5 วิธีดูแลผมคนท้อง แชมพูคนท้อง เลือกยังไง? แม่ท้องควรใช้แชมพูแบบไหน

lead image

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

คุณแม่ท้องหลาย ๆ คนข้องใจกัน หรือเป็นกังวลอยู่ใช่ไหม ว่าใช้แชมพูแบบไหนถึงจะดี แล้วใช้แชมพูทั่วไปจะมีผลกระทบต่อลูกน้อยหรือเปล่า แล้วการใช้แชมพูควรมีข้อระวังอะไรหรือไม่ เรามาหาคำตอบพร้อมกันเลยว่า แชมพูคนท้อง เลือกอย่างไรถึงปลอดภัยต่อคุณแม่และเด็ก

 

แชมพู คืออะไร แชมพูคนท้อง เลือกยังไง?

แชมพู คือ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผม เพื่อที่จะขจัดสิ่งที่สกปรกนั้นออกจากเส้นผม หรือหนังศีรษะของเราออกไป แชมพูนั้นมีสารลดแรงตึงผิวเป็นส่วนประกอบหลัก บางผลิตภัณฑ์อาจจะมีส่วนของสมุนไพรด้วย เช่น ดอกอัญชัน มะคำดีควาย ว่านหางจระเข้ ลักษณะทั่วไปของแชมพูต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่แยกชั้น มีกลิ่นหอม ไม่ตกตะกอน ไม่มีสิ่งแปลกปลอม ส่วนประกอบต้องไม่มีสาร หรือวัตถุดิบที่ต้องห้ามใช้ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องสำอาง สารที่กำหนดปริมาณการใช้ต้องไม่เกินเกณฑ์ สีที่ใช้ต้องเป็นไปตามที่กำหนด ความคงสภาพต้องอยู่ในสภาพที่ดี ไม่แปรสภาพ หรือเสื่อมคุณภาพ การใช้งานต้องสามารถขจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นละอองบนเส้นผมและหนังศีรษะได้ และทำให้เส้นผมนุ่มสลวย การบรรจุให้บรรจุแชมพูในภาชนะบรรจุที่สะอาด แห้ง ผนึกได้เรียบร้อย และสามารถป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกภายนอกได้

บทความที่เกี่ยวข้อง : แพ้ยาสระผม มีสาเหตุจากอะไร แล้วจะมีวิธีแก้อย่างไรบ้าง

 

 

การเปลี่ยนแปลงของเส้นผมระหว่างตั้งครรภ์

เรียกได้ว่าในช่วงของการตั้งครรภ์นั้นฮอร์โมนเอสโตรเจนจะมีการพุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก ๆ ของการเปลี่ยนแปลงคุณภาพของเส้นผมของคุณแม่เลยก็ว่าได้ ระหว่างที่ตั้งครรภ์นั้นบางคนอาจจะมีผมที่หนาและมันเงามากขึ้น ในขณะที่คนอื่น ๆ อาจประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง อย่างไรก็ตาม เมื่อหลังคลอดลูกแล้วระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนนั้นจะลดลง การเจริญเติบโตของเส้นผมนั้นจะเข้าสู่ระยะพัก จึงทำให้คุณผู้หญิงหลังคลอดลูกส่วนใหญ่มักที่จะประสบปัญหาผมร่วงมากขึ้น เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจน คือ ฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นจากรังไข่ของเพศหญิง เป็นฮอร์โมนที่พบได้น้อยในเพศชาย

ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะทำหน้าที่ช่วยพัฒนาควบคุมระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงตลอดจนส่งผลไปถึง อารมณ์ ความเครียด ประจำเดือนมาไม่ปกติ น้ำหนักขึ้น และลักษณะทางเพศภายนอก รวมไปถึงการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม หากมีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำกว่าปกติจึงเป็นสาเหตุให้ผมร่วง แม้ว่าการเจริญเติบโตของเส้นผมนั้นจะดูแข็งแรงในระหว่างที่ตั้งครรภ์แต่หลังคลอดแล้วจะพบว่ามีผมร่วง และมีผมเสียมากขึ้น ดังนั้น การดูแลผมระหว่างตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

5 วิธีดูแลผมคนท้อง

1. คนท้องดูแลผมด้วยการนวดน้ำมัน

การนวดผมด้วยน้ำมันจากธรรมชาติเช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา น้ำมันอัลมอนด์ เป็นระยะ ๆ ในช่วงตั้งครรภ์ จะช่วยปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตในหนังศีรษะ การนวดผมด้วยน้ำมัน อาทิตย์ ละสองครั้ง หรือ สามครั้ง จะทำให้หนังศีรษะแข็งแรง และทำให้ เส้นผม แข็งแรง นุ่มและเงางาม นอกเหนือจากการบำรุงเส้นผมแล้ว น้ำมันยังช่วยในการเปลี่ยนแปลงการสวิงฮอร์โมนของแม่ท้องอีกด้วย ช่วยทำให้แม่ท้องผ่อนคลาย และ คลายเครียด การนวดน้ำมันเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับรากผม แต่ไม่ควรนวดแรงเกิน !

2. กินอาหารให้ถูกต้องช่วยคนท้องดูแลผม

การตั้งครรภ์อาหารเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และถ้าหากแม่ท้องเกิดปัญหาผมร่วง ปัญหาผมขาด หรือ ปัญหาอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับผมโดยตรง การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพผมนั้นสำคัญมาก เพราะอาหารที่คุณค่าไม่เพียงพออาจจะส่งผลให้ปัญหาผมเกิดขึ้นได้เรื่อย ๆ ลองเลือกกินพวก ถั่ว ปลา ไข่ เมล็ดแฟลกซ์ เพื่อที่จะบำรุงหนังศีรษะ และ ผมของแม่ท้องได้

 

3. ตกแต่งผมช่วยคนท้องดูแลผม

การตกแต่งผมเป็นประจำ หรือ พูดง่าย ๆ ก็คือการตัดผม จะช่วยป้องกันการแตกปลายของผมที่ถูกทำลาย และจะช่วยทำให้เส้นผม เงางาม มีสุขภาพ เพราะฉะนั้นหากแม่ท้องคนไหนมีปัญหาเกี่ยวกับผมแตกปลายหนัก ๆ อาจจะเลือกวิธีตัดผมเสีย ออกไป เพื่อให้ผมมีสุขภาพที่ดีขึ้น

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

4. พักผมจากการทำสีพักผมจากการทำเคมีช่วยคนท้องดูแลผม

การทำสีผมในช่วงท้องนั้นอาจจะยังไม่ควร เพราะเคราตินและสารเคมีอื่น ๆ อาจจะทำให้แม่ท้องเกิดปฏิกิริยาระคายเคือง นอกจากนี้สารเคมีนั้นอาจจะทำให้ผิวหนังอักเสบ การทำสีผม หรือ ลง สารเคมี หนัก ๆ ในช่วงท้องจึงไม่สมควร

 

5. มาสก์ผมด้วยส่วนผสมธรรมชาติวิธีช่วยคนท้องดูแลผม

คนท้องที่ผมเสีย และต้องการเสริมความแข็งแรงของเส้นผม เพิ่มความเงางาม ลองมาสก์ผมด้วยส่วนผสมทางธรรมชาติเหล่านี้ดู

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่เกี่ยวข้อง : 7 วิธีดูแลผมของคนท้อง คนท้องดูแลผม ยังไง? วิธีรักษาผมของคนท้อง

 

 

วิธีเลือก แชมพูคนท้อง แม่ท้องควรใช้แชมพูแบบไหน

คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์กำลังสงสัยใช่ไหมว่า เมื่อตั้งครรภ์ควรมีวิธีเลือกแชมพูคนท้องหรือผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมอย่างไรบ้าง วันนี้ทางเราเอาวิธีการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมเมื่อตั้งครรภ์มาฝากกัน ถึงแม้ว่าการสระผมนั้นจะเป็นชีวิตประจำวันที่คุณแม่จะต้องทำแล้วก็ตาม แต่ถ้าหากว่าคุณแม่นั้นกำลังตั้งครรภ์อยู่ คุณแม่อาจจะต้องพิจารณาในเรื่องของแชมพูดูบ้างว่าแชมพูตัวไหนเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ หรือเพื่อที่จะป้องกันสิ่งที่อาจจะก่อให้เกิดสารพิษได้

ดังนั้น แชมพูบางตัวอาจจะมีสารที่ทำลายต่อมไร้ท่อจำนวนมากที่ไม่ทราบแน่ชัดในผลิตภัณฑ์ทั่วไป ถึงแม้ว่าปริมาณจะเล็กน้อยก็สามารถที่จะส่งผลต่อฮอร์โมนได้เช่นกัน ทั้งนี้ อาจจะส่งผลให้ทารกที่อยู่ในครรภ์ได้ โดยสารเคมีส่วนใหญ่ที่พบได้บ่อย ๆ คือ น้ำหอม ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณแม่ท้องนั้นควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากจะเป็นสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองนั้นเอง สำหรับการเลือกซื้อแชมพูให้เหมาะสมกับคุณแม่มากที่สุดนั้น คุณแม่ควรเลือกดูจากลักษณะและประเภทของหนังศีรษะเสียก่อน เนื่องจากหนังศีรษะแต่ละประเภทจะมีความเหมาะสมกับแชมพูที่แตกต่างกันออกไป โดยประเภทของหนังศีรษะแบ่งได้เบื้องต้น ดังนี้

 

  • หนังศีรษะธรรมดา

หนังศีรษะธรรมดานั้นจะเป็นประเภทที่สามารถพบได้ทั่วไป และไม่ได้ทำให้มีอาการระคายเคืองในชีวิตประจำมากนัก เนื่องจากมีความสมดุลในการทำงานของระบบต่อมไขมัน ซึ่งจะส่งผลให้หนังศีรษะของเรานั้นสามารถที่จะใช้แชมพูได้ทุกรูปแบบจากลักษณะของหนังศีรษะที่ไม่ได้มีความแห้งหรือมันมากจนเกินไป

 

  • หนังศีรษะแห้ง

หนังศีรษะแห้งเป็นหนังศีรษะที่มักจะมีอาการเกิดการระคายเคือง และสะเก็ดบนหนังศีรษะเกิดขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง จากการทำงานของต่อมไขมันที่อาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากนัก หากเทียบกันกับลักษณะของหนังศีรษะประเภทนี้ ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้คนที่มีลักษณะของหนังศีรษะรูปแบบนี้ มีผมชี้ฟู และมีความหยาบกร้านได้มากกว่าประเภทอื่น ๆ เป็นอย่างมาก

 

  • หนังศีรษะมัน

สาเหตุของการเกิดหนังศีรษะมัน การที่เกิดศีรษะมันนั้นเกิดมาจากการทำงานต่อมไขมันที่ทำงานหนักมากจนเกินเหตุ ซึ่งทำให้ไขมันในบริเวณศีรษะเกิดการสะสมรอบ ๆ ตัวมากยิ่งขึ้น แล้วยังทำให้เกิดการอุดตันของรากผม และรูขุมขนได้ในระยะเวลาต่อมา ทั้งยังรวมไปถึงการทำให้เส้นผมเกิดการลีบ และแบนได้มากกว่าปกติอีกด้วย ดังนั้น คุณแม่จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์การดูแลเส้นผมมากยิ่งขึ้นไปอีก เนื่องจากหากคุณแม่ใช้งานแชมพูในปริมาณปกติอาจไม่เพียงพอต่อการบำรุงรักษาสุขภาพเส้นผม และหนังศีรษะได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่เกี่ยวข้อง : ผมมัน เกิดจากอะไร พร้อมวิธีลดปัญหาผมมัน เพิ่มความมั่นใจ

 

 

แชมพูคนท้องห้ามใช้

จริงๆ แล้วไม่มีข้อห้ามโดยตรงแบบตายตัวนะคะว่าคนท้องห้ามใช้แชมพูชนิดใด แบบไหน แต่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรใส่ใจเป็นพิเศษกับส่วนผสมในแชมพู และหลีกเลี่ยงสารเคมีบางชนิดที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการของทารกในครรภ์ค่ะ โดยสารเคมีในแชมพูที่คนท้องควรหลีกเลี่ยงหรือระมัดระวัง ได้แก่

  • พาราเบน (Parabens) เป็นสารกันเสียที่พบได้บ่อยในผลิตภัณฑ์ที่เป็นของใช้ส่วนตัวต่างๆ โดยมีงานวิจัยบางชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าพาราเยนอาจรบกวนระบบฮอร์โมนและอาจส่งผลต่อพัฒนาการของทารก ดังนั้น คนท้องควรเลือกแชมพูที่ระบุว่า “Paraben-free” ค่ะ
  • น้ำหอมสังเคราะห์ (Synthetic Fragrances) อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ง่ายในคุณแม่ตั้งครรภ์ ควรเลือกแชมพูที่มีน้ำหอมจากธรรมชาติหรือไม่มีน้ำหอม (Fragrance-free) นะคะ
  • ซัลเฟต (Sulfates) เช่น SLS (Sodium Lauryl Sulfate) และ SLES (Sodium Laureth Sulfate) เป็นสารลดแรงตึงผิวที่ทำให้เกิดฟอง อาจทำให้ผิวและหนังศีรษะแห้งและระคายเคืองได้ง่าย คุณแม่บางท่านอาจเลือกใช้แชมพูที่ไม่มีซัลเฟต (Sulfate-free) เพื่อความอ่อนโยน
  • ซิลิโคน (Silicones) แม้ว่าจะช่วยให้ผมนุ่มลื่น แต่บางครั้งอาจสะสมบนหนังศีรษะและทำให้เกิดการอุดตันหรือระคายเคืองได้ หากคุณแม่มีความกังวล สามารถเลือกแชมพูที่ไม่มีซิลิโคน (Silicone-free) ทดแทนได้ค่ะ
  • สารเคมีรุนแรงอื่นๆ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงแชมพูที่มีสารเคมีที่ระคายเคืองต่อผิวหนังหรือมีผลกระทบต่อระบบฮอร์โมน หรือปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกซื้อค่ะ

 

ทั้งนี้ กรณีคุณแม่สงสัยว่ามีแชมพูแบบไหนบ้างที่เหมาะสำหรับแม่ท้องใช้ได้บ้าง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ โดนใจแม่ ! 10 แชมพูสำหรับคนท้อง ปลอดภัย ลดการหลุดร่วงของเส้นผม

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

รวม 10 แชมพูออแกนิค อุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ในงบหลักร้อย!

10 แชมพูรังแค ป้องกันผมร่วง ลดอาการคันหนังศีรษะ และปัญหารังแคโดยเฉพาะ

รวม 10 Dry Shampoo ใช้ดี สำหรับคนขี้เกียจสระผม หรือในวันเร่งรีบ แม่ท้องก็ใช้ได้

ที่มา : bangkokhealth, indianexpress

บทความโดย

Kittipong Phakklang