วัยทองของชีวิตลูก แรกเกิดถึง 5 ขวบปีแรก
พ่อแม่ต้องใส่ใจ วัยทองของชีวิตลูก แรกเกิดถึง 5 ขวบปีแรก กรมสุขภาพจิตแนะพ่อแม่ยุคใหม่เร่งสร้างวัคซีนใจให้ลูก เพื่อเป็นคนเก่ง คนดี มีความสุข สร้างศักยภาพเด็กไทยรุ่นเจนแซดให้มีจิตใจมั่นคง เข้มแข็ง ปรับตัวได้ แก้ปัญหาเป็น อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ดี เป็นที่พึ่งพิงของพ่อแม่ได้
วัคซีนใจจากการเลี้ยงดู
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สุขภาพของจิตใจหรือโรคทางจิตเวชทั่วโลกยังไม่สามารถผลิตวัคซีนป้องกันได้สำเร็จ ปัญหาที่เกิดมาจากการขาดวัคซีนใจ มักจะอยู่ในรูปของปัญหาสังคม ความรุนแรงต่างๆ จึงต้องเร่งสร้างวัคซีนชนิดนี้ให้เด็กไทยรุ่นใหม่ เพื่อให้เด็กมีจิตใจที่มั่นคง เข้มแข็ง สามารถฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคในชีวิตและอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคมได้อย่างดี หากเด็กได้รับทั้งวัคซีนป้องกันโรคทางกายและวัคซีนทางใจด้วย จะเติบโตเป็นคนที่สมบูรณ์พร้อม คือมีทั้งสุขภาพกายดี เป็นคนเก่ง คนดีและมีความสุข
วิธีดูแลลูก 5 ปีแรก
ตั้งแต่แรกเกิดและต้องให้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 5 ขวบแรกซึ่งเป็นวัยทองของชีวิตจะได้ผลดีที่สุด วัคซีนใจที่สำคัญและจำเป็นต้องให้มี 6 เมนู
- ใหัความรักดูแลเอาใจใส่ เด็กจะมีจิตใจมั่นคง มีอารมณ์สุขุมหนักแน่น
- ให้ลูกมีโอกาสได้เล่นเพื่อเรียนรู้การอยู่ร่วมกับคนอื่น ฝึกการยอมรับ เรียนรู้การเป็นผู้นำผู้ตามและนำมาใช้ในชีวิตจริง
- ให้ลูกมีโอกาสช่วยเหลือตนเอง เด็กจะรู้จักคิด รู้จักทำ มีความรับผิดชอบรู้จักพึ่งพาตัวเอง
- ฝึกนิสัยให้เด็กรู้จักการรอคอย อดทนและอดกลั้น เด็กจะควบคุมอารมณ์ได้ดี รู้วิธียับยั้งชั่งใจจากสิ่งที่มายั่วยุ เคารพกฎกติกาสังคม
- เปิดโอกาสให้ลูกรู้จักปรับตัว เผชิญและแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง เด็กจะรู้จักแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
- ฝึกเด็กให้รู้จักการให้ การช่วยเหลือและการเข้าใจคนอื่น
วัคซีนใจมีหลักปฏิบัติ 4 ประการ
แพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า การให้วัคซีนใจต้องให้ตามช่วงวัยที่กำหนดคือตั้งแต่แรกเกิดจนถึงก่อน 6 ขวบ หากให้ช้าเกินไป จะให้ผลดีไม่มากเท่าที่ควร วัคซีนที่สำคัญและจำเป็นที่สุดคือการให้ความรัก การดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิดตั้งแต่แรกเกิดและต่อเนื่องทุกช่วงวัย การให้วัคซีนใจมีหลักปฏิบัติ 4 ประการดังนี้
- ต้องให้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
- ให้อย่างถูกวิธีโดยพ่อแม่ต้องทำเป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกจะซึมซับทั้งคำพูดและการกระทำของพ่อแม่ตลอดเวลา การฝึกสอนที่ได้ผลดีที่สุดคือการทำให้ลูกเห็น เพื่อให้ลูกทำตาม
- ให้อย่างได้ผลโดยใช้เทคนิคต่างๆหลากหลายเช่น ชื่นชมเมื่อเด็กทำได้ หรือโอบกอด ลูบศีรษะ หอมแก้ม ให้กำลังใจและปลอบใจเมื่อลูกทำไม่ได้ พูดคุยกับลูกบ่อยๆเมื่อลูกยังเล็กและรับฟังลูกให้มากเมื่อลูกโตขึ้น
- ให้อย่างมีคุณค่า ถูกเวลา เหมาะสมกับวัย เช่น เปิดโอกาสให้ลูกช่วยเหลือตนเองเมื่อลูกเริ่มอยากทำอะไรด้วยตนเอง และต้องให้อย่างพอดี โดยไม่ปกป้องหรือตามใจลูกมากเกินไป จนทำให้ลูกไม่รู้จักโต เอาแต่ใจตัวเอง คอยพึ่งพาพ่อแม่
“เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองลงทุนให้วัคซีนใจลูกรุ่นเจนแซดไปแล้ว จะได้ผลคุ้มค่าในระยะยาวอย่างน้อย 3 เรื่องคือ 1.หายห่วงเพราะวัคซีนใจจะช่วยให้ลูกรู้จักทำอะไรด้วยตนเอง พึ่งพาตัวเอง ไม่เป็นภาระของพ่อแม่ 2.ภาคภูมิใจ เพราะลูกเปรียบเสมือนตัวแทนของพ่อแม่ ถ้าลูกมีความเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบ สามารถทำอะไรได้ดี เป็นคนที่สังคมชื่นชม ก็เสมือนว่าพ่อแม่มีคุณสมบัตินั้นๆด้วยที่เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นนั่นเองและ 3.ได้พึ่งพา ลูกที่ได้รับความรักอย่างคุ้มค่าเต็มอิ่ม จะผูกพันกับพ่อแม่ไม่เสื่อมคลาย ลูกที่ได้รับการเรียนรู้ให้เข้าใจจิตใจของคนอื่น จะเป็นผู้ให้ด้วยความเต็มใจ และลูกที่ได้รับการฝึกฝนให้ยืนหยัดด้วยตัวเอง จะเป็นหลักพักพิงให้กับพ่อแม่ได้แน่นอน” แพทย์หญิงกุสุมาวดีกล่าว
ที่มา : https://www.thaihealth.or.th/
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เทคนิคเลี้ยงลูกให้ฉลาดตั้งแต่แรกเกิด พ่อแม่ต้องสอนลูกด้วยวิธีเหล่านี้
10 เคล็ดลับจัดการอารมณ์ของเจ้าหนู วัยทอง 2 ขวบ ที่กำลังดื้อเข้าขั้นให้อยู่หมัด
โรงเรียนทางเลือกคืออะไร สอนแบบไหน แล้วจะเหมาะกับลูกหรือเปล่า
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!