วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีหญิงตั้งครรภ์ เป็นหนึ่งในวัคซีนที่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับการฉีด เนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถส่งต่อสู่เด็กแรกเกิดได้มาก และส่งผลเสียโดยตรงกับตัวเด็กทั้งในระยะสั้น หรือในระยะยาว ดังนั้นหากมีโอกาสไม่ใช่เพียงแค่หญิงตั้งครรภ์ควรหาโอกาสรับวัคซีนชนิดนี้ไว้ก่อนเป็นการดีที่สุด
ไวรัสตับอักเสบคืออะไรทำไมต้องกลัว
เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อกันได้ผ่านสารคัดหลั่ง, การมีเพศสัมพันธ์ หรือการใช้ของร่วมกันกับผู้ป่วย ไวรัสตับอักเสบบีทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ตับจนเกิดเป็นอาการตับแข็งหรือมะเร็งตับในเวลาต่อมา ผู้ป่วยจะมีอาการทั้งในแบบเฉียบพลันในช่วง 1-4 เดือนอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต และแบบเรื้อรังที่เป็นพาหะ มักไม่ค่อยแสดงอาการแต่ก็สามารถส่งต่อให้กับเด็กได้ตั้งแต่แรกเกิดสามารถป้องกันได้ด้วยการรับ วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีหญิงตั้งครรภ์
นอกจากความรุนแรงและความสามารถในการติดต่อแล้ว ความยากในการรักษายังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่ากังวลด้วยการรักษาที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน และยังมีโอกาสกลับมาติดเชื้อได้ด้วยแม้จะทำการรักษาอยู่
ทำไมต้องฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีให้กับหญิงตั้งครรภ์
การฉีดวัคซีนที่มีความจำเป็นต่อการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับคุณแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อยเป็นสิ่งที่เลี่ยงมไม่ได้ เนื่องจากอาจเกิดอาการเจ็บป่วย หรือติดเชื้อที่ทำให้เป็นอันตรายได้ ในความเป็นจริงแล้วการรับวัคซีนที่เหมาะสมควรรับตั้งแต่ช่วงก่อนตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามหากยังไม่ได้รับก็สามารถรับการฉีดได้ในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ นอกจากวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีแล้วคุณแม่ยังควรรับวัคซีนป้องกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก และวัคซีนไข้หวัดใหญ่อีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : โรคไวรัสตับอักเสบบีอันตรายอย่างไร ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบบี
หากคุณแม่ไม่ได้ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบจะเป็นอย่างไร
ในหญิงตั้งครรภ์บางรายจะมีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสส่งผ่านต่อไปยังลูกได้หากมารดามีปริมาณเชื้อสูงโดยจะมีโอกาสมากถึง 90 % เลยทีเดียว แต่ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณเชื้อน้อยก็ยังมีอัตราที่ค่อนข้างสูงที่จะถ่ายทอดได้ประมาณ 10-40 %
การที่คุณแม่มีเชื้อไวรัสชนิดนนี้ยังเพิ่มโอกาสการคลอดลูกก่อนกำหนด เสี่ยงตกเลือดหลังคลอด และลูกมีน้ำหนักตัวน้อยกว่ามาตรฐาน ไม่เพียงแค่นั้นหากได้รับเชื้อจะมีโอกาสเกิดโรคตับอักเสบเฉียบพลันไปจนถึงตับวาย ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อชีวิต นอกจากนี้สำหรับเด็กจะมีโอกาสเสี่ยงโรคตับแข็ง และมะเร็งตับในช่วง 30 ปี
การป้องกันการถ่ายทอดไวรัสตับอักเสบจากแม่สู่ลูก
- การฝากครรภ์ : เมื่อรู้ตัวว่าตนเองตั้งครรภ์ควรศึกษาหาโรงพยาบาลใกล้บ้านที่ต้องการเพื่อทำการฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้รับบริการวินิจฉัยจากคุณหมอเกี่ยวกับโอกาสเกิดโรคร้ายต่าง ๆ หรือรับการตรวจเลือดเพื่อหาความเสี่ยงไวรัสตับอักเสบบี ถือเป็นความปลอดภัยที่สามารถสร้างได้ก่อนในระยะแรกไปจนถึงคลอด
- เมื่อพบพาหะ : จะได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่หากไม่พบเชื้อแพทย์จะแนะนำ วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีหญิงตั้งครรภ์ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันไวรัสให้กับร่างกาย แต่สำหรับใครที่ยังไม่ตั้งครรภ์ก็สามารถฉีดได้ 3 เข็ม คือ ฉีดเข็มที่ 1 ผ่านไป 1 เดือนฉีดเข็มที่ 2 จากนั้นอีก 6 เดือนจึงสามารถฉีดเข็มที่ 3 ได้
- ตรวจสุขภาพ : หากมีความสงสัยหรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้ควรทำการตรวจสุขภาพเพื่อหาเชื้อไวรัสก่อนได้ หากพบว่ามีเชื้อจริงจะได้ทำการรักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ต่อไป
ทำความรู้จักวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
การรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีสามารถช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็งตับที่มีสถิติผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับที่ 2 ของโรคมะเร็ง โดยในตัววัคซีนมีส่วนประกอบของ โปรตีนจากผิวของไวรัส (HBsAg) เมื่อร่างกายได้รับเชื้อตัวนี้แล้วจะไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อแต่อย่างใดแต่จะทำให้เกิดการกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกัน หากได้รับการฉีดครบตามกำหนดทั้ง 3 เข็มจะสามารถช่วยป้องกันไวรัสได้มากที่สุดถึง 97 % และสามารถป้องกันได้อย่างยาวนาน
อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของตัววัคซีนต้องขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย ดังนั้นหลังทำการฉีดไปแล้วควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจสุขภาพหาภูมิหากภูมิคุ้มกันยังไม่ขึ้นอาจต้องทำการฉีดกระตุ้นอีกครั้งตามแต่แพทย์เห็นสมควร
นอกจากหญิงตั้งครรภ์มีใครบ้างที่ควรรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
การเข้ารับการฉีดวัคซีนนี้มีหลายชนิดตามสายพันธุ์ของไวรัส ทำให้ผู้ที่เข้ารับวัคซีนทุกคนรวมถึงคุณแม่ตั้งครรภ์อาจต้องเจาะจงตัววัคซีน แต่อย่างไรก็ตามหากจะกล่าวถึงไวรัสตับอักเสบเอที่หลายคนอาจสงสัยว่าต้องแยกฉีดหรือไม่ ความจริงคือในปัจจุบันวัคซีนสามารถป้องกันไวรัสทั้ง 2 ชนิดได้ด้วยการฉีดในเข็มเดียว สำหรับผู้ที่เหมาะกับการรับวัคซีนมีดังนี้
- ฉีดได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิดหากยังไม่มีประวัติเคยรับวัคซีนชนิดนี้มาก่อน
- ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบบี รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ด้วยเช่นกัน
- ผู้ป่วยโรคต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยง เช่น โรคตับเรื้อรัง, โรคไตเรื้อรังที่ได้รับการฟอกไต, ผู้ป่วยที่ได้รับเลือดบ่อยๆ และผู้ที่ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น
- ผู้ที่ต้องเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงต่อการระบาดของโรคที่เกี่ยวข้อง
- ผู้ที่เสี่ยงต่อโรคจากปัจจัยพฤติกรรมทางเพศ เช่น การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย เป็นต้น
ทั้งนี้ก่อนทำการฉีดสำหรับในทารกไม่จำเป็นต้องตรวจเลือด ซึ่งแตกต่างกับวัยผู้ใหญ่ที่จำเป็นต้องทำการตรวจเลือดก่อน เนื่องจากอาจมีภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว ส่วนในการตรวจจะเน้นการหาค่า HBsAg ว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ และตรวจหาค่า anti-HBs ว่ามีภูมิต้านทานเกิดขึ้นแล้วหรือยัง
วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีหญิงตั้งครรภ์จะเป็นอันตรายกับเด็กหรือไม่
รูปแบบการฉีดนั้นไม่ได้แตกต่างจากบุคคลปกติแต่อย่างใด และยังไม่มีรายงานว่าจะส่งผลเสียต่อเด็กในครรภ์แต่อย่างใด การรับวัคซีนตัวนี้จึงเป็นสิ่งที่ควรทำถึงแม้จะตรวจไม่พบเชื้อก็ตาม และเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจตามมาควรรับการฉีดตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ หรือในช่วงที่มีโอกาสตามความเหมาะสม ไม่ควรปล่อยโอกาสให้ผ่านไป เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีความเสี่ยงมากขึ้นเมื่อใด เนื่องจากบางปัจจัยไม่สามารถควบคุมได้
ทำอย่างไรได้บ้างหากไม่อยากฉีดวัคซีน
การป้องกันไวรัสร้ายที่เรากำลังกล่าวถึงด้วยวิธีที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำ นอกจากการฉีดวัคซีนแล้วโรคนี้ยังสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
- หากเป็นโรคใด ๆ ที่มีความเสี่ยงควรรับประทานยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
- ควรหมั่นรับการตรวจเลือดเพื่อหาความเสี่ยงอยู่เสมอ หรือหากรักษาหายแล้วให้ติดตามอาการตามแพทย์แนะนำ
- หากพบว่าตนเองป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบชนิดใดก็ตามควรบอกให้คนใกล้ชิดทราบ หากคนใกล้ชิดไม่มีภูมิคุ้มกันอาจพิจารณาเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสตับอักเสบทั้งชนิดเอ และชนิดบี
- ควรมีเพศสัมพันธ์ด้วยความปลอดภัยด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง ไม่ควรไว้วางใจ เพราะการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคร้ายชนิดนี้
- งดบริจาคโลหิตไปก่อนหากพบว่าตนเองเป็นโรค ให้ทำการรักษาและถามความพร้อมจากแพทย์เมื่อถึงโอกาสที่สมควร
- งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ห้ามใช้ยาใด ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทีมแพทย์เด็ดขาด เนื่องจากตัวยาบางชนิดมีผลกระทบที่รุนแรงต่อตับอาจทำให้เกิดความเสียหาย หรือเกิดการติดเชื้อได้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พร้อมกับทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเรื่องพื้นฐานที่ควรทำ แต่น้อยคนที่จะสามารถทำได้ตลอด หากให้ความสำคัญกับข้อนี้ร่างกายจะสามารถต่อสู้กับโรคร้ายอื่น ๆ ได้อีกด้วย
เพื่อการตั้งครรภ์ที่แข็งแรง และปลอดภัยจากโรคร้ายที่อาจแทรกแซงได้ คุณแม่ควรรับวัคซีนที่กำหนดให้ครบไม่เพียงแค่วัคซีนไวรัสตับอักเสบบีเท่านั้น
บทความที่น่าสนใจ
วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ป้องกันโรคมะเร็งตับในเด็กจริงหรือ?
ไขข้อข้องใจวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ทำไมจำเป็นต้องฉีดวัคซีนในทารกแรกเกิด
โรคตับแข็งอาการเป็นอย่างไร โรคตับแข็งมีวิธีรักษาหรือไม่ รวมความรู้เกี่ยวกับโรคตับแข็ง
ที่มาข้อมูล : synphaet nakornthon bumrungrad healthserv samitivejhospitals
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!