การกินยาคุมฉุกเฉิน (Emergency contraceptive pill) ทั้งในแบบ 1 เม็ด หรือ 2 เม็ด มีวิธีการกินที่ไม่ยาก แนะนำให้ทานทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง ถึงแม้จะเป็นแบบ 2 เม็ด ก็สามารถทานพร้อมกันได้ เพื่อป้องกันการลืมจนการคุมกำเนิดล้มเหลว และเรื่องอื่น ๆ ที่คุณผู้หญิงควรรู้ หากต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน
ใครบ้างที่ควรกินยาคุมฉุกเฉิน
การคุมกำเนิดทุกรูปแบบไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครบ 100 % หากสามารถเลือกวิธีที่ปลอดภัย และทำได้อย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันได้มาก การกินยาคุมฉุกเฉิน ควรทานเมื่อจำเป็นเท่านั้น หากไม่มีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากพอ และไม่ต้องการตั้งครรภ์ ควรจะต้องทานยาคุมฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าควรใช้ยาชนิดนี้ ได้แก่
- หลังผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน หรือการคุมกำเนิดใด ๆ
- มีเพศสัมพันธ์ แต่การคุมกำเนิดล้มเหลว เช่น ใส่ถุงยางไม่ถูกต้อง, ถุงยางรั่ว หรือถุงยางแตก เป็นต้น
- การมีเพศสัมพันธ์หลังจากขาดช่วงการคุมกำเนิด เช่น ลืมทานยาคุมแบบปกติ, เลยกำหนดการฉีดยาคุม, ห่วงคุมกำเนิดหลุด หรือยาฝังหลุด เป็นต้น
- คำนวณวันมีเพศสัมพันธ์หน้า 7 หลัง 7 พลาด
จะเห็นได้ว่าความเสี่ยงที่นำไปสู่การใช้ยาคุมฉุกเฉินมีอยู่หลายต่อหลายข้อ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการให้ความสำคัญกับการ “ป้องกัน” ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านเพศชาย หรือเพศหญิง เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการคุมกำเนิด และเลี่ยงการใช้ยาคุมฉุกเฉินซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายของฝ่ายหญิงได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : ยาคุมกินช้าสุดกี่วัน เกิน 72 ชั่วโมง ยังทานยาคุมฉุกเฉินได้อยู่ไหม ?
วิดีโอจาก : Bhaewow
การกินยาคุมฉุกเฉิน
การใช้ยาคุมฉุกเฉินจะได้ผลดีที่สุด หากทานทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ โดยประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในช่วง 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามหากทานหลังจากนั้นก็ได้เช่นกัน แต่ประสิทธิภาพอาจลดลงตามระยะเวลา และต้องทานภายใน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน เนื่องจากหากทานหลังจากนี้ จะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้
- ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด : ทานได้ทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน แต่จะได้ผลดีที่สุดหากทานภายใน 24 ชั่วโมง
- ยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด : ทาน 1 เม็ดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ในทันที และทานเม็ดที่ 2 หลังจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง (สามารถทานพร้อมกันทั้ง 2 เม็ดเลยได้เช่นกัน)
โดยปกติแล้วควรทานในรูปแบบ 1 เม็ด หรือทาน 2 เม็ดพร้อมกัน เนื่องจากการแบ่งทาน 12 ชั่วโมง อาจทำให้ลืม หรือเสี่ยงเกินเวลาได้ จะทำให้การคุมกำเนิดล้มเหลว
บทความที่เกี่ยวข้อง : ราคายาคุมฉุกเฉิน แต่ละยี่ห้อเท่าไหร่บ้าง เทียบราคาอย่างละเอียด
ข้อควรรู้ของยาคุมฉุกเฉิน
- ไม่สามารถช่วยป้องกันโรคที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ เป็นเพียงตัวช่วยในการคุมกำเนิดเท่านั้น หากต้องการป้องกันโรค และช่วยคุมกำเนิดในเวลาเดียวกัน วิธีที่ง่ายที่สุด คือ การใช้ถุงยางอนามัย
- ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100 % หากทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมงจะป้องกันได้มากที่สุด 85 % หากทานหลังจาก 24 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมง จะป้องกันได้ 75 %
- ควรหลีกเลี่ยงการทานบ่อย ๆ ภายใน 1 เดือน สามารถทานได้มากสุด 2 แผง หรือ 4 เม็ด เพราะจะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ การทานบ่อย ๆ ยังทำให้ประสิทธิภาพของตัวยาลดน้อยลง จะทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์มากขึ้นด้วย
- ยาคุมฉุกเฉิน “ไม่ใช่ยาทำแท้ง” แต่เป็นเพียงยาที่ช่วยลดการทำงานของไข่ และอสุจิเท่านั้น หากเกิดการปฏิสนธิไปแล้ว หรือเกิดการตั้งครรภ์ไปแล้ว การทานยาคุมฉุกเฉินจะไม่ส่งผลใด ๆ
- หลังจากทานยาไปประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเกิดอาการอาเจียน จำเป็นต้องทานยาซ้ำ
- หากสงสัยว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ หรือตั้งครรภ์อยู่แล้ว ควรเลี่ยงการทานยาคุมฉุกเฉิน
ควรตรวจครรภ์แม้ใช้ยาคุมฉุกเฉิน
การใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ควรทำเพื่อการคุมกำเนิด ก่อนการมีเพศสัมพันธ์จึงต้องเตรียมการป้องกันไว้ก่อน โดยวิธีที่นิยมกันมากที่สุดสำหรับเพศหญิง คือ การทานยาคุมแบบปกติ หรือการฝังยาคุม เป็นต้น ส่วนในเพศชาย คือ การใช้ถุงยางอนามัย โดยการคุมกำเนิดทุกรูปต้องใช้ให้ถูกวิธี และเหมาะสม ฝ่ายชายไม่ควรเขินอายที่จะพกถุงยางอนามัย และการป้องกันทุกรูปแบบที่ไม่สามารถป้องกันได้ 100 % การตรวจครรภ์จึงยังสำคัญอยู่ โดยเฉพาะหากใช้ยาคุมฉุกเฉินในการคุมกำเนิด
การมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ต้องมีเมื่อพร้อมเท่านั้น ยิ่งพร้อมเท่าไหร่ยิ่งป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้มากขึ้นเท่านั้น การใช้ยาคุมฉุกเฉินจึงเป็นทางเลือกสำหรับสถานการณ์ที่ฉุกเฉินจริง ๆ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ยาคุมกำเนิด ที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม
กินยาคุมฉุกเฉินบ่อย มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง กินบ่อยไปแล้วควรทำอย่างไร ?
ราคาที่ตรวจครรภ์ ปี 2566 ยี่ห้อไหนดี รวมหมดทุกแบบไว้ที่นี่!
ทำไมกินยาคุมฉุกเฉินแล้วยังท้อง ไขข้อสงสัยยาคุมฉุกเฉินที่คนมักเข้าใจผิด
ที่มาข้อมูล : paolohospital samitivejhospitals fascino ram-hosp