให้ลูกช่วยงานบ้าน ถึงช่วยให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ประสบความสำเร็จมากกว่า?

  • 10 ของเล่นสำหรับทารก สุดเจ๋ง! เสริมพัฒนาการลูกน้อยวัย 0-6 เดือน

    10 ของเล่นสำหรับทารก สุดเจ๋ง! เสริมพัฒนาการลูกน้อยวัย 0-6 เดือน

  • ลูกไม่ยอมพูด? 7 กิจกรรมพัฒนาทักษะภาษา ฝึกลูกให้พูดเก่ง ช่างเจรจา

    ลูกไม่ยอมพูด? 7 กิจกรรมพัฒนาทักษะภาษา ฝึกลูกให้พูดเก่ง ช่างเจรจา

  • ทำไมแค่ ให้ลูกช่วยงานบ้าน ถึงช่วยให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ประสบความสำเร็จมากกว่า?

    ทำไมแค่ ให้ลูกช่วยงานบ้าน ถึงช่วยให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ประสบความสำเร็จมากกว่า?

  • 10 ของเล่นสำหรับทารก สุดเจ๋ง! เสริมพัฒนาการลูกน้อยวัย 0-6 เดือน

    10 ของเล่นสำหรับทารก สุดเจ๋ง! เสริมพัฒนาการลูกน้อยวัย 0-6 เดือน

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว