ยาสามัญที่เป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์
ยาสามัญที่เป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์
เภสัชกร ธีรวุฒิ พงศ์เศรษฐไพศาล นายกสมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย) กล่าวว่า องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA) ได้แบ่งประเภทของยาสำหรับสตรีมีครรภ์เอาไว้ 5 กลุ่ม ได้แก่
1.กลุ่ม A – ยาที่ปลอดภัย สามารถรับประทานได้ เช่น paracetamol โดยรับประทานในปริมาณปรกติ คือรับประทานครั้งละ 1 เม็ด (เม็ดละ 500 มิลลิกรรม) วันละ 4 ครั้ง และไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกิน 5 วัน
2.กลุ่ม B – ยาที่ไม่ควรรับประทาน แต่หากจำเป็นก็รับประทานได้ ได้แก่ ยาแก้อักเสบ เช่น amoxicillin , ampicillin แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร
3.กลุ่ม C – ยาไม่ค่อยมีความปลอดภัยในสตรีมีครรภ์ เช่น ยาแก้อักเสบบางชนิด ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องใช้ ควรเลี่ยงไปใช้ยาในกลุ่ม B แทน
4.กลุ่ม D – ยาที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความผิดปรกติต่อทารกในครรภ์ เช่น ยาต้านอาการชัก ยารักษาโรคธัยรอยด์ ยาในกลุ่ม Sulfa ยาควบคุมความดันโลหิต และ Tetracycline ซึ่งในกรณีที่จำเป็นต้องใช้เพื่อช่วยชีวิตมารดา แพทย์จะพิจาณาใช้เป็นราย ๆ ไป
5.กลุ่ม X – ยาที่เป็นอันตรายต่อสตรีมีครรภ์ เช่น ยานอนหลับ ยาคุมกำเนิด (ทำให้อวัยวะสืบพันธุ์ของทารกมีปัญหา) ยารักษาไมเกรน (ทำให้แท้งได้) ยารักษามะเร็ง (อาจทำให้ทารกปากแหว่ง เพดานโหว่) ยารับประทานรักษาสิวในกลุ่มวิตามิน A สงเคราะห์ (ทำให้เกิดความพิการในทารก)
สำหรับยาสามัญประจำบ้านตัวอื่น ๆ เช่นยาแก้แพ้ ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ยาแก้แพ้ท้อง (dimenhydrinate หรือ วิตามิน B6) เป็นยาที่สามารถใช้ในสตรีมีครรภ์ได้ ส่วนยาแก้ไข้ในกลุ่ม aspirin, Ibuprofen เป็นยาที่ไม่ควรใช้ เพราะอาจทำให้เกิดเลือดออกหรือจ้ำเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
ดูรายชื่อยาที่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ที่คุณแม่ท้องควรหลีกเลี่ยง คลิกหน้าถัดไป
ศ.(คลินิก) นพ. สุวชัย อินทรประเสริฐ ได้ยกตัวอย่างยาที่เป็นอันตรายต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ดังนี้
- ยาปฏิชีวนะและยาแก้อักเสบ
บางครั้งที่คุณแม่อาจมีอาการเจ็บคอหรือเป็นหวัด ก็อาจหาซื้อยาแก้อักเสบมาทานเอง แต่ทราบไหมว่า เชื้อไวรัสหวัดนั้นใช้ยาแก้อักเสบไม่ได้ผล และยาแก้อักเสบบางชนิดยังเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ เช่น
- เตตราซัยคลีน ที่ชาวบ้านเรียกยาแคปซูลสีแดง-เหลืองใช้รักษาอาการติดเชื้อ จะมีผลต่อการสร้างกระดูกและฟันของลูก ถ้าใช้ไปลูกของคุณจะมีฟันออกสีเหลืองไปชั่วชีวิต ไม่สามารถแก้ไขได้เลยครับ
- ซัลฟา ถ้าใช้ยาช่วง 2-3 อาทิตย์ก่อนคลอดอาจจะทำให้ทารกคลอดออกมาแล้วตัวเหลือง
- คลอแรม กดการทำงานของไขกระดูกที่สร้างเม็ดเลือดทำให้เลือดจาง เด็กที่เกิดมาจะตัวเขียว (Gray Syndrome) ซีด ท้องป่อง และอาจจะช็อกเสียชีวิต
- สเตรปโตมัยซิน อาจจะทำให้ลูกหูตึงหรือหูหนวก
- คลอโรควิน และควินิน ที่ใช้รักษาโรคมาลาเรียหรือไข้จับสั่น อาจจะทำให้แท้งบุตร
- หากจำเป็นต้องใช้ ยากลุ่มเพนนิซิลิน และแอมพิซิลิน เป็นยาที่ปลอดภัยสำหรับแม่ท้อง ยกเว้นผู้ที่แพ้ยาเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่ควรซื้อยากินเอง แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- ยาบรรเทาอาการปวดและลดไข้
- แอสไพรินและไอบูโพรเฟน ถ้าทานในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร 5-6 เท่า ถ้าทานในช่วงใกล้คลอด อาจจะไปยับยั้งการทำงานของเกล็ดเลือดของทารกในครรภ์ ทำให้เลือดไหลไม่หยุด
- ยารักษาโรคไมเกรนกลุ่มเออโกตามีน ยากลุ่มนี้ทำให้มดลูกบีบตัว อาจจะทำให้แท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้
- พาราเซตามอล เป็นยาแก้ปวดและลดไข้ที่ใช้ได้ปลอดภัยในผู้ตั้งครรภ์ เพราะยังไม่มีรายงานว่าทำให้ลูกน้อยเกิดความพิการหรือผิดปกติแต่อย่างใด
- ยาแก้คัน แก้แพ้
ยาแก้แพ้ คลอเฟนิรามีน ถ้าใช้ชั่วคราวอาจไม่ส่งผลมากนัก แต่ถ้าใช้ติดต่อกันนานๆ ทำให้เกล็ดเลือดต่ำ ลูกที่เกิดมาอาจจะมีเลือดไหลผิดปกติได้
- ยาแก้ไข้หวัด
มักประกอบด้วยยาลดไข้พวกพาราเซตามอล และยาแก้แพ้ หรือยาลดน้ำมูก โดยทั่วไปมักไม่มีอันตราย หากใช้เพียงชั่วคราว แต่หากเป็นยาชุดแก้หวัดอาจมีสเตียรอยด์ปนมาด้วยควรหลีกเลี่ยง
- ยานอนหลับและยากล่อมประสาท
หากคุณแม่นอนไม่หลับ ควรขอคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้น ไม่ควรซื้อมาใช้เอง เพราะถ้าใช้ยาในขนาดมากๆ จนคุณแม่เกิดอาการติดยา ลูกที่เกิดมาอาจจะมีอาการหายใจไม่ดี เคลื่อนไหวช้า มีอาการคล้ายคนติดยา ชักกระตุก นอกจากนี้อาจจะทำให้มีเลือดออกผิดปกติในตัวเด็กอีกด้วย
- ยารักษาเบาหวาน
ถ้าคุณแม่เคยใช้ยาฉีดพวกอินซูลินก็ยังใช้ได้ ไม่มีอันตราย แต่ถ้าเป็นยารับประทานเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อาจทำให้น้ำตาลในเลือดของทารกต่ำ และมีรายงานว่ายากลุ่มนี้ทำให้ทารกพิการได้ ควรปรึกษาคุณหมอว่าควรดูแลสุขภาพอย่างไรจะปลอดภัยที่สุด
- ยากันชัก
อาจทำให้เกิดความพิการทารกโดยมีใบหน้าผิดปกติ จมูกแบน ตาห่าง หนังตาตก บางชนิดอาจจะทำให้เลือดของทารกแข็งตัวช้า
- ยาบรรเทาอาการไอ
ยาแก้ไอชนิดที่ไม่มีไอโอดีน ไม่ควรใช้เลย เพราะอาจทำให้ทารกเกิดอาการคอพอก และมีอาการผิดปกติทางสมองได้
ควรใช้ยากลุ่มละลายเสมหะ ชนิดที่ไม่ดูดซึมไปสู่ลูกในครรภ์ เพื่อให้เสมหะอ่อนตัว ละลายออกมาได้ง่ายจะปลอดภัยกว่า
- ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
ยาลดกรดที่มีส่วนผสมของแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์มาก อาจจะทำให้คุณแม่ท้องเสีย และอาจเป็นอันตรายต่อเด็กในท้องได้
- ยาแก้อาเจียนหรือยาแก้แพ้ท้อง
ควรให้หมอเป็นผู้สั่งยา อย่าซื้อทานเองเด็ดขาด
แต่อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยาทุกชนิด ยกเว้นเมื่อจำเป็นจริงๆ หรือแจ้งคุณหมอหรือเภสัชกรว่าตั้งครรภ์ทุกครั้ง เพื่อที่จะได้จ่ายยาที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่และลูกน้อย
อ้างอิงข้อมูลจาก
www.prema.or.th
หนังสือคู่มือตั้งครรภ์และเตรียมคลอด โดย ศ.(คลินิก) นพ. สุวชัย อินทรประเสริฐ
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
8 อาหารเสริมแคลเซียมสำหรับคนท้องที่ไม่ชอบดื่มนม
ใช้เครื่องสำอางอย่างไรให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูกในท้อง
คนท้องกินยาอะไรได้บ้าง ป่วยแล้วต้องทำยังไง กินยาอะไรไม่ให้กระทบลูกในท้อง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!