X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้าเข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

4 อาหารเพิ่มพลังสมองลูกวัยเรียน

บทความ 5 นาที
4 อาหารเพิ่มพลังสมองลูกวัยเรียน

ในทุกวันที่โรงเรียน เด็ก ๆ เรียนรู้การสะกดคำ การทดลองวิทยาศาสตร์ และท่องจำสูตรคูณ แน่นอนว่าย่อมต้องการอาหารเพิ่มพลังสมอง อาหารที่ทำให้สมองตื่นตัว มีสมาธิ และมีพลังงานเพื่อให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้

อาหารเพิ่มพลังสมองลูกวัยเรียน

ที่ปรึกษาด้านโภชนาการและสุขภาพ จากแครริงตัน ฟาร์ม ประเทศออสเตรเลีย แนะนำว่าให้ลองอาหารเพื่อเพิ่มพลังสมองของเด็ก ๆ ในมื้อเช้าหรือมื้อกลางวัน เป็นการชาร์ตแบตให้สมองของหนู ๆ สดชื่นแจ่มใสตลอดวัน 4 อาหารเพิ่มพลังสมองลูกวัยเรียน มีดังนี้ค่ะ

4 อาหารเพิ่มพลังสมองลูกวัยเรียน

1. ผักโขม

ช่วยกระตุ้นพลังสมอง ซึ่งอาจหมายถึงคะแนนสอบที่เพิ่มขึ้นของลูกด้วย ผักโขมเต็มไปด้วยกรดโฟลิคที่จะบอกลาความขี้ลืมไปได้เลย ความจำของเด็ก ๆ จะสดใหม่อยู่เสมอ อาจลองเพิ่มผักโขมใส่ในอาหารเช้าง่าย ๆ อย่างแซนวิช หรือจะห่อไปกินเป็นอาหารว่างที่โรงเรียนก็ไม่ว่ากันค่ะ

ประโยชน์ของผักโขม

สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

วิตามินเอและวิตามินซีในผักโขม เป็นตัวช่วยสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเพื่อต่อสู้กับแบคทีเรียและสารพิษที่ถูกส่งเข้ามาในระบบต่างๆ ของร่างกาย

เสริมสร้างการมองเห็น

วิตามินเอในผักโขมมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ดวงตาทำงานได้อย่างเป็นปกติ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น ตาฝ้าฟาง สามารถรับประทานผักโขมเป็นประจำเพื่อช่วยซ่อมแซมในส่วนนี้ได้

และประโยชน์ด้านอื่นฃ ๆ ของผักโขม

บำรุงผิวพรรณ

วิตามินเคและโฟเลตในผักโขมจะช่วยให้ผิวห่างไกลจากปัญหาสิวและความหมองคล้ำได้ โดยจะทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น, ห่างไกลริ้วรอยก่อนวัย และปกป้องผิวหนังจากมลภาวะต่างๆ ที่มักเข้ามาทำลายผิวให้เสื่อมสภาพลงโดยเร็วได้อีกด้วย

รักษาโรคความดันโลหิตสูง

แมกนีเซียมในผักโขม มีคุณสมบัติช่วยควบคุมความดันโลหิตในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ จึงเหมาะสำหรับการนำมาทำเป็นส่วนผสมในยารักษาโรคความดันโลหิตสูง

ป้องกันโรคเกี่ยวกับลำไส้

ยิ่งรับประทานผักโขมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อระบบลำไส้มากเท่านั้น โดยผักโขมจะสามารถช่วยยับยั้งการติดเชื้อบริเวณลำไส้ได้ และยังช่วยให้กระบวนการทำงานของลำไส้เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ให้นอนหลับง่าย

หลายคนที่ประสบปัญหานอนไม่หลับ ลองรับประทานผักโขมดู เพราะแร่ธาตุสำคัญอย่างซิงก์และแมกนีเซียมในผักโขม จะส่งผลให้ร่างกายเกิดความผ่อนคลายไปทุกส่วน ทำให้สามารถนอนหลับสนิทได้ง่ายมากขึ้น

เป็นต้น

2. บลูเบอร์รี่

มีงานวิจัยพบว่าบลูเบอร์รี่จะช่วยให้ความจำดีขึ้นและการตัดสินใจดีขึ้น บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่เด็ก ๆ หลายคนชื่นชอบ ไม่ว่าจะนำไปแช่แข็ง หรือทำเป็นแพนเค้ก หรือผสมในซีเรียลในมื้ออาหารเช้า

ประโยชน์ของ บลูเบอร์รี่

อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมาก มากที่สุดในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เลยด้วยซ้ำ การบริโภคผลไม้ชนิดนี้เป็นประจำจึงช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระต่างๆ ที่จะมาทำลายผิวให้เกิดริ้วรอย แถมยังช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดออกไป พร้อมเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิมออกมา

ช่วยบำรุงสมอง

อีกหนึ่งคุณประโยชน์ที่สำคัญมากๆ คือบลูเบอร์รี่สามารถช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้สมองทำงานได้เต็มที่ ทำให้ความจำดีขึ้น อีกทั้งถ้ารับประทานอย่างต่อเนื่องยังสามารถป้องกันโรคความจำเสื่อมในวัยสูงอายุได้อีกด้วย

ช่วยบำรุงหัวใจ

การรับประทานอย่างต่อเนื่อง จะทำให้สามารถลดการแข็งตัวของเลือดและลดไตรกีเซอไรด์ลงได้ หลายคนที่มีภาวะโรคหัวใจ ในผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจจ่ายยาที่มีแอสไพรินเพื่อลดการแข็งตัวของเลือด ซึ่งการรับประทานบ่อยเกิดไปอาจมีผลข้างเคียงกับร่างกายหลายอย่าง เพราะฉะนั้นหากรับประทานบลูเบอร์รี่อย่างต่อเนื่องก็สามารถต่อต้านการเกิดภาวะดังกล่าวได้ดีต่อสุขภาพเช่นกัน

และประโยชน์ด้านอื่นฃ ๆ ของบลูเบอร์รี่

ช่วยย่อยอาหารและระบบขับถ่ายดี

บลูเบอร์รี่มีไฟเบอร์สูงมาก เพราะฉะนั้นจึงมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือถ้าในบางวันที่เราทานเนื้อสัตว์เยอะๆ อาจทำให้เรามีภาวะจุกเสียดแน่นท้องเพราะอาหารไม่ย่อย แนะนำให้ทำบลูเบอร์รี่สมูทตี้ดื่มตามมื้ออาหาร สาร Actinide ที่อยู่ในบลูเบอร์รี่จะเป็นตัวช่วยย่อยโปรตีนได้ดีเลยทีเดียว

ช่วยบำรุงเลือด บำรุงผิวพรรณ

บลูเบอร์รี่มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ประกอบอยู่ เป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ที่มีสีแดงอมม่วง สารนี้มีประโยชน์ช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดในระดับที่เล็กมากขึ้น และช่วยในการทำงานของกระบวนการเมตาบอลิซึ่มของเซลล์เรตินา อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินซี จึงช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง และแก้มแดงมีเลือดฝาด ดูผิวสวยแบบสุขภาพดีอีกด้วย

เป็นต้น

4 อาหารเพิ่มพลังสมองลูกวัยเรียน

บทความจากพันธมิตร
มารู้จักกับ Phenomenon-Based Learning กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นการศึกษานอกห้องเรียนมากกว่าการท่องจำ
มารู้จักกับ Phenomenon-Based Learning กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นการศึกษานอกห้องเรียนมากกว่าการท่องจำ
น้องนดลต์ และน้องนภนต์ ฝาแฝดที่สูญเสียการได้ยินระดับรุนแรง กับโอกาสสำคัญที่พลิกชีวิตสมาชิกทั้งครอบครัว
น้องนดลต์ และน้องนภนต์ ฝาแฝดที่สูญเสียการได้ยินระดับรุนแรง กับโอกาสสำคัญที่พลิกชีวิตสมาชิกทั้งครอบครัว
BASIS Bangkok โรงเรียนนานาชาติชั้นนำระดับโลก ที่ปูพื้นฐานความเป็นเลิศตั้งแต่ระดับชั้นเด็กเล็ก
BASIS Bangkok โรงเรียนนานาชาติชั้นนำระดับโลก ที่ปูพื้นฐานความเป็นเลิศตั้งแต่ระดับชั้นเด็กเล็ก
เช็กให้ชัวร์ลูกสูงตามเกณฑ์
เช็กให้ชัวร์ลูกสูงตามเกณฑ์

3. เมล็ดลินิน

งานวิจัยพบว่าการกินอาหารที่มีกรดไขมันสูงมากเป็นประจำจะช่วยให้เด็กมีสมาธิจดจ่อได้ดีขึ้นและเรียนรู้วิธีที่จะเรียนหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมล็ดลินินสัก 2-3 เมล็ดใส่ในโยเกิร์ต พุดดิ้ง หรือในเมนูอื่น ๆ ก็จะช่วยให้ลูกรักได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3

และประโยชน์ด้านอื่นฃ ๆ ของเมล็ดลินิน

ระบบหลอดเลือดหัวใจ กรดอัลฟา-ไลโนเลนิคเป็นกรดไขมันโอเมกา-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ดีต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด การเกาะตัวของเกล็ดเลือด และความดันโลหิตในขณะที่เพิ่มไขมันตัวดี (HDL)

นอกจากนี้ลิกแนนก็ยังเป็นสารอีกชนิดหนึ่งที่ส่งผลดีต่อสุขภาพของระบบหลอดเลือดหัวใจ โดยพบว่ายิ่งระดับเอนเทอโรแลกโทน (สารที่เกิดจากการย่อยสลายลิกแนนในร่างกาย) ในเลือดยิ่งสูงเท่าไหร่ ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจหลอดเลือดก็ยิ่งลดลงค่ะ

มีการศึกษาเรื่องผลของการรับประทานเมล็ดลินิน พบว่าเมล็ดลินินและสารสกัดลิกแนนจากเมล็ดลินินสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมและไขมันตัวเลว (LDL) ในเลือดลงได้ โดยที่ไม่มีผลต่อระดับไขมันตัวดี ส่วนน้ำมันเมล็ดลินินนั้นไม่แสดงให้เห็นผลดีดังกล่าว

นอกจากนี้ ในเพศหญิงสามารถเห็นผลการลดลงของคอเลสเตอรอลโดยรวมและไขมันตัวเลวได้อย่างชัดเจนมากกว่าในเพศชาย

– ระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากเมล็ดลินินอุดมไปด้วยใยอาหารมากมาย จึงสามารถแก้ภาวะท้องผูกได้

– ระบบภูมิคุ้มกัน มีการศึกษาพบว่า การรับประทานเมล็ดลินินช่วยทำให้ไตของผู้ป่วยโรคเอสแอลดีหรือที่รู้จักกันดีว่าโรคพุ่มพวง (เป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของตนเองต่อต้านอวัยวะภายในร่างกาย) ทำงานดีขึ้น

เป็นต้น

4. แอปเปิ้ล

รับประทานแอ๊บเปิ้ลวันละลูกจะช่วยทำให้การเรียนรู้และผลการเรียนของลูกรักดีขึ้นเปลือกของแอ๊บเปิ้ลยังมีสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดีที่ยังสามารถช่วยกระตุ้นระบบความจำด้วย

ในแอปเปิ้ลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต และอุดมไปด้วยวิตามินซี เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน

อาหารเพิ่มพลังสมองลูกวัยเรียน

 

 

ถึงเมนูข้างต้นจะดูฝรั่งจ๋าไปบ้าง แต่เพื่อเพิ่มพลังสมองของลูกน้อยแล้วคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับความชอบของลูกน้อย (แบบไทย ๆ ) อย่างเราได้แน่ ๆ เชื่อว่าไม่เกินความสามารถค่ะ

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

สุดยอดอาหารสำหรับคุณลูก

โรคหืดหอบในเด็ก อีกหนึ่งอันตราย ที่คุณแม่ควรเฝ้าระวังและเตรียมวิธีรับมือให้ลูกน้อยได้ทันท่วงที

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

ธิดา พานิช

  • หน้าแรก
  • /
  • พัฒนาการลูก
  • /
  • 4 อาหารเพิ่มพลังสมองลูกวัยเรียน
แชร์ :
  • พัฒนาการเด็กวัย 4 ปี 1 เดือน ลูกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เสริมทักษะอะไรให้ลูกดี

    พัฒนาการเด็กวัย 4 ปี 1 เดือน ลูกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เสริมทักษะอะไรให้ลูกดี

  • พัฒนาการเด็ก 6 ขวบ 8 เดือน ลูกมีการเปลี่ยนแปลงแบบไหน ทักษะไหนควรเสริม

    พัฒนาการเด็ก 6 ขวบ 8 เดือน ลูกมีการเปลี่ยนแปลงแบบไหน ทักษะไหนควรเสริม

  • ลูกไม่ยอมพูด เป็นเพราะอะไร จะเป็นเด็กพัฒนาการช้าไหม ทำอย่างไรให้ลูกพูด

    ลูกไม่ยอมพูด เป็นเพราะอะไร จะเป็นเด็กพัฒนาการช้าไหม ทำอย่างไรให้ลูกพูด

  • ลูกไม่ยอมพูด เป็นเพราะอะไร จะเป็นเด็กพัฒนาการช้าไหม ทำอย่างไรให้ลูกพูด

    ลูกไม่ยอมพูด เป็นเพราะอะไร จะเป็นเด็กพัฒนาการช้าไหม ทำอย่างไรให้ลูกพูด

  • พัฒนาการเด็กวัย 4 ปี 1 เดือน ลูกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เสริมทักษะอะไรให้ลูกดี

    พัฒนาการเด็กวัย 4 ปี 1 เดือน ลูกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เสริมทักษะอะไรให้ลูกดี

  • พัฒนาการเด็ก 6 ขวบ 8 เดือน ลูกมีการเปลี่ยนแปลงแบบไหน ทักษะไหนควรเสริม

    พัฒนาการเด็ก 6 ขวบ 8 เดือน ลูกมีการเปลี่ยนแปลงแบบไหน ทักษะไหนควรเสริม

  • ลูกไม่ยอมพูด เป็นเพราะอะไร จะเป็นเด็กพัฒนาการช้าไหม ทำอย่างไรให้ลูกพูด

    ลูกไม่ยอมพูด เป็นเพราะอะไร จะเป็นเด็กพัฒนาการช้าไหม ทำอย่างไรให้ลูกพูด

  • ลูกไม่ยอมพูด เป็นเพราะอะไร จะเป็นเด็กพัฒนาการช้าไหม ทำอย่างไรให้ลูกพูด

    ลูกไม่ยอมพูด เป็นเพราะอะไร จะเป็นเด็กพัฒนาการช้าไหม ทำอย่างไรให้ลูกพูด

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2023. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลทารกและสุขภาพไปให้กับคุณ